- Advertisement -
34.3 C
Bangkok
Home Blog Page 50

ฟอร์ด เรนเจอร์ โชว์ดุดัน คว้า 5 รางวัล สนามไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซีรี่ส์ 2024

ทีมแข่งฟอร์ด ไทยแลนด์ เรซซิ่ง (FTR) เปิดฤดูกาลแข่งขันไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซีรี่ส์ 2024 อย่างดุเดือดในรายการไทยแลนด์ ซูเปอร์ ปิคอัพ โชว์ศักยภาพและความแข็งแกร่งของรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ และพัฒนาการของทีม คว้า 5 รางวัลจากการแข่งขันสนามที่ 1 และ 2 เมื่อวันที่ 4-5 พฤษภาคม 2567 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย, 6 พฤษภาคม 2567 – การแข่งขันเริ่มขึ้นอย่างดุเดือดไม่แพ้อากาศที่ร้อนระอุ โดยแจ็ค เลมวาร์ด ในรถฟอร์ด เรนเจอร์ หมายเลข 41 และแซนดี้ เคราแก้ว สตูวิค ในฟอร์ด เรนเจอร์ หมายเลข 3 จากทีมออโรร่า ฟอร์ด ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ได้พิสูจน์ฝีมือการขับขี่อันยอดเยี่ยม ในสนามแรกออกตัวจากกริดที่ 6 และ 7 ตามลำดับ ทั้งคู่ใช้ทักษะการขับที่มีชั้นเชิงเร่งแซงคู่แข่งขึ้นมาได้ จบการแข่งขัน แซนดี้ครองอันดับ 3 คลาสเอ และ 4 Overall ด้านแจ็คตามติดมาด้วยอันดับ 4 คลาสเอ

ต่อมาในสนามที่ 2 แซนดี้และแจ็ค ได้งัดเทคนิคการขับขี่มาพิชิตคู่แข่งบนสนามที่ดุเดือด โดยแจ็ค เลมวาร์ด ได้ขึ้นนำคู่แข่งจากการออกตัวกริดที่ 6 มาเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 2 ในคลาสเอ และ 4 Overall ขณะที่แซนดี้ออกสตาร์ทจากกริดที่ 2 โชว์ทักษะการแข่งที่เข้มข้น ทว่าประสบอุบัติเหตุในรอบที่ 2 จนตกอันดับลงไป แต่สามารถตีตื้นขึ้นมาได้จนจบอันดับที่ 8 คลาสเอ

ด้านทีมซีอาร์อี ลาโนเทค ลิควิโมลี่ เรซซิ่ง ได้เปิดตัว เชส ชาคริส พาร์คส น้องเล็กคนใหม่ของทีมซีอาร์อี ลาโนเทค ลิควิโมลี่ เรซซิ่ง นักแข่งชาวไทย-อเมริกัน แชมป์คาร์ตติ้งวัยเพียง 16 ปี ซึ่งได้เรียนรู้เทคนิคการขับรถแข่งมาจากแซนดี้เองโดยตรง ร่วมประเดิมการแข่งรถกระบะครั้งแรกในรถฟอร์ด เรนเจอร์ หมายเลข 25 โดยแม้จะออกตัวในกริดที่ 36 ก็สามารถตีตื้นขึ้นมาแข่งจบในอันดับที่ 23 Overall ในการแข่งขันวันแรก

“ฟอร์ดขอแสดงความยินดีกับทีมฟอร์ด ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ที่ได้สร้างผลงานที่น่าภูมิใจอีกครั้งในการแข่งขันไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซีรี่ส์ ซึ่งนับเป็นฤดูกาลที่ 5 ตั้งแต่ก่อตั้งทีมมา เราเชื่อว่าความมุ่งมั่นของทีมและความสามารถของนักแข่งจะมีส่วนสำคัญในการพัฒนารถและทีมแข่งให้แข็งแกร่งขึ้น และสร้างความประทับใจให้แฟนมอเตอร์สปอร์ตไทย ฟอร์ดตื่นเต้นมากที่จะได้อวดศักยภาพของรถ นักแข่ง รวมถึงวิศวกร ในการแข่งขันครั้งต่อไป” นายรัฐการ จูตะเสน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว

ภาพประกอบข่าว

แซนดี้ เคราแก้ว สตูวิค และแจ็ค เลมวาร์ด ยืนโพเดียม

อันดับที่ 3 และ 4 ในคลาสเอ ตามลำดับ

ในรายการแข่งขันไทยแลนด์ ซูเปอร์ ปิคอัพ สนามที่ 1 

แซนดี้ เคราแก้ว สตูวิค คว้าโพเดียม

อันดับที่ 4 Overall

ในรายการแข่งขันไทยแลนด์ ซูเปอร์ ปิคอัพ สนามที่ 1

แจ็ค เลมวาร์ด คว้าโพเดียมอันดับ 2 คลาสเอ

จากการแข่งขันไทยแลนด์ ซูเปอร์ ปิคอัพ สนามที่ 2     

แจ็ค เลมวาร์ด คว้ารางวัลอันดับ 4 Overall

จากการแข่งขันไทยแลนด์ ซูเปอร์ ปิคอัพ สนามที่ 2

ฟอร์ด เรนเจอร์ หมายเลข 3 ขับโดยแซนดี้ เคราแก้ว สตูวิคในการแข่งขันไทยแลนด์ ซูเปอร์ ปิคอัพ         

ฟอร์ด เรนเจอร์ หมายเลข 41 ขับโดยแจ็ค เลมวาร์ด

ในการแข่งขันไทยแลนด์ ซูเปอร์ ปิคอัพ

ฟอร์ด เรนเจอร์ หมายเลข 25 ขับโดยเชส ชาคริส พาร์คส

ในการแข่งขันไทยแลนด์ ซูเปอร์ ปิคอัพ

ทีมงาน FTR และพนักงานฟอร์ด ร่วมชมและเชียร์การแข่งขันสนามที่ 1-2 ของไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซีรีส์ 2024

วิริยะประกันภัย ปิดฉากสนามสุดท้าย “Viriyah Invitational Golf Tournament 2024”

วิริยะประกันภัย ปิดฉากดวลวงสวิงสนามสุดท้ายโซนภาคใต้ “Viriyah Invitational Golf Tournament 2024” สานสัมพันธ์ระหว่างบุคลากรในสังกัด รวมถึงคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจร่วมชิงชัย

บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) จัดการแข่งขันกอล์ฟ “Viriyah Invitational Golf Tournament 2024” สนามที่ 6 โซนภาคใต้ โดยมี นายประสิทธิ์ สุนะชูแสง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขัน พร้อมด้วย นางเสาวคนธ์ วงศ์กองแสง ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการภาค 5 (ภาคใต้) ด้านสาขาและนายสุกันต์ เดชเจริญ ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการภาค 5 (ภาคใต้) ด้านศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทน นำคณะผู้บริหาร และบุคลากรในสังกัด รวมถึงคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ เข้าร่วมการแข่งขัน ณ สนามกอล์ฟ Rajjaprabha Dam Golf Cours ตำบลเขาพัง อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี

สำหรับการแข่งขันกอล์ฟทัวร์นาเมนต์เชื่อมความสัมพันธ์ ประจำปี 2567 บริษัทฯ ดำเนินการจัดมาแล้ว 5 สนาม ในพื้นที่โซนภาคกลางและภาคตะวันตก, โซนกรุงเทพฯ และปริมณฑล, โซนภาคเหนือ, โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยการแข่งขันครั้งนี้ ฝ่ายปฏิบัติการภาค 5 (ภาคใต้) เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันสนามสุดท้ายปิดแมตซ์ทัวร์นาเมนต์ประจำปีนี้ ซึ่งกิจกรรมดังกล่าว ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากพันธมิตรผู้เข้าร่วมการแข่งขันในแต่ละภูมิภาค

NETA เข้าหารือ BOI

ผู้ร่วมก่อตั้ง NETA เข้าหารือ BOI มุ่งหวังร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทย

มร.จาง หย่ง ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NETA เข้าพบนายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทย เพื่อหารือแผนธุรกิจเชิงลึกและแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับความร่วมมือและการพัฒนาธุรกิจของ NETA ในประเทศไทย ในโอกาสนี้เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้มอบบัตรส่งเสริมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนในกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle -BEV) อย่างเป็นทางการให้แก่ NETA รวมทั้งแสดงความชื่นชมผลการดำเนินงานของ NETA ในประเทศไทย และหวังว่า NETA จะสามารถยกระดับความร่วมมือกับผู้ผลิตชิ้นส่วนรวมทั้งผู้ประกอบการในประเทศไทยมากยิ่งขึ้นเพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (BEV) ของไทยอย่างต่อเนื่องต่อไป

ประเทศไทยถือเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคอาเซียนที่มีศักยภาพสูงและเป็นฐานการผลิตยานยนต์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก โดย NETA ได้จัดตั้ง บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจในประเทศไทยรวมทั้งเป็นศูนย์กลางเชิงกลยุทธ์สําหรับการขยายธุรกิจของ NETA ในภูมิภาคอาเซียน  ทั้งนี้การเปิดตัว NETA V รถยนต์พลังงานไฟฟ้า100% สไตล์ City Car ซึ่งมาพร้อมแนวคิด Touchable Smart EV ประกอบกับการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในประเทศไทย ทั้งภาครัฐและเอกชนในทุกมิติ ทำแบรนด์ NETA ได้กลายเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคในประเทศอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2566 มีส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับสองในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย และปัจจุบันมีฐานลูกค้ามากกว่า 15,000 รายทั่วประเทศ อีกทั้งยังมีโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐาน กว่า 50 แห่งทั่วประเทศ โดยปี 2567 นี้ NETA จะเดินหน้าแผนงานในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ภายใต้กลยุทธ์ “All in Thailand, All for Thailand” ซึ่งประกอบด้วย 5 กลยุทธ์หลัก ได้แก่  การเริ่มต้นการผลิตภายในประเทศ การเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ติดตั้งเทคโนโลยีขั้นสูง 1 รุ่นทุกปี การเพิ่มสัดส่วนของสมาชิกทีมที่เป็นคนไทยมากกว่า 85% การพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่ายให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น รวมไปถึงการสร้างแบรนด์ที่มุ่งเน้นลูกค้าเป็นสำคัญ

NETA พร้อมร่วมปฏิรูปการใช้พลังงานใหม่รวมไปถึงมีส่วนร่วมในการจัดทำห่วงโซ่คุณค่าของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทย เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัยได้อย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ NETA “Popularizer of Smart EV: สรรสร้างนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อทุกคน”  

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ NETA Call Center โทร. 02-023-9981 ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง หรือ ติดตามข้อมูลข่าวสารและความเคลื่อนไหวต่างๆ ของ NETA ได้ที่:

●       Facebook              : Neta Auto Thailand

●       NETA Line Official : @netaautothailand

●       Website                            : www.neta.co.th

เมอร์เซเดส-เบนซ์ จัดเต็มข้อเสนอในงาน Mercedes-Benz StarFest 2024

เมอร์เซเดส-เบนซ์ นำทีม The new E-Class บุกห้างดัง จัดเต็มข้อเสนอในงาน Mercedes-Benz StarFest 2024 ชวนลูกค้าสัมผัสรถที่ใช่ในพื้นที่ใกล้บ้านคุณ

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย สานต่อความคึกคักของงาน Motor Show 2024 เดินหน้าจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายช่วงหน้าร้อนกับงาน “Mercedes-Benz StarFest 2024” นำเสนอคอนเซปต์ “The Ultimate Experience” ยกทัพยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุด นำโดย The new E-Class จัดแสดงตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำเพื่อให้ลูกค้าทุกคนเข้าถึงรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และรับข้อเสนอต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย โดยประเดิมครั้งแรกที่ศูนย์การค้าเกษรอมรินทร์ (Gaysorn Amarin) เมื่อวันที่ 25 – 28 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา และจัดอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 5 มิถุนายน 2567 ตามรายละเอียด ดังนี้

เซ็นทรัลลาดพร้าว (ชั้น 1) วันที่ 2 – 8 พฤษภาคม 2567 จัดแสดงรถยนต์ 6 รุ่น ได้แก่

•E 350 e AMG Dynamic (The new E-Class)

•GLC 350 e 4MATIC Coupé AMG Dynamic

•E 300 e AMG Dynamic

•GLS 450 d 4MATIC AMG Dynamic

•EQS 450+ AMG Dynamic

•C 220 d Avantgarde

เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ วันที่ 16 – 22 พฤษภาคม 2567 จัดแสดงรถยนต์ 4 รุ่น ได้แก่

•E 350 e AMG Dynamic (The new E-Class)

•GLC 350 e 4MATIC Coupé AMG Dynamic

•C 220 d Avantgarde

•C 350 e AMG Dynamic

เซ็นทรัลอีสต์วิลล์ (ชั้น 1) วันที่ 30 พฤษภาคม – 5 มิถุนายน 2567 จัดแสดงรถยนต์ 4 รุ่น ได้แก่

•E 350 e AMG Dynamic (The new E-Class)

•GLC 350 e 4MATIC Coupé AMG Dynamic

•E 300 e AMG Dynamic

•EQS 450+ AMG Dynamic

สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ที่ www.mercedes-benz.co.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือผ่านช่องทาง Facebook: Mercedes-Benz Thailand IG: @MercedesBenzThailand และ LINE: @mercedesbenzth

Mazda AJGA Thailand Junior Championship 2024

มาสด้า เปิดโอกาสเยาวชนทั่วเอเชียร่วมแข่งขันกอล์ฟก้าวแรกสู่เวทีโลก Mazda AJGA Thailand Junior Championship 2024 เวทีจุดประกายความฝันนักกอล์ฟทั้งเยาวชนชายและเยาวชนหญิงปูทางร่วมแข่งขันกอล์ฟระดับนานาชาติ พร้อมคว้าตั๋วแข่งขันกอล์ฟนานาชาติที่สหรัฐอเมริกา

