- Advertisement -
29.5 C
Bangkok
Home Blog Page 100

มิตซูบิชิ โชว์รถแข่ง ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ที่งาน Big Motor Sale 2023

มิตซูบิชิ ร่วมฉลองชัยชนะครั้งแรกของรถออล-นิว ไทรทัน แรลลี่คาร์ ทีมมิตซูบิชิ แรลลี่ อาร์ท คว้ารางวัลชนะเลิศประเภททีม จากศึกแรลลี่สุดหฤโหด “เอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ 2023” พร้อมจัดแสดงรถแข่ง ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน และรถรุ่นอื่นครบทุกรุ่นที่งาน Big Motor Sale 2023

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ฉลองชัยชนะจากการแข่งขัน “เอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ 2023” ตอกย้ำจิตวิญญาณของความเร้าใจสไตล์มอเตอร์สปอร์ต ด้วยดีเอ็นเอสายเลือดแชมป์แรลลี่ ที่โชว์ศักยภาพขีดสุดของสมรรถนะออล-นิว ไทรทัน โดยทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ท สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศประเภททีม ซึ่งเป็นชัยชนะครั้งแรกของรถออล-นิว ไทรทัน แรลลี่คาร์ โดยรถแข่งทั้งหมดของทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ท สามารถเข้าเส้นชัยและทำเวลาได้ดีกว่าทีมอื่นๆ ที่ส่งรถเข้าแข่งขัน 2 คันขึ้นไป การคว้าชัยในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงสมรรถนะ ความแข็งแกร่ง และความทนทานของออล-นิว ไทรทัน ในการแข่งขันที่เต็มไปด้วยความท้าทายได้อย่างยอดเยี่ยม

ในศึก “เอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ 2023” รถแข่งหมายเลข #101 ขับแข่งโดย “โอห์ม” ชยพล โยธา โดยมี “ต่อ” พีรพงษ์ สมบัติวงศ์ เป็น Co-driver คู่ใจ ร่วมกันคว้ารางวัลอันดับที่ 3 ประเภทบุคคล มาได้สำเร็จ ขณะที่ มร.คัตซูฮิโกะ ทากูชิ และ มร.ทาคาฮิโระ ยาสุอิ จากประเทศญี่ปุ่น พร้อมออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน หมายเลข #112 เข้าสู่เส้นชัยในอันดับที่ 8  ถือเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมซึ่งทำให้ทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ท สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศประเภททีมมาครอง พร้อมตอกย้ำสมรรถนะที่เหนือกว่าของ รถกระบะรุ่นใหม่ ด้วยผลงานของ มร.ริฟัต ซุงการ์ จากอินโดนีเซีย และชูพงศ์ ชัยวรรณ กับออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน หมายเลข #106 ที่เข้าเส้นชัยในอันดับที่ 32 โดยทั้งคู่ยังสามารถทำเวลาเข้าเส้นชัยในอันดับสูงสุดในการแข่งขันวันที่ 5 (SS 5) อีกด้วย ทั้งนี้ การแข่งขันเอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ 2023 ได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 13–19 สิงหาคม 2566 ในประเทศไทย และ สปป.ลาว

มร.เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เราทุกคนภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งกับความสำเร็จของทีมมิตซูบิชิ แรลลี่ อาร์ท และสมรรถนะของ ออล-นิว ไทรทัน ที่ได้รับการปฏิวัติมาใหม่ทุกอณู รางวัลที่ทีมมิตซูบิชิ แรลลี่ อาร์ท คว้ามาครองและผลงานของนักแข่ง แสดงถึงศักยภาพของออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ทั้งในด้านสมรรถนะและความทนทาน แม้จะมีระยะเวลาการเตรียมตัวที่ค่อนข้างจำกัด ผลลัพธ์อันน่าภาคภูมิใจนี้ที่ได้สะท้อนถึงสมรรถนะที่เหนือกว่าของรถกระบะรุ่นใหม่นี้ได้เป็นอย่างดี และเมื่อผสานกับความสามารถของนักแข่งและทีมงานสนับสนุน เราหวังว่าจะสามารถคว้าแชมป์ในปีหน้าได้สำเร็จ และที่สำคัญ เราจะใช้ข้อมูลและประสบการณ์จากการแข่งขัน เพื่อนำมาใช้พัฒนาการผลิตรถยนต์รุ่นต่างๆ ที่จะขายในตลาดต่อไปในอนาคต”

“นอกจากออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แล้ว รถยนต์มิตซูบิชิ ทุกรุ่น ล้วนได้รับการพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของดีเอ็นเอสายเลือดแชมป์แรลลี่ จิตวิญญาณที่มุ่งมั่นสู่ชัยชนะและความทุ่มเทสู่การเป็นแชมป์ คือพลังขับเคลื่อนการพัฒนารถยนต์ทุกรุ่นของเรา เพราะชัยชนะของเราคือชัยชนะของทุกคน รวมถึงลูกค้าของเราด้วย รถยนต์เหล่านี้ได้รับการจัดแสดงที่งาน Big Motor Sale 2023 ทั้งออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน และรถยนต์รุ่นอื่นๆ ของเราที่มีมาตรฐานคุณภาพสูงสุด ได้แก่ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต อีลีท และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส” มร.โคอิโตะ กล่าวเพิ่มเติม

ไฮไลท์ภายในงาน Big Motor Sale 2023 คือ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ซึ่งได้รับการสร้างสรรค์ใหม่ทั้งคันด้วยการหลอมรวมความเป็น “ที่สุด” แห่งดีเอ็นเอของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (Mitsubishi Motors-ness) เพื่อมอบความปลอดภัย มั่นใจ และสะดวกสบายในการขับขี่ภายใต้สภาพอากาศและสภาพถนนที่หลากหลาย ทั่วโลก ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน มาพร้อมการออกแบบใหม่ทั้งหมดที่สะท้อนความทรงพลัง มีขนาดตัวถังที่ใหญ่ขึ้น แข็งแกร่งยิ่งกว่า และโครงสร้างเมกาเฟรมที่มีน้ำหนักเบา เติมเต็มความสมบูรณ์แบบด้วยเครื่องยนต์คลีนดีเซลไฮเปอร์เพาเวอร์ มีพละกำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร มอบอัตราเร่งและสมรรถนะที่เป็นเลิศ พร้อมความประหยัดน้ำมัน ภายในห้องโดยสารใช้วัสดุคุณภาพสูงที่ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ของมิตซูบิชิ มอบความสวยงามผสานความสะดวกสบาย ใช้งานง่ายและทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน เจนเนอเรชั่นที่ 6 รุ่นใหม่ล่าสุดนี้จะปฏิวัติวงการรถกระบะและสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับรถกระบะระดับโลกอย่างแท้จริง

หนึ่งในรุ่นย่อยที่ได้รับการจัดแสดงคือ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน รุ่นดับเบิ้ล แค็บ พลัส 2.4 อัลตร้า เกียร์อัตโนมัติ โดดเด่นด้วยตัวถังที่แข็งแกร่งบึกบึน สไตล์เส้นสายแนวราบ และการผสมผสานไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED เข้ากับไฟส่องสว่างหน้าแบบมัลติโปรเจคเตอร์ LED เพื่อความทันสมัยและทรงพลัง ภายในห้องโดยสารไม่เพียงมีระบบชาร์จไร้สาย ยังมีเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสคมชัดระดับ Full HD ขนาด 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto เสริมสมรรถนะการขับขี่ด้วยระบบลิมิเต็ดสลิปที่เฟืองท้าย แบบควบคุมด้วยเบรก (Limited Slip Differential–Brake Control Type) ระบบความปลอดภัยเพียบพร้อมด้วยถุงลม 7 ตำแหน่ง ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Active Stability Control: ASC) และระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (Traction Control System: TCL) รวมถึงระบบเบรกแบบป้องกันล้อล็อก (Anti-lock Braking System: ABS) ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Brakeforce Distribution: EBD) และระบบเสริมแรงเบรก (Brake Assist: BA)

นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill-Start Assist: HSA) และระบบความปลอดภัยขั้นสูง ‘DIAMOND SENSE’ ประกอบด้วยระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation: FCM) ระบบปรับระดับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ (Auto High Beam: AHB) ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา พร้อมระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Blind Spot Warning with Lane Change Assist: BSW with LCA)  ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert: RCTA) และกล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor: MAM)

รุ่นดับเบิ้ลแค็บที่จัดแสดงอีกรุ่นหนึ่ง คือ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน รุ่นดับเบิ้ล แค็บ 2.4 ไพร์ม ขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ “SUPER SELECT 4WD II” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ นอกจากนี้ ยังเป็นรถกระบะคันแรกในประเทศไทยที่ผสานระบบ Active Yaw Control (AYC) ที่ช่วยเพิ่มความสมดุลขณะเข้าโค้ง โดยระบบจะควบคุมการทำงานของล้อด้านในโค้งกับล้อด้านนอกโค้งให้หมุนสัมพันธ์กัน เพื่อรักษาเสถียรภาพการเข้าโค้งอย่างแม่นยำ ควบคู่ไปกับโหมดการขับขี่ 7 โหมด สิ่งเหล่านี้มอบความสามารถในการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ดีเยี่ยมทั้งออนโรดและออฟโรด ทำให้มั่นใจ ขับสนุกและปลอดภัยมากขึ้นทุกการเดินทาง

อีกหนึ่งรุ่นย่อยคือ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน รุ่นซิงเกิ้ล แค็บ 2.4 โปร เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Easy Select 4WD พร้อมระบบลิมิเต็ดสลิปที่เฟืองท้าย แบบควบคุมด้วยเบรก(Limited Slip Differential–Brake Control Type) ภายในห้องโดยสารมีระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส ขนาด 10 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto เบาะนั่งตกแต่งด้วยวัสดุบุนุ่มระดับพรีเมียม ระบบความปลอดภัยได้แก่ถุงลม 3 ตำแหน่ง ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว(Active Stability Control: ASC) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล(Traction Control System: TCL) ระบบเบรกแบบป้องกันล้อล็อก(Anti-lock Braking System: ABS) ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Brakeforce Distribution: EBD) และระบบเสริมแรงเบรก (Brake Assist: BA) รวมถึงระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill-Start Assist: HSA) สีภายนอกมีทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว Solid White สีเงิน Blade Silver สีเทา Graphite Gray และสีดำ Jet Black Mica

ภายในบูธยังมี มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต 2.4D 4WD Elite Edition โดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD-II อันเป็นเอกลักษณ์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา “ออล วีล คอนโทรล” (All Wheel Control: AWC) สุดอัจฉริยะ ที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับเคลื่อนจากแบบ 2 ล้อ เป็นระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อได้ในทันที แม้ในขณะที่ตัวรถกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง และยังสามารถคงการขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อได้อย่างต่อเนื่องในความเร็วสูง ซึ่งแตกต่างอย่างโดดเด่นจากระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทั่วๆ ไป ทั้งยังช่วยเสริมสมรรถนะการเกาะถนนและการทรงตัว ให้ควบคุมตัวรถได้ง่ายดายและคล่องตัวบนทุกสภาพถนน รวมถึงถนนที่เปียกหรือลื่น เติมเต็มประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยมและรื่นรมย์ สุดมั่นใจและปลอดภัยยิ่งกว่าโดยเฉพาะขณะที่ขับขี่ด้วยความเร็วสูง และยังช่วยลดความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าในขณะที่เดินทางระยะไกล ซึ่งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ สุดอัจฉริยะ ระดับตำนานของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส นี้ ก็เป็นเทคโนโลยีสำคัญที่อยู่ใน ออล-นิว ไทรทัน เช่นกัน

มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต 2.4D 4WD Elite Edition มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.4 MIVEC ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อม Sport Mode และ Paddle Shift ช่วงล่างโครงสร้างคอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลงทั้ง 4 ล้อ ภายนอกโดดเด่นด้วยกระจังหน้าพร้อมแผงตกแต่งใต้กันชนหน้าและหลังสีดำ ยกระดับสมรรถนะการขับขี่ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD ll พร้อมเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ  Full-time All Wheel Control เพิ่มความปลอดภัยบนถนนลื่น ขับสนุก ลุยได้ทุกเส้นทาง นอกจากนี้ยังมีระบบ เทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน All-Round Advanced Safety Technology ภายในห้องโดยสารเต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพกับระบบเครื่องเสียงพรีเมียม Mitsubishi Power Sound System เบาะหนังสังเคราะห์พร้อมคุณสมบัติสะท้อนความร้อน QUOLE MODURE ระบบดันหลังปรับด้วยไฟฟ้าด้านผู้ขับขี่ และเทคโนโลยีระบบปรับอากาศ nanoeTMX ช่วยให้อากาศบริสุทธิ์ตลอดทุกเส้นทาง

มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส รถยนต์รุ่นยอดนิยมก็ได้รับการจัดแสดงภายในบูธเช่นกัน ผสานความสมบูรณ์แบบระหว่างดีไซน์ที่โดดเด่นและรองรับการใช้งานอย่างเต็มที่ นิยามของความลงตัวระหว่างรถเอสยูวีและรถครอสโอเวอร์ ใช้วัสดุคุณภาพสูงระดับพรีเมียมที่มอบสไตล์ที่สะดุดตาและความสปอร์ตทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและภายในห้องโดยสาร มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส มาพร้อมระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) มอบการขับขี่ที่มีเสถียรภาพด้วยการควบคุมพละกำลังและแรงดันเบรกทั้งล้อด้านในและด้านนอกขณะเข้าโค้ง เพื่อยกระดับความปลอดภัยและการยึดเกาะถนน รวมถึงระบบความปลอดภัยมาตรฐานอื่นๆ ได้แก่ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว(Active Stability Control: ASC) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล(Traction Control System: TCL) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน(Hill-Start Assist: HSA) ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติ (Emergency Stop Signal System: ESS) ถุงลมนิรภัยคู่หน้า คานเหล็กนิรภัยกันกระแทกด้านข้างประตู และการปกป้องคนเดินถนน มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส มาพร้อมระยะความสูงใต้ท้องรถ 220 มม. ซึ่งสูงที่สุดในระดับเดียวกัน จึงเป็นรถยนต์ 7 ที่นั่งระดับพรีเมียมที่สมบูรณ์แบบสำหรับครอบครัวทันสมัยและผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้งและการผจญภัย

นอกจากนี้ยังมีแคมเปญพิเศษ ‘Early Bird Package’ สำหรับลูกค้าที่จองออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ภายในงานนี้ เพื่อเพิ่มความสนุกในการเป็นเจ้าของรถกระบะรุ่นใหม่ก่อนใคร โดยสามารถเลือกรับฟรีอุปกรณ์ตกแต่งแท้หรือรับสิทธิพิเศษสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการติดตั้งอุปกรณ์เสริม สำหรับลูกค้าที่จองออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ก่อนวันที่ 31 สิงหาคม 2566 และรับรถภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2566 จะได้รับสิทธิพิเศษดังนี้

•ฟรี ชุดแพ็คเกจอุปกรณ์ตกแต่งแท้ “TRAIL PACKAGE” สำหรับรุ่นดับเบิ้ล แค็บ ยกสูง และ 4WD

•การสนับสนุนค่าใช้จ่าย “WHEEL & TIRE PACKAGE” สำหรับการซื้อและติดตั้งล้ออัลลอย และ/หรือเปลี่ยนยางรถยนต์ มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท สำหรับรุ่นซิงเกิ้ล แค็บ

ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมบูธ A04 ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ที่งาน Big Motor Sale 2023 ระหว่างวันที่ 25 สิงหาคม ถึง 3 กันยายน 2566 ที่ฮอลล์ EH101-104 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมและการทดลองขับ กรุณาเข้าชมเว็บไซต์ www.mitsubishi-motors.co.th หรือติดต่อ มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ ได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง โทร. 02-079-9500

โตโยต้า ชงข้อเสนอสุดพิเศษท้าสายในงาน BIG MOTOR SALE 2023

นายณัทธร ศรีนิเวศน์ รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดบูธโตโยต้าภายใต้แนวคิด “Multiways for A Better World” หรือ “ทุกเส้นทางขับเคลื่อน มุ่งมั่นเพื่อโลกที่ดีกว่า” ยกขบวนรถยนต์ไฮบริด พร้อมเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล หลากหลายรุ่นมาให้ลูกค้าสัมผัส และเลือกเป็นเจ้าของกันอย่างจุใจ นำโดย รถยนต์อเนกประสงค์ระดับLUXURY 7 ที่นั่ง รุ่นใหม่ล่าสุด ALL-NEW TOYOTA ALPHARD / VELLFIRE และรถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่งระดับพรีเมียมINNOVA ZENIX รวมถึงรถยนต์อเนกประสงค์ FORTUNER รุ่นปรับปรุงใหม่ พร้อมกันทั้ง 3 รุ่น ได้แก่ “GR-Sport” “LEGENDER” และ “LEADER” พร้อมข้อเสนอพิเศษต้อนรับสายฝน รับส่วนลดเพิ่มพิเศษ ลุ้นรับบัตรกำนัล สำหรับลูกค้าที่ชม Live สดลงทะเบียนเป็นFORTUNER 100 ท่านแรก เมื่อไปใช้สิทธิจองจริงที่โชว์รูมรับส่วนลดเพิ่มอีก 5,000 บาท พร้อมร่วมสนุกลุ้นบัตร PTT Cash Card ร่วมกิจกรรมภายในงาน “Share to unlock” เพื่อลุ้นรับบัตรกำนัลCentral อีกต่อที่บูธโตโยต้าในงาน Bangkok International Grand Motor Sale 2023 ระหว่างวันที่ 25 สิงหาคม ถึง 3 กันยายน 2566 ศกนี้ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมนานาชาติ ไบเทค บางนา กรุงเทพมหานคร

นายณัทธร กล่าวต้อนรับสื่อมวลชนสู่บูธโตโยต้าว่า “ปีนี้เรามาพบกับท่านในคอนเซ็ปต์ “ทุกเส้นทางขับเคลื่อน มุ่งมั่นเพื่อโลกที่ดีกว่า” หรือ “Multiways for A Better World” ยกขบวนรถยนต์ไฮบริดมาให้ลูกค้าสัมผัส และเลือกเป็นเจ้าของกันอย่างจุใจ นำโดยรถยนต์อเนกประสงค์ระดับ LUXURY เครื่องยนต์ไฮบริด รุ่นใหม่ล่าสุด ALPHARD /VELFIRE และ INNOVA ZENIX รถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่งระดับพรีเมียมที่เพิ่งเปิดตัวไป และกำลังได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างสูงอยู่ในขณะนี้”

​นายณัทธร กล่าวต่อไปว่า “นอกจากนี้ยังมีรถยนต์ยอดนิยมทั้งเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล อีกหลายรุ่นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง FORTUNER รถยนต์อเนกประสงค์ ยอดขายอันดับ 1 นำโดยรุ่น “GR-Sport” ที่ได้ปรับจูนเครื่องยนต์ใหม่ แรงสะใจถึง 224 แรงม้า รุ่นยอดนิยม “LEGENDER” ที่ช่วงล่างปรับจูนพิเศษ และรุ่น “LEADER” ที่เพิ่มความคุ้มค่าด้วยระบบความปลอดภัย อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ครบครัน”

​“สำหรับแฟนๆ รถกระบะเชิญชมผลงานชนะเลิศในการสร้างสรรค์ไอเดีย “อาชีวะท้าแต่งแซด HILUX REVO-D Z-Edition” รถกระบะคอกซิ่งนักสู้ มืออาชีพ และพร้อมลุยไปกับ HILUX REVO B Cab 4×2 นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอพิเศษต้อนรับสายฝน รับส่วนลดเพิ่มพิเศษ ลุ้นรับบัตรกำนัลสำหรับลูกค้าที่ชม Live สด และร่วมกิจกรรมภายในงานจองรถในงานรับข้อเสนอพิเศษเพิ่มอีกต่อ ไม่ว่าจะเป็นแคมเปญดอกเบี้ย 0% ผ่อนเริ่มต้นอัตราพิเศษ ฟรีประกันชั้น1 ขับดีลดให้ “PHYD Pay How You Drive” ที่ช่วยประหยัดค่าเบี้ยประกันภัย จากการประเมินพฤติกรรมการขับขี่ รวมถึงสิทธิพิเศษต่างๆในรถแต่ละรุ่น ที่ท่านจะได้รับ จากผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ” นายณัทธร กล่าวเชิญชวนลูกค้าเข้าร่วมงาน

เลือกเป็นเจ้าของรถยนต์โตโยต้ารุ่นใหม่ล่าสุด ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษแห่งปี

​​ALL-NEW TOYOTA ALPHARD / VELLFIRE 4TH Generation ยนตรกรรมที่ยกระดับความหรูหราสะดวกสบายเหนือระดับ ด้วยดีไซน์ภายนอกภายใต้คอนเซปต์ “Forceful x Impact Luxury” ถ่ายทอดความสง่างาม และทรงพลัง พร้อมการออกแบบภายในที่ปราณีตในทุกรายละเอียด ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ขับเคลื่อนนุ่มนวล ทรงพลัง ด้วยเครื่องยนต์ไฮบริด 2.5 ลิตร ที่ผสาน 2 พลังของมอเตอร์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร Dual VVT- i ทำงานร่วมกันอย่างลงตัว ประหยัดน้ำมันสูงสุด 17.9 กม./ลิตร* (*อ้างอิงจาก ECO Sticker) พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เทคโนโลยี E-Four ใหม่ และโครงสร้างสถาปัตยกรรมยานยนต์ TNGA ที่ออกแบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการ ทรงตัว เกาะถนนได้อย่างดีเยี่ยม มั่นใจกว่าด้วยความปลอดภัยเหนือระดับ Toyota Safety Senseเวอร์ชั่นใหม่ ให้ทุกการขับเคลื่อนเต็มไปด้วยสมรรถนะที่ดีเยี่ยม และนุ่มนวล เป็นที่สุดแห่งสุนทรียะในทุกการเดินทาง

ALL-NEW ALPHARD ใหม่ ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบภายในจากการนั่งเครื่องบินส่วนตัว ความหรูหรา สะดวกสบาย เสมือนห้องนั่งเล่นเคลื่อนที่ด้วยแรงบันดาลใจในการออกแบบภายในจากการนั่งเครื่องบินส่วนตัวพร้อมความหรูหรา สะดวกสบาย เสมือนห้องนั่งเล่นเคลื่อนที่ด้วยฟังก์ชั่นพิเศษสุดหรู

-เบาะนั่งผู้โดยสารแถวสองแยกอิสระ “Executive Lounge” ปรับได้ 10 ทิศทาง พร้อมเบาะรองน่องปรับไฟฟ้า ระบบนวด Massage Relaxation และระบบ Seat Ventilator ควบคุมผ่าน Detachable Tablet

-หลังคา Twin Moonroof พร้อมด้วย Ambient Illumination Light ปรับได้ 64 สี

-คอนโซลด้านบนห้องโดยสารแบบ Super-long Overhead Console พร้อมจอสำหรับผู้โดยสารตอนหลังขนาด 14 นิ้ว

-ม่านบังแดดปรับไฟฟ้

-ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระ 4 โซนพร้อม nanoe™X สำหรับห้องโดยสารตอนหน้า

-พรีเมียมยิ่งขึ้นด้วยวัสดุเบาะนั่งแบบหนังแท้ Premium Nappa และตกแต่งภายในด้วยลายไม้แบบ Uzuramoku

ALPHRAD 2.5 HEV ​​ราคา 4,129,000 บาท

ALPHARD 2.5 HEV LUXURYราคา ​4,499,000 บาท

​​ALL-NEW VELLFIRE ใหม่ เปิดประสบการณ์ Sport Luxury ใหม่ กับความหรูหราสะดวกสะบาย พร้อมรูปลักษณ์ดุดันสไตล์สปอร์ต

-พิเศษ! ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว

-พิเศษ! ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์พิเศษเฉพาะ VELLFIRE พร้อมไฟเลี้ยวแบบ Sequential

-พิเศษ! กันชนหน้าและหลัง ดีไซน์พิเศษเฉพาะ VELLFIRE

-สีเบาะภายใน Sporty Style สีดำเข้มขรึม

-หน้าจอเครื่องเสียงแบบสัมผัส ขนาด 14 นิ้ว

-การเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย

-ลำโพง JBL 15 ตำแหน่ง

-จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมจอแสดงผลแบบสีบนกระจกหน้ารถ (HUD)

VELLFIRE 2.5 HEV​​​ ราคา 4,279,000 บาท

พิเศษ! เพิ่มความสปอร์ตแบบ Exclusive ได้มากกว่า ด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่ง MODELLISTA*

-ALPHARD MODELLISTA ชุดอุปกรณ์ตกแต่งกระจังหน้า – สเกิร์ตหน้า – สเกิร์ตข้างซ้าย-ขวา สเกิร์ตหลัง และสัญลักษณ์ MODELLISTA ด้านท้ายรถ ราคารวมค่าติดตั้ง : 149,000 บาท

-VELLFIRE MODELLISTA ชุดอุปกรณ์ตกแต่งสเกิร์ตหน้า – สเกิร์ตข้าง ซ้าย-ขวา – สเกิร์ตหลัง อุปกรณ์ตกแต่งท่อไอเสีย และสัญลักษณ์ MODELLISTA ด้านท้ายรถ ราคารวมค่าติดตั้ง: 169,000 บาท

มั่นใจสูงสุดกับระบบไฮบริด และศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศด้วยข้อเสนอสุดพิเศษ**

-แพ็กเกจขยายระยะเวลารับรองการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี (ช่วงปีที่ 6-10) พร้อมรับประกันระบบไฮบริด 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

-ขยายระยะรับประกันสูงสุด 5 ปี หรือ 150,000 กม. เมื่อเข้าเช็กระยะตามกำหนด

-พร้อมฟรีค่าแรงเช็คระยะจนถึง 100,000 กม.

*ชุดอุปกรณ์ตกแต่ง MODELLISTA จัดจำหน่ายโดย บริษัททีซีดี เอเชีย เซลล์ จำกัด

โดยชุดอุปกรณ์ตกแต่งมีจำหน่ายเฉพาะสี Platinum White Pearl และสี Black เท่านั้น

 **เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

ALL-NEW INNOVA ZENIX รถอเนกประสงค์ MPV ระดับหรู7 ที่นั่ง สมบูรณ์แบบด้วยโครงสร้างสถาปัตยกรรมยานยนต์ TNGA “Toyota New Global Architecture” พร้อมช่วงล่างใหม่ และพวงมาลัยไฟฟ้า EPS ให้การควบคุมรถที่แม่นยำ ง่ายดาย ทัศนวิสัยรอบคันดีเยี่ยม มั่นใจทุกสภาพถนน ขับเคลื่อนด้วยพลังของเครื่องยนต์ไฮบริด 2.0 ลิตร ใหม่ล่าสุด ตอบสนองการขับขี่ที่นุ่มนวล ทรงพลัง กำลังสูงสุด 186 แรงม้า เกียร์ e-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 21.3 กม./ลิตร* (*อ้างอิงจาก ECO Sticker) พร้อมความปลอดภัยเหนือระดับด้วย Toyota  Safety Sense เจเนอเรชันที่ 3 จากภายนอกสู่ภายใน ทันสมัย กว้างขวาง สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น พร้อมฟังก์ชันระดับพรีเมียม เช่น เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะผู้โดยสารแถวสองปรับไฟฟ้าแบบ Captain Seat พร้อมเบาะรองน่องปรับไฟฟ้า และโต๊ะส่วนตัวแบบพับได้ ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร เบาะนั่งแถว 3 พับเรียบเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ และสีพิเศษใหม่ Dark Steel Mica พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกล้ำสมัยรอบคัน ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย และอรรถรสในการขับขี่ สร้างความมั่นใจตลอดการเดินทาง ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์คนเมือง เลือกเป็นเจ้าของได้ 2 รุ่น

2.0 HEV Smart ราคา ​​1,379,000 บาท

2.0 HEV Premium ​​ราคา 1,479,000 บาท

รับข้อเสนอสุดพิเศษ! สำหรับการเป็นเจ้าของ ALL-NEW INNOVA ZENIX **

-แพ็กเกจขยายระยะเวลารับรองการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี (ช่วงปีที่ 6-10) พร้อมรับประกันระบบไฮบริด 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

-ขยายระยะรับประกันสูงสุด 5 ปี หรือ 150,000 กม เมื่อเข้าเช็กระยะตามกำหนด พร้อมฟรีค่าแรงจนถึง 100,000 กม.

*สำหรับสีพิเศษ Platinum White Pearl เพิ่ม 10,000 บาท

**เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

พร้อมเลือกเป็นเจ้าของรถยนต์ยอดนิยม ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล อีกหลายรุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง FORTUNER รถยนต์อเนกประสงค์ PPV ยอดขายอันดับ 1 รุ่นปรับปรุงใหม่ นำโดยรุ่น “GR-Sport” ที่ได้ปรับจูนเครื่องยนต์ใหม่ แรงสะใจถึง 224 แรงม้ารุ่นยอดนิยม “LEGENDER” ที่ช่วงล่างปรับจูนพิเศษ และ รุ่น “LEADER” ที่เพิ่มความคุ้มค่า ด้วยระบบความปลอดภัย อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ครบครัน

FORTUNER “GR-Sport” เสริมภาพลักษณ์อันโดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ต โฉบเฉี่ยว ทรงพลัง สนุกสนานกับสมรรถนะการขับขี่เหนือชั้นด้วยเครื่องยนต์แรงสุด 2.8 GD Super Power ปรับจูนใหม่ ให้กำลัง 224 แรงม้า (เพิ่มขึ้น 20 แรงม้า) แรงบิด 550 นิวตันเมตร (เพิ่มขึ้น 50 นิวตันเมตร) และช่วงล่างสปอร์ต เพื่ออรรถรสในการขับขี่ที่เหนือระดับในทุกเส้นทาง

FORTUNER 2.8 GR-Sport เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 4 ล้อ​ ราคา 1,939,000 บาท

(*สำหรับสี Emotional Red Black Top และ สี Platinum White Pearl Black Top เพิ่ม 20,000 บาท)

FORTUNER “LEGENDER” รุ่นยอดนิยม ด้วยภาพลักษณ์อันหรูหราแบบผู้นำ พร้อมสมรรถนะเครื่องยนต์ และระบบความปลอดภัยไฮเทค ครบครัน ขับเคลื่อนเหนือระดับด้วยช่วงล่างปรับจูนพิเศษเฉพาะรุ่น LEGENDER เพิ่มความนุ่มนวล ดูดซับแรงสั่นสะเทือนดีเยี่ยม ขับเคลื่อนเต็มพลังด้วยเครื่องยนต์ 2.4 และ 2.8 GD Super Power มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อและ 4 ล้อ Sigma 4 system สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยหน้าจอ 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay & Android Auto แบบไร้สาย

FORTUNER LEGENDER มี 4 รุ่นย่อย

2.4 เกียร์อัตโนมัติ ราคา 1,618,000 บาท

2.4 เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา ​​1,688,000 บาท

2.8 เกียร์อัตโนมัติ ราคา​​​​1,810,000 บาท

2.8 เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 1,874,000 บาท

(*สำหรับสี Emotional Red Black Top และ สี Platinum White Pearl Black Top เพิ่ม 20,000 บาท)

​​FORTUNER “LEADER” สำหรับผู้ที่มองหารถยนต์อเนกประสงค์ราคาเหมาะสม พร้อมดีไซน์พรีเมียม สวยสะดุดตา อมตะเหนือกาลเวลา และความคุ้มค่าด้วยระบบความปลอดภัย และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ขับเคลื่อนนุ่มนวลด้วยพลังของเครื่องยนต์ 2.4 GD Super Powerให้กำลัง 150 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร มีให้เลือกทั้งแบบ ขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อSigma 4 system สะดวกสบายด้วยระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (BSM) – ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA – ระบบกล้องมองรอบคัน 360 องศา (PVM)

FORTUNER LEADER มี 3 รุ่นย่อย

2.4 G เกียร์อัตโนมัติ ราคา ​​​1,375,000 บาท

​2.4 V เกียร์อัตโนมัติ ราคา ​1,505,000 บาท

​​2.4 V เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 1,575,000 บาท

(** สำหรับสี Platinum White Pearl และ Emotional Red เพิ่ม 12,000 บาท)

​​เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้นด้วยเงื่อนไขพิเศษ

-ทางเลือกที่ 1 : ดอกเบี้ยพิเศษ 1.65% พร้อมประกันภัยชั้น 1 TOYOTA Care PHYD (คำนวนจาก FORTUNER LEADER 2.4G ราคา 1,375,000 บาท ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน)

ทางเลือกที่ 2 : ผ่อนเริ่มต้น 14,544 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1 TOYOTA Care PHYD (คำนวนจาก FORTUNER LEADER 2.4G ราคา 1,375,000 บาท ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือนอัตราดอกเบี้ย 2.65%)

​พิเศษ! สำหรับเจ้าของ YARIS เลือกชม และซื้อชุดอุปกรณ์ตกแต่งสุดพิเศษ NEW YARIS X-URBAN เสริมความสปอร์ต สไตล์ Urban Crossover ให้กับ YARIS โดยเฉพาะ เปลี่ยนลุคให้ดูทันสมัย โดดเด่นบนท้องถนน ตอบโจทย์การขับขี่ภายในเมือง ด้วยชุดโช้คอัพ และสปริงแบบยกสูง เพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ ประกอบด้วย

1. ชุดสเกิร์ตหน้า

2. คิ้วกระจังหน้า

3. ชุดสเกิร์ตข้าง

4. ชุดตกแต่งข้างประตู

5. ชุดสเกิร์ตหลัง

6. ล้ออัลลอย และยางขนาด 16 นิ้ว พร้อมฝาครอบดุมล้อ

7. ชุดตกแต่งซุ้มล้

8. ชุดโช้คอัพ และสปริงแบบยกสูง (หน้าและหลัง)

9. สัญลักษณ์ X-URBAN ด้านท้ายรถ

เป็นเจ้าของได้ง่ายๆ ด้วยราคาสุดพิเศษ ผ่อนเพิ่มเพียง 493บาท/เดือน* เท่านั้น

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

​สำหรับแฟนๆ รถกระบะ เชิญชมผลงานชนะเลิศ ในการสร้างสรรค์ไอเดีย “อาชีวะท้าแต่งแซด HILUX REVO-D Z-Edition” และพร้อมลุยไปกับ HILUX REVO B Cab 4×2 “รถกระบะคอกซิ่ง วิ่งงาน พารวย แต่งสวย บรรทุกหนัก นักสู้ มืออาชีพ”

ด้วยชื่อเสียงที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายทางด้านความทนทาน ประหยัดน้ำมัน ไฮลักซ์ รีโว่จึงเป็นขวัญใจชาวรถกระบะ ที่ใช้บรรทุกหนักเพื่องานอาชีพ และใช้เดินทางในชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจ ประหยัดน้ำมัน คุ้มค่า คุ้มราคา และเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยมาอย่างยาวนาน พร้อมพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ “เบิ้ล ปทุมราช”และ “ก้อง ห้วยไร่” ด้วยภาพลักษณ์ที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายกับภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ภายใต้ธีม “ยอดกระบะประหยัดน้ำมัน”

​นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอพิเศษรับสายฝน! รับส่วนลดเพิ่มพิเศษ ลุ้นรับบัตรกำนัล สำหรับลูกค้าที่ชม Live สดลงทะเบียนเป็น FORTUNER 100 ท่านแรก เมื่อใช้สิทธิจองรถที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่าย จะได้รับส่วนลดเพิ่มอีก 5,000 บาท = ได้ส่วนลดรวม 7,000 บาท และร่วมสนุกลุ้นบัตร PTT Cash Card ร่วมกิจกรรมภายในงาน “Share to unlock” เพื่อลุ้นรับบัตรกำนัล Central อีกต่อ

​จองรถในงาน รับข้อเสนอพิเศษเพิ่มอีกมากมาย! ไม่ว่าจะเป็นแคมเปญดอกเบี้ย 0% ผ่อนเริ่มต้นอัตราพิเศษ ฟรีประกันชั้น1 ขับดีลดให้ “PHYD : Pay How You Drive” Toyota Care ที่ใช้การวิเคราะห์ข้อมูล และพฤติกรรมการขับขี่ คำนวณเป็นคะแนนการขับขี่ “ขับดี ลดให้” ส่งเสริมให้ลูกค้าขับรถอย่างปลอดภัย โดยคะแนนการขับขี่จะปรากฎบนแอพพลิเคชั่น T-Connect ของลูกค้าหลังการขับขี่ทุกครั้ง ซึ่งมาจากพฤติกรรมการขับขี่โดยคำนวณจาก การเร่งความเร็ว การเบรก การเข้าโค้ง และ ระยะทางการขับขี่

พร้อมรับความคุ้มค่าของประกันภัย PHYD

1. ลูกค้าใหม่รับส่วนลด 10% เมื่อเปรียบเทียบกับเบี้ยประกันภัย โตโยต้า แคร์ ปกติ

2. ลูกค้า PHYD ที่ต่ออายุประกันภัยปีที่ 2 รับส่วนลดการต่อประกันภัยสูงสุดถึง 40% จากคะแนนการ ขับขี่ และส่วนลดลูกค้าประวัติดี

3. การใช้งานสะดวกสบาย ลูกค้าเพียงแค่ผูกข้อมูลรถกับแอปพลิเคชัน T-Connect เมื่อหน้าจอแอปของท่านแสดงข้อมูลรถยนต์ เช่น ระยะทาง และปริมาณน้ำมันคงเหลือก็แสดงว่ารถของท่านมีระบบเทคโนโลยี Connected ใหม่ พร้อมการเตือนต่ออายุประกันภัย

4. สิทธิประโยชน์อื่นๆ ตามมาตรฐานประกันภัย Toyota CARE

– รับประกันงานซ่อมที่ศูนย์บริการตัวถัง และสีของโตโยต้า

​- สามารถใช้บริการ ณ ศูนย์บริการตัวถัง และสีของโตโยต้า กรณีเป็นประกันภัย PHYD นานสูงสุด 8 ปี

​- บริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉินตลอด 24 ชม.

​- รับบริการมาตรฐานโตโยต้า ด้วยอะไหล่แท้ที่ศูนย์บริการตัวถัง และสี ครอบคลุมกว่า 256 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงสิทธิพิเศษต่างๆ ในรถแต่ละรุ่นจากผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าของรถยนต์โตโยต้าที่ตอบโจทย์ ทุกความต้องการ ทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย และทดลองขับก่อนตัดสินใจซื้อในงาน Bangkok International Grand Motor Sale 2023 ระหว่างวันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม– วันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน 2566 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมนานาชาติ ไบเทค บางนา​ กรุงเทพมหานคร

“โตโยต้า ร่วมขับเคลื่อนอนาคต”

มาสด้า เปิดตัว CX-3 ใหม่ เพิ่มคุณค่า สปอร์ตพรีเมี่ยมยิ่งขึ้น

มาสด้า เปิดตัว New Mazda CX-3 ยนตรกรรมครอสโอเวอร์เอสยูวีรุ่นใหม่ล่าสุด ที่ออกแบบใหม่ทั้งภายนอกและภายใน พร้อมแนวคิด “Never Settle for Less ความท้าทายใหม่ไม่รู้จบ” ตกแต่งอย่างมีสไตล์ยกระดับความสปอร์ตพรีเมี่ยมให้โดดเด่นยิ่งขึ้น มีให้เลือกถึง 4 รุ่นย่อย พร้อมรุ่นย่อยใหม่ กับ 2.0 Sport Luxe ครบครันด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟและโคโดะดีไซน์อันสง่างามสปอร์ตโดดเด่นไม่เหมือนใคร เหนือชั้นด้วยเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.0 ลิตร ทั้งความแรงและประหยัดน้ำมัน 16.4 กิโลเมตร/ลิตร ใส่ระบบความปลอดภัยครบครันมากกว่าเดิม ราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 770,000 บาท กับคุณภาพล้นคัน คุ้มค่าเกินราคา สัมผัสคันจริงได้ที่งาน Big Motor Sale ระหว่างวันที่ 25 สิงหาคม 2566 – 3 กันยายน 2566 หรือทดลองขับพร้อมรับข้อเสนอพิเศษมากมายได้ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

มร.ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้ามุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อส่งมอบประสบการณ์ความสนุกสนานในการขับขี่ให้กับลูกค้า เพื่อให้รถยนต์มาสด้าเป็นยานพาหนะที่สร้างความรักความผูกพันให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างไม่รู้จบ ซึ่ง Mazda CX-3 คือหนึ่งในรถครอสโอเวอร์เอสยูวีรุ่นเริ่มต้น ภายใต้ตระกูล CX-Series ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย โดยสามารถสร้างความสำเร็จด้านยอดขายให้กับมาสด้าอย่างต่อเนื่อง และยังคงได้รับความนิยมจากลูกค้ามาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่กำลังมองหาเอสยูวีคันแรกที่ให้ความอเนกประสงค์ในการเดินทาง ตั้งแต่ Mazda CX-3 ได้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยถึงปัจจุบัน สามารถครองใจลูกค้าด้วยยอดขายสะสมสูงถึง 30,000 คัน

การเปิดตัวครั้งนี้ เป็นการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดรถอเนกประสงค์ขนาดซับคอมแพคท์ (B-SUV) ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง New Mazda CX-3 จึงได้ถูกพัฒนาไปอีกขั้น โดยเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานเข้ามาและเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ คือรุ่น 2.0 Sport Luxe ที่ได้รับการตกแต่งเสริมเอกลักษณ์ความสปอร์ตที่โดดเด่น รวมถึงเพิ่มอุปกรณ์และเทคโนโลยีมาอย่างครบครัน เพื่อมอบความคุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้งานและไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ให้มากที่สุด ทำให้ New Mazda CX-3 มีให้เลือกถึง 4 รุ่นย่อย และมาพร้อมสีภายนอกใหม่ล่าสุดกับ สีเทา แอโร เกรย์ ซึ่งเป็นสีที่ได้รับการพัฒนาตามแนวคิด โคโดะ ดีไซน์ ที่เรียบง่ายแต่งดงาม และเพิ่งเปิดตัวแนะนำเป็นครั้งแรกไปเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งสะท้อนถึงภาพลักษณ์ความสปอร์ตที่ตรงใจลูกค้าที่ชื่นชอบความสปอร์ตได้อย่างลงตัว มาสด้ามั่นใจว่ารถรุ่นนี้จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าชาวไทย กลายเป็นรถครอสโอเวอร์เอสยูวีคันแรกที่สามารถมอบความสุขและความสนุกสนานในการขับขี่ให้กับลูกค้าตลอดการเดินทาง

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การเปิดตัว New Mazda CX-3 ครั้งนี้ มาพร้อมแนวคิด “Never Settle for Less ความท้าทายใหม่ไม่รู้จบ” เป็นครอสโอเวอร์เอสยูวีคันแรกที่จะพาคุณออกไปเริ่มต้นประสบการณ์ใหม่ได้ไม่รู้จบ เพื่อจุดพลังความกล้าที่จะท้าทายจากสิ่งเดิมๆ ทำในสิ่งที่อยากทำ เติมเต็มชีวิตไปด้วยประสบการณ์ใหม่ที่น่าตื่นเต้นและน่าจดจำ ทำให้ทุกวันเป็นไปได้มากกว่าที่เคยเป็น โดยกลุ่มเป้าหมายยังคงเป็นวัยเริ่มต้นทำงานที่มองหารถครอสโอเวอร์เอสยูวีคันแรก หรือลูกค้าที่ต้องการซื้อรถเพิ่มเติมเพื่อเติมเต็มชีวิตของครอบครัว ด้วยดีไซน์สปอร์ตพรีเมี่ยม และโดดเด่น มีความคุ้มค่า คุ้มราคา เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยให้การใช้งานในชีวิตประจำวันสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น จำหน่ายเริ่มต้นเพียง 770,000 บาท ซึ่งถูกลงกว่ารุ่นเดิมถึง 16,000 บาท ทำให้ New Mazda CX-3 ใหม่ กลายเป็นครอสโอเวอร์เอสยูวี ที่ให้ความคุ้มค่ามากที่สุดในตลาดเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีที่มาสด้าให้มาแบบเต็มคัน

กลุ่มลูกค้า New Mazda CX-3 ภายใต้แนวคิด “Never Settle for Less” จะให้ความสำคัญกับการค้นหาประสบการณ์เพื่อลงมือทำสิ่งใหม่ๆ ได้อย่างไร้ขีดจำกัด จุดพลังความกล้าที่จะท้าทายสิ่งเดิมๆ ทำในสิ่งที่อยากทำ เติมเต็มชีวิตไปด้วยประสบการณ์ใหม่ที่น่าตื่นเต้นและน่าจดจำ มีความมั่นใจ มีคติที่ต้องลงมือทำ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์หรือเติมเต็มความต้องการให้ชีวิต ต้องการที่จะก้าวไปอีกขั้นในทุกด้านๆ ทั้งการงาน การใช้ชีวิต เพื่อใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า สนใจเทคโนโลยี ความทันสมัย มีไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายมิติ ทั้งออนไลน์และการออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน ชอบการพบปะสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน มองรถยนต์เป็นพาร์ทเนอร์ที่เดินทางไปสร้างประสบการณ์ด้วยกัน

สมรรถนะความแรงกับเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซินขนาด 2.0 ลิตร และ G-Vectoring Control

ในทุกรุ่นย่อยของ New Mazda CX-3 มาพร้อมเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร (SKYACTIV-G 2.0) ให้พละกำลังแรงม้าสูงสุดถึง 156 แรงม้า ประหยัดน้ำมันถึง 16.4 กม./ลิตร* และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ หรือ G-Vectoring Control (GVC) เทคโนโลยีเฉพาะของมาสด้าภายใต้ Skyactiv-Vehicle Dynamics ที่ช่วยควบคุมสมรรถนะการขับขี่ให้แม่นยำและสมดุล เพื่อให้ผู้ขับขี่สัมผัสถึงความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างคนกับรถได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

*ผลการทดสอบตามมาตรฐาน UN101 Combine Mode

เติมเต็มด้วยอุปกรณ์มาตรฐานด้านความปลอดภัยที่ติดตั้งเพิ่มเติมมาอย่างครบครัน รวมถึงมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัยกว่าให้กับผู้ขับขี่ ด้วยระบบ i-Activsense ที่ช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุและช่วยให้การขับขี่ทำได้ง่ายยิ่งขึ้น ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced SCBS) ระบบช่วยหยุดรถขณะถอยหลัง (SCBS-R) ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ (SBS) ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน (LDWS) ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (HBC) และติดตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC แบบ Stop & Go โดยระบบสามารถปรับความเร็วตามรถคันหน้าแบบอัตโนมัติได้จนถึงจุดหยุดนิ่ง

ยกระดับภาพลักษณ์สปอร์ตพรีเมี่ยม ด้วยดีไซน์ภายนอกและภายในใหม่

การออกแบบดีไซน์ของ New Mazda CX-3 ได้รับการยกระดับความสปอร์ตพรีเมี่ยม มีเอกลักษณ์ในสไตล์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ภายนอก ที่มาพร้อมกระจังหน้าสีดำ กระจกมองข้างสีดำ ซุ้มล้อสีดำเงา และหลังคาสีดำเงา และมาพร้อมล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 18 นิ้ว ในขณะที่ภายในห้องโดยสารก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์ด้วยความประณีต พิถีพิถันใส่ใจในทุกรายละเอียด และมาพร้อมความโดดเด่นไม่ซ้ำใคร ด้วยคอนโซลหน้าหุ้มด้วยหนังสีฟ้าเทา ตกแต่งด้วยด้ายสีคอปเปอร์ พร้อมกรอบช่องแอร์สีคอปเปอร์ ผสานกันอย่างลงตัวกับเบาะหนังสีดำและผ้า Grand Luxe Suede® พร้อมสีภายนอกใหม่ สีเทา แอโร เกรย์ ที่เสริมสร้างภาพลักษณ์ความสปอร์ตหรูไปอีกระดับ

ภายในห้องโดยสารของ New Mazda CX-3 ยังคงความสะดวกสบายครบครัน โดยได้รับการพัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ HMI (Human-Machine Interface) ด้วยการออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งานและจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ในตำแหน่งที่เหมาะสมโดยยึดหลักปรัชญามนุษย์เป็นศูนย์กลาง เพื่อให้ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนน มาพร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Sports Paddle Shift ช่วยให้การขับขี่เป็นไปอย่างสนุกสนานเร้าใจ และช่วยให้เปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ ด้วยหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า

เทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้ขีดจำกัด Mazda Connect ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้อย่างลงตัว

New Mazda CX-3 ช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสนุกสนานเพลิดเพลินกับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย และไม่พลาดทุกการติดต่อ ด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้ขีดจำกัดกับ Mazda Connect ที่รองรับ Apple CarPlay® และ Android AutoTM โดยแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบทัชสกรีน ขนาด 7 นิ้ว มอบความสะดวกสบายด้วยอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย Wireless Charger รวมถึงเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง 2 ตำแหน่ง พนักพิงเบาะหลังสามารถแยกพับ 60:40 อิสระออกจากกัน พร้อมพนักวางแขนและที่วางแก้วแบบมีฝาปิด นอกจากนี้ ยังมอบความเหนือกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกันด้วยระบบเสียง Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 7 ตำแหน่ง เพิ่มสุนทรียภาพให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารไปตลอดการเดินทาง

มอบความอุ่นใจให้กับทุกการขับขี่ ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย i-Activsense

New Mazda CX-3 ได้รับการติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานด้านความปลอดภัยเพิ่มเติมเข้ามา ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยเชิงป้องกัน i-Activsense ที่ช่วยลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุและช่วยให้ขับขี่ได้อย่างสะดวกสะบายมากยิ่งขึ้น อาทิ

-ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (ABSM)

-ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน (LDWS)

-ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง (SCBS-R)

-ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA)

-ระบบช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (DAA)

-ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (HBC)

-ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ (SBS)

-ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced SCBS)

-ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบ Stop & Go (MRCC with Stop & Go)

สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 7 สี รวมถึงสีใหม่ล่าสุด สีเทา แอโร เกรย์

-สีแดง โซล เรด คริสตัล (Soul Red Crystal)

-สีเทา แมชชีน เกรย์ (Machine Gray)

-สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (Snowflake White Pearl)

-สีเทา โพลีเมทัล เกรย์ (Polymetal Gray)

-สีดำ เจ็ท แบล็ก (Jet Black)

-สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ (Platinum Quartz)

-สีเทา แอโร เกรย์ (Aero Gray)* สีภายนอกใหม่

สำหรับรุ่น 2.0 Sport Luxe มีสีภายนอกให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีเทา แอโร เกรย์, สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์, สีแดง โซล เรด คริสตัล และสีเทา โพลีเมทัล เกรย์

New Mazda3 มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่นย่อย และมีราคาจำหน่ายดังต่อไปนี้

รายละเอียดรุ่นราคาจำหน่าย
 รุ่น 2.0 Base770,000 บาท
 รุ่น 2.0 Base Plus830,000 บาท
 รุ่น 2.0 Comfort900,000 บาท
รุ่นย่อยใหม่รุ่น 2.0 Sport Luxe970,000 บาท

หมายเหตุ:

•สีขาว Snowflake White Pearl เพิ่ม 7,000 บาท

•สีเทา Machine Gray เพิ่ม 10,000 บาท

•สีแดง Soul Red Crystal เพิ่ม 12,000 บาท

พร้อมกันนี้ มาสด้ายังได้มอบข้อเสนอพิเศษช่วงเปิดตัวให้กับลูกค้าที่สนใจเป็นเจ้าของ ด้วยข้อเสนอดอกเบี้ย 1.79%1 และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2 ลูกค้าที่สนใจสามารถเข้ามาชมรถคันจริงพร้อมจองซื้อได้แล้วตั้งแต่วันนี้ที่งาน Big Motor Sale 2023 และที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ www.mazda.co.th

นอกจากมาสด้าจะเปิดตัวแนะนำรถครอสโอเวอร์เอสยูวี New Mazda CX-3 ในงาน Big Motor Sale 2023 และจัดแสดงให้เลือกสรรอย่างครบครันทั้ง 4 รุ่นย่อย แล้ว ยังได้ขนทัพรถมาสด้าอีกถึง 4 รุ่น มาจัดแสดงให้เลือกสรรในงานพร้อมมอบข้อเสนอพิเศษเมื่อออกรถทุกรุ่น ได้แก่

-New Mazda2 ดอกเบี้ย 2.29%1 และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2 หรือ ดอกเบี้ย 1.59%1 และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2

-New Mazda CX-3 ดอกเบี้ย 1.79%1 และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2

-Mazda3 ดอกเบี้ย 2.29%1, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2, ฟรีค่าแรงเช็กระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร3 และขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร4

-Mazda CX-30 ดอกเบี้ย 2.29%1, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2, ฟรีค่าแรงเช็กระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร3 และขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร4 หรือ ดอกเบี้ย 1.19%1 และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2

หมายเหตุ:

1 Mazda2: ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 72 เดือน, New Mazda2: ดอกเบี้ย 2.29% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน สำหรับ ทุกรุ่น และ ดอกเบี้ย 1.59% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน ยกเว้นรุ่น 1.3 C/C Sports ราคา 599,000 บาท, 1.3 Clap Pop Sports ราคา 647,000 บาท และ 1.3 Rookie Drive Sports ราคา 662,000 บาท, Mazda CX-3: ดอกเบี้ย 0% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 60 เดือน และ New Mazda CX-3 ดอกเบี้ย 1.79% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน, Mazda3: ดอกเบี้ย 2.29% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน, Mazda CX-30: ดอกเบี้ย 2.29% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน หรือ ดอกเบี้ย 1.19% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน

2 บริษัทประกันภัยที่ร่วมโครงการ ได้แก่ (1) บมจ. วิริยะประกันภัย (2) บมจ. ธนชาตประกันภัย (3) บมจ. ประกันภัยไทยวิวัฒน์  (4) บมจ. กรุงไทยพานิชประกันภัย

3 ฟรีค่าแรงการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 10 ครั้ง ทุก 6 เดือน หรือ ทุก 10,000 กม. ตั้งแต่ 10,000 – 100,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

4 ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) ตามเงื่อนไขโปรแกรม Mazda Added Protection

เงื่อนไขเพิ่มเติม:

•เงื่อนไขการพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามข้อกำหนดของ บมจ. ธนาคารทิสโก้ และ ทีเอ็มบีธนชาต เท่านั้น

•ข้อเสนอดังกล่าวสำหรับผู้เช่าซื้อที่ผ่านการอนุมัติตามเงื่อนไขของ บมจ. ธนาคารทิสโก้ และ ทีเอ็มบีธนชาต ที่จองและออกรถภายในวันที่ 25 สิงหาคม 2566 – 30 กันยายน 2566 เท่านั้น

นันทวัฒน์ – เหมาแชมป์สนาม 3 ขึ้นนำฝูง ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก วันเมคเรซ

นันทวัฒน์ ชำนาญ ดาวขับสังกัด Nexzter HYB Motul by TTR สร้างผลงานระดับมาสเตอร์ ในสนามที่ 3 ศึกฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก วันเมคเรซ 2023 ซิ่งเหมาแชมป์จากการชิงชัย ที่ พีระฯ เซอร์กิต บวกแต้มขยับขึ้นรั้งจ่าฝูงบนตารางแชมเปี้ยนชิพ ก่อนยกพลตัดสินแชมป์ประจำปี ที่สงขลา ในเดือนตุลาคมนี้

ศึกรถยนต์ทางเรียบ รายการฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก วันเมคเรซ 2023 ยกพลดวลความเร็วสนามที่ 3 ของฤดูกาล ระหว่างวันที่ 18-20 สิงหาคม ที่ผ่านมา ณ พีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต (พัทยา) แทร็กระดับตำนานของวงการความเร็ว หลังผ่านการชิงชัย 2 สนามแรกบนสังเวียนระดับอินเตอร์ ที่ ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต

โพลโพซิชั่นในเรซที่ 5 ตกเป็นของ นันทวัฒน์ ชำนาญ ดาวขับสังกัด Nexzter HYB Motul by TTR ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในรอบควอลิฟาย ขนาบด้วย ฐิติพงศ์ อาจินภัทรา จ่าฝูงจาก PT Maxnitron Motorsport ถัดไปเป็น สิตาวีร์ ลิ้มนันทรักษ์ นักขับสาวสังกัด Nexzter rest Club Singha Sittipol และ ธนาศิวณัฐ พงสินนัชอาชัญ จาก PT Maxnitron Motorsport ในกริดที่ 3 และ 4

ออกสตาร์ทเรซด้วยตำแหน่งหัวขบวนของ นันทวัฒน์ ที่รักษาความได้เปรียบไว้ได้ ตามด้วย ฐิติพงศ์ และ สิตาวีร์ ในอันดับ 2 และ 3 หลังจากนั้น ดาวขับสังกัด Nexzter HYB Motul by TTR ที่อยู่ในฟอร์มอันร้อนแรง เร่งเครื่องเพิ่มช่องว่างระหว่างคู่แข่งออกไปเรื่อยๆ ส่งผลให้ความเข้มข้นของการแข่งขันอยู่ที่การแย่งชิงอันดับ 2 ของดาวขับในกลุ่มหลัง

โดยในช่วงท้ายการแข่งขัน สิตาวีร์ สามารถสร้างจังหวะเร่งเครื่องแซง ฐิติพงศ์ ขึ้นไปรั้งอันดับ 2 ขณะที่เหลือการแข่งขัน 3 รอบสนาม รวมถึง สถาพร ที่สามารถขยับอันดับของตนเองได้ในรอบถัดมา ครบ 15 รอบสนาม ที่ พีระฯ แชมป์ตกเป็นของ นันทวัฒน์ ตามด้วย สิตาวีร์ ในอันดับ 2 ส่วนอันดับ 3 ตกเป็นของ สถาพร เบียด ฐิติพงศ์ ลงไปคว้าอันดับ 4 ขณะที่ ธนาศิวณัฐ ตามขึ้นโพเดี้ยมอันดับ 5

ส่วนเกมในเรซที่ 6 ยังคงเป็น นันทวัฒน์ ชำนาญ แชมป์ในเรซ 5 จาก Nexzter HYB Motul by TTR ที่ได้เริ่มเกมในตำแหน่งโพล ตามด้วย ฐิติพงศ์ อาจินภัทรา จาก PT Maxnitron Motorsport และ สิตาวีร์ ลิ้มนันทรักษ์ สังกัด Nexzter rest Club Singha Sittipol ในกริดที่ 2 และ 3 ถัดไปเป็น สถาพร วีระเชื้อ จาก B-Quik Racing Team และ ณภัทร อัสสกุล สังกัด Painkiller Racing ในกริดที่ 4 และ 5

หลังการโรลลิ่งสตาร์ทเป็นทางด้าน นันทวัฒน์ ชำนาญ ที่รักษาตำแหน่งไว้ได้ ตามด้วย สิตาวีร์ ลิ้มนันทรักษ์ ที่ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 2 ขณะที่ ฐิติพงศ์ อาจินภัทรา หล่นลงไปรั้งอันดับ 3 ก่อนที่ นันทวัฒน์ และ สิตาวีร์ จะรีดความเร็วทิ้งห่างกลุ่มหลังออกไป สวนทางกับ ฐิติพงศ์ ที่รถไม่สมบูรณ์ส่งผลให้อันดับหล่นลงไปเรื่อยๆ

ท้ายที่สุดเป็นทางด้าน นันทวัฒน์ ที่จัดการเบิ้ลแชมป์ในสุดสัปดาห์นี้ที่ พีระฯ ไปครอง ตามด้วย สิตาวีร์ ที่ซิ่งจบการแข่งขันในอันดับ 2 ส่วนอันดับ 3 ตกเป็นของ สถาพร ที่ไต่ขึ้นมาคว้าอันดับดังกล่าว หลังไล่บดกับ ธนาศิวณัฐ และ ณภัทร ที่ตามเข้าเส้นชัยในอันดับ 4 และ 5 ด้าน ฐิติพงศ์ รถแข่งมีปัญหาซิ่งไม่จบการแข่งขัน

จากผลงานระดับท็อปในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ นันทวัฒน์ ชำนาญ บวกแต้มขยับขึ้นเป็นผู้นำบนตารางแชมเปี้ยนชิพ ถือความได้เปรียบเหนือ ฐิติพงศ์ อาจินภัทรา ที่หล่นลงไปรั้งอันดับ 2 อยู่ 8 คะแนน ก่อนยกพลได้ดวลความเร็วสนามสุดท้ายของฤดูกาล บนสังเวียนเฉพาะกิจ พีที สงขลา กรังด์ปรีซ์ จ.สงขลา ในวันที่ 20-22 ตุลาคม 2566 นี้  

แฟนๆมอเตอร์สปอร์ต สามารถติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และชมถ่ายทอดสดการแข่งขันได้ทาง Facebook: https://www.facebook.com/HondaOneMakeRaceOfficial และ https://www.facebook.com/GPIMotorsport

EVAT จัดงานเเสดงนวัตกรรมด้านยานยนต์ไฟฟ้าเเห่งปี iEVtech 2023

สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) ร่วมกับอินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ จัดงานเเสดงนวัตกรรมด้านยานยนต์ไฟฟ้าเเห่งปี iEVtech 2023 ภายใต้ชูคอนเซปต์ Shaping the Future of Electric Vehicle Ecosystem ขับเคลื่อนระบบนิเวศด้านยานยนต์ไฟฟ้าเเห่งอนาคต เเต่วันที่ 30 สิงหาคม ไป จนถึง 1 กันยายน 2566 นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) ร่วมกับบริษัท อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ จํากัด งานเเสดงนวัตกรรมด้านยานยนต์ไฟฟ้าเเห่งปี iEVtech 2023 ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยในครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 8 เริ่มตั้งเเต่วันที่ 30 สิงหาคม ไป จนถึง 1 กันยายน 2566 นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พร้อมขนทัพเทคโนโลยีและนวัตกรรมสุดล้ำด้านพลังงานสะอาดมาจัดเเสดง ชูแนวคิด  Shaping the Future of Electric Vehicle Ecosystem ขับเคลื่อนระบบนิเวศด้านยานยนต์ไฟฟ้าเเห่งอนาคต ดันไทยเป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าอาเซียน ภายในงานมีผู้แทนจากอาเซียนและพันธมิตรจากทั่วโลก มาร่วมเเลกเปลี่ยนความรู้เเละเเชร์เเนวคิดด้านยานยนต์ไฟฟ้า ผู้สนใจเข้าร่วมงาน สามารถลงทะเบียนได้ที่ http://www.evat.or.th/17394505/ievtech-2023

วันที่ 30 สิงหาคาม พ.ศ. 2566 ช่วงเช้า เวลา 09:00 – 12:00 น. พิธีเปิดงาน “ASEAN Sustainable Energy Week 2023” ต่อด้วยช่วงบ่าย พบกับการปาฐกถาพิเศษ “Shaping the Future of Electric Vehicle Ecosystem: Business and Investment Opportunities in Thailand” โดยมี คุณนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ตามด้วยพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) และวิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคนิคอุตสาหกรรมเฉิงตู (CVTCI) ประเทศจีน เเละ เขตอุตสาหกรรม Yeonggwang-gun ประเทศเกาหลีใต้

เสวนาไฮไลท์ของงานในหัวข้อ Shaping the Future of Electric Vehicle Ecosystem ขับเคลื่อนระบบนิเวศด้านยานยนต์ไฟฟ้าเเห่งอนาคต จะมีผู้ร่วมเสวนา ได้เเก่ คุณจิตวุฒิ ศศิบุตร นายกสมาคมนายหน้าประกันภัยไทย กล่าวในหัวข้อ ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle Insurance) ต่อด้วย คุณคมกฤช บพิตรพิทักษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส บมจ. ยูโอบี (ไทย) กล่าวในประเด็น การเงิน (Finance) ตามด้วย คุณ Michael Chadney หัวหน้าแผนกวางแผนการขนส่งและการเคลื่อนที่ในอนาคต อารัป กล่าวในหัวข้อ สถานีอัดประจุไฟฟ้า (Charging Station) ดร.แฟรงกี เซีย ประธาน Taiwan STOBA Electrodes Corp กล่าวในหัวข้อ ความปลอดภัยของแบตเตอรี่ (Battery Safety) เเละคุณ Liu Xuan หุ้นส่วนด้านเทคนิค DeepRoute กล่าวในหัวข้อ การขับขี่ยานยนต์เเบบไร้คนขับ (Autonomous) ซึ่งในหัวข้อเสวนานี้ดำเนินรายการโดย ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน ผู้สื่อข่าวสายการเงิน สำนักข่าว The Standard ต่อด้วยในช่วงถัดไป พบกับ ปาฐกถาพิเศษ “Global EV Outlook 2023” โดย ผู้แทนสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) เเละปิดท้ายวันด้วย ปาฐกถาพิเศษ “แนวโน้ม EV ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” โดย คุณวิเวก ไวทยะ Associate Partner, Mobility Practice, Frost & Sullivan

สำหรับวันที่ 31 สิงหาคม เวลา ช่วงเช้าจะมีการบรรยายในหัวข้อ Global Update Session อัพเดทเทรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าโลก โดยผู้เเทนจาก สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ร่วมกับ UNEP & UNESCAP เริ่มปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ UNEP Global Electric Mobility Programme โครงการพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าโลกของ UNEP โดยคุณ Jihee Kim รองเจ้าหน้าที่บริหารโครงการ หน่วยงาน การขับเคลื่อนอย่างยั่งยืน UNEP ต่อด้วยปาฐกถาพิเศษ: EVs และเส้นทางสู่การบรรลุเป้าหมาย SDG7 โดยคุณ Kimberly Roseberry เจ้าหน้าที่ฝ่ายเศรษฐกิจ กองพลังงาน UNESCAP ตามด้วยงาน เสวนาเรื่อง Yeonggwang-gun เมือง E-Mobility ชั้นนำของเกาหลี โดยคุณ Jongman Kang นายกเทศมนตรีเมือง Yeonggwang-gun ปิดท้ายช่วงเช้าด้วยปาฐกถา อัปเดตสถานการณ์ยานยนต์ไฟฟ้า 2 ล้อ เเละการเปลี่ยนผ่านเครื่องยนต์เป็น EV ดร.พีรวัฒน์ สายสิริรัตน์ นักวิจัย ทีมวิจัยพลังงานทดแทนและประสิทธิภาพพลังงาน ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC)

อีกทั้งในช่วงบ่ายจะมีการบรรยายภายใต้หัวข้อ EV knowledge Sharing (แบ่งปันความรู้ด้านยานยนต์ไฟฟ้า) ณ ห้อง MR 109 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ร่วมพูดคุย โดย คุณธมลวรรณ ชลประทิน เเละผู้ดำเนินรายการโดย ดร. อรรถวิท เตชะวิบูลย์วงศ์ ในช่วงบ่ายเริ่มกล่าวต้อนรับ โดย รศ. ดร.พงศ์พันธ์ แก้วตาทิพย์ ที่ปรึกษาสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) เริ่มปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ : ทำไมทองแดงถึงเป็นส่วนสำคัญของ EV วิทยาการโดย คุณอาทิตย์ ประทุมพวง รองประธาน (ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ และการตลาด) บริษัท โอเรียนเต็ล คอปเปอร์ จำกัด ต่อด้วยงานเสวนาในหัวข้อ แนวโน้มล่าสุดในการเชื่อมชิ้นส่วน EV ด้วย Green Laser และ Multi Spot Scanner Optic โดยวิทยากร คุณMarkus Lindemann ผู้อำนวยการฝ่ายเลเซอร์ ฝ่ายขายและเทคโนโลยีระดับภูมิภาค บริษัท TRUMPF Pte Ltd. หลังจากนั้นพบกับการบรรยายในหัวข้อ ความสำคัญของการทำงานร่วมกันและการสร้างมาตรฐานในสถานีชาร์จ EV โดยวิทยากรจาก AMR Asia  ถัดมาเป็นการบรรยายในหัวข้อ : เทคโนโลยี EV Charger โดยวิทยากร คุณพงศกร นาควิเชียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท Charge24 จำกัด ปิดท้ายด้วย การบรรยายในหัวข้อ : การจำลองเทคโนโลยีเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) นำโดย คุณกนกรัตน์ เด่นสิริโสภา ผู้จัดการฝ่ายขาย ประเทศไทย & ปากีสถาน สังกัด: ฝ่ายออกแบบและวิศวกรรม บริษัท เฮกซากอน เมโทรโลจี (ประเทศไทย) จำกัด และต่อด้วยการบรรยายในหัวข้อการคิดใหม่ทำใหม่สำหรับยานยนต์แห่งอนาคต โดยคุณอนันตเดช อินทรวิศิษฎ์ ผู้จัดการธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย

ช่วงบ่ายเวลาเดียวกัน ณ ห้อง MR 109 B ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ยังมีงานเสวนาในหัวข้อ “กำหนดอนาคตของการจัดการแบตเตอรี่ที่ปลอดภัยและยั่งยืนในประเทศไทย” ซึ่งสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย(EVAT) ร่วมกับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศ (GIZ) เเละ สมาคมเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานไทย (TESTA) นำเสวนาโดย ดร.พิมพา ลิ้มทองกุล, และ ดร.อุเทน สุปัตติ อุปนายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย พร้อมผู้ดำเนินรายการโดย คุณปาน ปิยะศิลป์  หัวข้อย่อยในงานเสวนาช่วงบ่ายนี้ ได้เเก่

1.เทคโนโลยีแบตเตอรี่สู่ความยั่งยืน 2.การอัปเดตของสหภาพยุโรป: แบตเตอรี่สำหรับ EV – ตลาด การผลิต ความปลอดภัย 3.มาตรฐานความปลอดภัย ข้อบังคับ และนโยบายของแบตเตอรี่ เเละ 4.การอภิปรายเกี่ยวกับการกำหนดอนาคตของการจัดการแบตเตอรี่ที่ปลอดภัยและยั่งยืนในประเทศไทย พร้อมผู้ร่วมอภิปราย ตัวแทนสหภาพยุโรปจาก SYSTEMIQ, คุณโคลิน โลว ผู้อำนวยการภูมิภาค UL Standards & Engagement, คุณวสุ กล่อมเกลี้ยง รองประธานบริหารฝ่ายพัฒนากลยุทธ์และวางแผนการลงทุน บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) เเละ ตัวเเทนจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม (DIW)

ด้านคุณกฤษฎา อุตตโมทย์ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย(EVAT) กล่าวว่า“สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยร่วมกับบริษัท อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ จํากัด จัดงาน iEVTech 2023 เราได้ดำเนินการจัดงานนี้ขึ้นเป็นปีที่ 8 เเล้ว ซึ่งจุดประสงค์ในการจัดงานในครั้งนี้เพื่อส่งเสริม สนับสนุน เเละขับเคลื่อนระบบนิเวศด้านยานยนต์ไฟฟ้าเเห่งอนาคตร่วมกัน ผมจึงขอเชิญชวน ทุกท่านที่สนใจในนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่เข้าร่วมรับชมเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า ทางสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย เเละ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านยานยนต์ไฟฟ้าต่างๆ ได้ขนทัพมาจัดเเสดงนวัตกรรม พร้อมความรู้ด้านยานยนต์ไฟฟ้าจากทั่วทุกมุมโลกในงานเสวนา ผ่านมุมมองผู้บริหารระดับสูงในองค์กรชั้นนำ เเละในระดับความร่วมมือระหว่างประเทศโดยผู้แทนกิตติมศักดิ์จากต่างประเทศ ที่จะมาร่วมเเชร์ข้อมูลเเละทัศนคติเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าเเละเเบตเตอรี่ สำหรับทุกท่านที่สนใจเข้าร่วมงานสามารถลงทะเบียน ได้ที่เว็บไซต์สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยครับ”

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน iEVtech 2023 จัดขึ้น ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม – 1 กันยายน

พ.ศ. 2566 สามารถลงทะเบียนซื้อบัตรได้ที่ http://www.evat.or.th/17394505/ievtech-2023

อนึ่ง สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (Electric Vehicle Association of Thailand)

สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยเป็นสมาคมที่ไม่เเสวงหาผลกำไร โดยแนวทางของสมาคมมุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการเเลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท ยังรวมไปถึงการให้คำปรึกษาข้อบังคับมาตรฐาน และการดำเนินงานในการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ในปัจจุบันสมาคมมี คุณกฤษฎา อุตตโมทย์ ทำหน้าที่นายกสมาคม และมีสมาชิกที่มาจากภาคเอกชน สถาบันศึกษา รัฐวิสาหกิจ และบุคคลทั่วไปรวมทั้งสิ้นกว่า 370 รายโดยทางสมาคมมีการกำหนดการจัดการประชุม ในทุกๆเดือน และมีการเเบ่งคณะทำงานในด้านต่างๆเพื่อสนับสนุน และส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ติดตามข่าวสารของสมาคมได้ที่ www.evat.or.th

มิตซูบิชิและเอ็มเอ็มทีเอช เอ็นจิ้น คว้ารางวัลสถานประกอบการลดอุบัติเหตุเป็นศูนย์

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และเอ็มเอ็มทีเอช เอ็นจิ้น คว้า 5 รางวัล สถานประกอบการลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานเป็นศูนย์ ประจำปี 2566 จากสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เอ็มเอ็มทีเอช เอ็นจิ้น จำกัด นำโดย นายกิตติ ลีลาวัฒนานันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานผลิต บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด รับรางวัลสถานประกอบการลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ ประจำปี 2566 (Zero Accident Campaign 2023) จากสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) โดยมีนายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำกระทรวงแรงงาน เป็นผู้มอบรางวัลในพิธีซึ่งจัดขึ้นภายในงานสัปดาห์ความปลอดภัยแห่งชาติ ครั้งที่ 35

ด้วยการดำเนินงานด้านความปลอดภัยและชีวอนามัยที่มีมาตรฐานระดับโลก มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และเอ็มเอ็มทีเอช เอ็นจิ้น ได้รับรางวัลสถานประกอบการลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ ประจำปีนี้ทั้งหมด 5 รางวัล ได้แก่ รางวัลระดับแพลทินัมสำหรับโรงงาน 3 รางวัลระดับทองสำหรับโรงงาน 1 และ 2 และโรงงานเครื่องยนต์ รวมถึงรางวัลระดับทองแดงสำหรับโรงงานปั๊มขึ้นรูป 1 และโรงงานปั๊มขึ้นรูป 2 และพลาสติก

โรงงาน 3 ได้รับรางวัลโล่เกียรติยศระดับแพลทินัม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเพื่อยกย่องการดำเนินงานที่มีชั่วโมงปลอดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานสะสม 29 ล้านชั่วโมงทำงานเป็นเวลา 2 ปีต่อเนื่องกัน โรงงานเครื่องยนต์คว้ารางวัลโล่เกียรติยศระดับทองซึ่งเป็นการยกระดับขึ้นจากรางวัลโล่เกียรติยศระดับเงินที่ได้รับก่อนหน้านี้ด้วยการทำงานที่ปลอดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานสะสม 10.6 ล้านชั่วโมงทำงาน โล่เกียรติยศระดับทองยังเป็นของโรงงาน 1 และ 2 จากการทำงานโดยปลอดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานสะสม 47.1 ล้านชั่วโมงทำงานเป็นปีที่ 4 ต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับรางวัลโล่เกียรติยศระดับทองแดง 2 รางวัล ได้แก่โรงงานปั๊มขึ้นรูป 1 จากการทำงานโดยปลอดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานสะสม 1.1 ล้านชั่วโมงเป็นปีที่ 2 ต่อเนื่อง และโรงงานปั๊มขึ้นรูป 2 และพลาสติกที่มีชั่วโมงการทำงานที่ปลอดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานสะสม 2.7 ล้านชั่วโมงต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 3

นายกิตติ ลีลาวัฒนานันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานผลิต บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “รางวัลสถานประกอบการลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ที่ได้รับในปีนี้มาจากความร่วมแรงร่วมใจของพนักงาน ซึ่งมีการค้นหาความเสี่ยงในที่ทำงานรวมถึงการแบ่งปันประสบการณ์การปรับปรุงแก้ไขโดยคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดและลดความเสี่ยงในบริเวณพื้นที่ทำงานทุกจุด เราดำเนินการตามมาตรการความปลอดภัยทุกอย่างอย่างเต็มที่เพื่อบรรลุเป้าหมายการลดอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ ส่งผลให้มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย รักษามาตรฐานความปลอดภัยและมีอุบัติเหตุเป็นศูนย์ต่อไป”

“นอกจากนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังรณรงค์เรื่องการขับขี่ปลอดภัยของพนักงานในการเดินทางมายังที่ทำงานและกลับไปที่พักอาศัย เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานทุกคนมีความปลอดภัยและไม่มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทั้งในและนอกเวลาทำงาน รางวัลความสำเร็จในครั้งนี้ เกิดจากความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจของพนักงานในการมีส่วนร่วมอย่างเต็มรูปแบบ และจะเป็นต้นแบบสำคัญให้แต่ละโรงงานของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย นำไปประยุกต์ใช้เพื่อลดอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป” นายกิตติ เสริม

กิจกรรมการรณรงค์ลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ (Zero Accident Campaign) เป็นแนวคิดริเริ่มของสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน)  มุ่งรณรงค์ส่งเสริมให้สถานประกอบกิจการมีความมุ่งมั่นในการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการทำงานบนพื้นฐานแนวคิดที่ว่า “อุบัติเหตุที่มีสาเหตุเกี่ยวเนื่องกับการทำงานสามารถป้องกันได้” โดยการลดสถิติการประสบอุบัติเหตุในสถานประกอบกิจการให้เป็นศูนย์ ผ่านการวางแผนและบริหารจัดการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับสร้างวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและอาชีวอนามัย

เบนซ์ไพรม์มัส นำ 3 ลักชัวรี่สปอร์ตคาร์ แข่งขันในพีระ เซอร์กิต พัทยา

“เบนซ์ไพรม์มัส” นำ 3 ลักชัวรี่สปอร์ตคาร์ ร่วมศึกการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ PT Maxnitron Racing Series 2023 สร้างประสบการณ์ใหม่ สุดตื่นเต้น เร้าใจ ในสนามแข่งรถระดับตำนาน “พีระ เซอร์กิต พัทยา”

นายจิระพล รุจิวิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ จำกัด เปิดเผยว่า “เบนซ์ไพรม์มัส” ได้ร่วมมอบประสบการณ์ใหม่ ที่สร้างความตื่นเต้น เร้าใจ ในการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ รายการ “PT MAXNIRTON RACING SERIES 2023 # 2” ระหว่างวันที่ 18-20 สิงหาคม 2566 ที่สนาม พีระ อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต พัทยา จ.ชลบุรี หรือ สนาม “พีระ เซอร์กิต” ซึ่งถือเป็นสนามแข่งรถในระดับตำนานและเป็นสนามมาตรฐานแห่งแรกในประเทศไทย ในครั้งนี้ “เบนซ์ไพรม์มัส” ได้นำรถยนต์ Mercedes-Benz 3 รุ่น 3 สไตล์ ได้แก่

– Mercedes-Benz CLS 220d AMG Premium คูเป้สปอร์ต 4 ประตู หรูหรา ล้ำสมัย มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 สูบ 1950 ซี.ซี. พละกำลัง 194 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 9G-Tronic พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 7.5 วินาที

– Mercedes-Benz E 300 e AMG Dynamic สปอร์ตลักชัวรี่ซีดาน สมรรถนะสูง ด้วยเครื่องยนต์ เบนซิน plug in hybrid พละกำลัง 350 แรงม้า แรงบิด 700 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 9G-Tronic อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.7 วินาที

– Mercedes-Benz E220 d AMG Sport เรียบหรู สไตล์สปอร์ต เพียบพร้อมด้วยนวตกรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัย ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ เทอร์โบ ขนาด 1950 ซีซี. กำลังสูงสุด 194 แรงม้าแรงบิด 400 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อนล้อหลัง พร้อมเพิ่มความเท่ห์ด้วยชุดแต่ง AMG รอบคัน

เพื่อแสดงให้เห็นถึงสมรรถนะชั้นเลิศของยานยนต์แห่งค่าย Mercedes-Benz โดยร่วมอวดโฉมความหรูหรา สง่างาม พร้อมพิจน์ความแข็งแกร่ง และความเร็ว ด้วยการลงสนามเป็นรถ Safety Car นำทัพรถยนต์ทางเรียบสำหรับประลองศึกความเร็วในครั้งนี้

วิริยะประกันภัย มอบวิกผมแท้ เพื่อผู้ป่วยมะเร็ง โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย รับมอบวิกผมแท้ จำนวน 50 หัว ภายใต้โครงการ “วิริยะรวมใจกัน ปันเส้นผม เพื่อผู้ป่วยมะเร็ง” จาก บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมี นางชลทิชา สัตยมานะ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร เป็นผู้แทนบริษัทฯ มอบให้แก่ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัดและมีอาการผมร่วง เพื่อส่งกำลังใจในการต่อสู้กับโรคและความเจ็บป่วย รวมถึงเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ป่วยในการกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเป็นปกติ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

ทั้งนี้ วิริยะประกันภัย ได้ดำเนินโครงการดังกล่าว ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ด้วยการเชิญชวนพนักงานและครอบครัววิริยะประกันภัยจากทั่วประเทศร่วมกันเป็นสะพานบุญบริจาคเส้นผมเพื่อนำมาถักทอเป็นวิกผมให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็ง อีกทั้งยังจัดกิจกรรมจิตอาสาช่วยคัดแยกเส้นผมที่มีผู้บริจาคเข้ามาผ่านทางบริษัทฯ และมูลนิธิจากนางฟ้าถึงคุณวันใหม่ ตลอดจนร่วมสนับสนุนค่าถักทอวิกผมสำหรับส่งมอบให้แก่ผู้ป่วยมะเร็งผ่านโรงพยาบาลนางฟ้ากว่า 80 แห่งทั่วประเทศ โดยวิกผมแท้ที่ส่งมอบแก่ผู้ป่วยในครั้งนี้ เป็นวิกผมที่ถักทอขึ้นจากเส้นผมของพนักงานและครอบครัววิริยะประกันภัยได้ร่วมกันบริจาคในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา

วิริยะประกันภัย ร่วมปล่อยตัวคาราวาน GWM EV Convoy Tour 2023

นางสาวสุรีพร พงษ์พานิช ผู้อำนวยการกองตลาดภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมด้วย นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองประธานฝ่ายการตลาดประจำภูมิภาคอาเซียน เกรท วอลล์ มอเตอร์, นายวฤต รัตนชื่น ผู้ช่วยผู้ว่าการ Project Management Office การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และนายภาคภูมิ วิริยะพันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ผู้แทนจาก บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมแถลงข่าวพิธีปล่อยตัวคาราวานโครงการ GWM EV Convoy Tour 2023 : ORA Is On เปิดประสบการณ์คาราวานเจ้าเหมียวไฟฟ้า ORA Cat เส้นทางกรุงเทพฯ – สิงคโปร์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ด้วยการหันมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนตอกย้ำความความมุ่งมั่นในการผลักดันประเทศไทยก้าวสู่สังคมยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคตอย่างเต็มรูปแบบ ณ GWM Att U Park Bangna

ทั้งนี้ วิริยะประกันภัย ได้ร่วมเป็นหนึ่งในพันธมิตรหลักของโครงการดังกล่าว อันเป็นความร่วมมือระหว่าง เกรท วอลล์ มอเตอร์, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และบริษัทฯ จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและธุรกิจท่องเที่ยวทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ พร้อมปลุกกระแสความแข็งแกร่งของสังคมยานยนต์ไฟฟ้าให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเพื่อสอดรับนโยบายลดคาร์บอน ภายใต้แนวคิด BCG Model โดยการนำร่องการเดินทางไกลข้ามพรมแดนภูมิภาคอาเซียนด้วยการใช้รถยนต์ไฟฟ้า 100% ซึ่งมีความปลอดภัยและสะดวกสบายตลอดเส้นทาง รวมระยะทางทั้งสิ้นกว่า 4,000 กิโลเมตร

วิริยะประกันภัย ร่วมกับ มูลนิธิเมาไม่ขับ รณรงค์เด็กเล็กสวมหมวกกันน็อก

วิริยะประกันภัย ร่วมกับ มูลนิธิเมาไม่ขับ รณรงค์เด็กเล็กสวมหมวกปลอดภัย มอบหมวกกันน็อก จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อปลูกฝังพฤติกรรมขับขี่ปลอดภัยและฝึกวินัยจราจรในเด็กที่จะเติบโตไปเป็นกำลังของชาติในอนาคต

นายเธียรวิทย์ หาญเมธีคุณา ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการภาค 3 (ภาคตะวันออก) ด้านสาขา บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ นายสุรสิทธิ์ ศิลปงาม ผู้จัดการมูลนิธิเมาไม่ขับ มอบหมวกนิรภัยสำหรับเด็ก จำนวน 118 ใบ ภายใต้ “โครงการศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต้นแบบสวมหมวกนิรภัย 100% ให้แก่ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จำนวน 5 แห่ง ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้แก่ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดราษฎร์ศรัทธาธรรม, ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดเที่ยงพิมลมุข, ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านใหม่ อบต.บ้านใหม่, ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดสมาน และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดบางแก้ว องค์การบริหารส่วนตำบลบางแก้ว เพื่อปลูกฝังพฤติกรรมขับขี่ปลอดภัยและฝึกวินัยจราจรในเด็ก ซึ่งเป็นเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่จะเติบโตไปเป็นกำลังของชาติในอนาคตเห็นถึงความปลอดภัยของการสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งในทุกการเดินทางเพื่อลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยมี นายรัชพล ยิ้มเจริญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางขวัญ, นายสุเทพ สถิตย์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านใหม่, นายภูไท เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางแก้ว และนายกิตชัย กิตติคุณ ประธานเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับในมูลนิธิเมาไม่ขับ จังหวัดฉะเชิงเทรา ร่วมส่งมอบ ณ สำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลบางขวัญ จังหวัดฉะเชิงเทรา

สำหรับโครงการศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต้นแบบสวมหมวกนิรภัย 100% เป็นการสานต่อโครงการศูนย์เด็กเล็กปลอดภัย-ปลอดโรค ซึ่งทางมูลนิธิเมาไม่ขับ พร้อมด้วย ชมรมคนห่วงหัว และบริษัทฯ ร่วมมือกันผลักดันให้เยาวชนและผู้ปกครองเล็งเห็นความสำคัญของการสวมหมวกนิรภัย โดยที่ผ่านมาได้ร่วมกันดำเนินการมาแล้วในพื้นที่จังหวัดน่าน, อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี จังหวัดบึงกาฬ และจังหวัดฉะเชิงเทราในครั้งนี้ เพื่อเป็นเมืองต้นแบบในการรณรงค์ความปลอดภัยบนท้องถนนให้เด็กเล็กสวมหมวกนิรภัย 100% ทุกครั้งขณะเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ พร้อมกับเดินขยายผลโครงการดังกล่าวสู่จังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศต่อไป

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save