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 3 พฤษภาคม 2567 – เริ่มแล้ววันนี้สำหรับการแข่งขันกอล์ฟเยาวชนระดับโลก MAZDA AJGA THAILAND JUNIOR CHAMPIONSHIP 2024 ที่ถูกจัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสและจุดประกายความฝันให้กับนักกอล์ฟทั้งเยาวชนชายและเยาวชนหญิงได้เข้าร่วมแข่งขันกอล์ฟระดับนานาชาติ และที่สำคัญ ผู้ที่ชนะเลิศการแข่งขันในครั้งนี้จะคว้าสิทธิ์ เข้าร่วมการแข่งขันกอล์ฟทัวร์นาเมนต์ใหญ่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาทันที โดยเยาวชนที่ได้รับโอกาสเดินทางไปเล่นกอล์ฟที่สหรัฐอเมริกานั้นจะมีโค้ชจากโรงเรียนชื่อดัง หรือมหาวิทยาลัยชั้นนำมาสังเกตการณ์ และอาจได้รับการเสนอทุนการศึกษาเพื่อเข้าศึกษาต่อและเป็นตัวแทนนักกีฬารวมถึงโอกาสในการร่วมการแข่งขัน เพื่อปูทางก้าวสู่เส้นทางการเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพในอนาคตต่อไป

การแข่งขันกอล์ฟ MAZDA AJGA THAILAND JUNIOR CHAMPIONSHIP 2024 นับเป็นการจัดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย โดยมีเยาวชนจากทั่วทวีปเอเชียเดินทางเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ จำนวน 132 คน รวมทั้งเยาวชนจากประเทศไทย และเยาวชนไทยที่มาสด้าได้คัดเลือกเข้าร่วมอีก 12 คน คือ ประเภทชาย 6 คน และประเภทหญิง 6 คน การแข่งขันในครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-5 พฤษภาคม 2567 ณ สนามกอล์ฟ Lotus Valley Golf Resort จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยการสนับสนุนการแข่งขันในครั้งนี้ ประกอบด้วย มาสด้า โรเล็กซ์ อาดิดาส และเทเลอร์เมด

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “มาสด้ามีความเชื่อในคุณค่าของการ uplift ประสบการณ์การใช้ชีวิตของลูกค้า มีจิตวิญญาณความเป็นนักสู้ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค และกล้าที่จะลุกขึ้นสู้ เฉกเช่นเดียวกับการเป็นนักกีฬาที่ต้องมีความขยันอดทน หมั่นฝึกซ้อม มีความมานะ ต่อสู้กับตนเองและสภาพแวดล้อม เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จในอนาคต ต่อยอดไปถึงการเล่นกอล์ฟระดับอาชีพ เช่นเดียวกับนักกอล์ฟชื่อดังหลายๆ คนที่ประสบความสำเร็จ อาทิ Tiger Woods, Phil Mickelson, Jordan Spieth, Nelly Korda หรือแม้กระทั่งโปรกอล์ฟหญิงขวัญใจชาวไทย อาทิ โปรแพตตี้-ปภังกร ธวัชธนกิจ , โปรโม-โมรียา จุฑานุกาล, โปรเม-เอรียา จุฑานุกาล ที่เคยผ่านโครงการนี้มาแล้วทั้งสิ้น

ทั้งนี้ มาสด้ายังคงเดินหน้าในการส่งมอบ “ความสุขในการขับขี่” Joy of Driving ภายใต้คุณค่าหลักที่ให้ความสำคัญกับการมุ่งเน้น “มนุษย์เป็นศูนย์กลาง” และมุ่งมั่นที่จะส่งมอบ “ความสุขในการดำเนินชีวิต” ด้วยการสร้างสรรค์ประสบการณ์ความสุขให้กับชีวิตประจำวันของลูกค้าทุกคน มาสด้าเชื่อว่าในทุกช่วงเวลาที่เราเดินไปพร้อมกัน ทุกลมหายใจจะพาคุณเติบโตและไปได้ไกลกว่า พร้อมออกเดินทางไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ได้ออกไปค้นพบโลกกว้างในอีกหลากหลายแง่มุมและส่งต่อสิ่งดีๆ ให้กันและกัน มาสด้าพร้อมจะก้าวไปกับคุณในทุกเส้นทาง เพื่อก้าวสู่วันพรุ่งนี้และอนาคตที่สดใส ขับเคลื่อนชีวิตไปด้วยกันให้ไกลกว่าเดิม FEEL THE DRIVE

SUZUKI CELERIO อัดแคมเปญเดือด

SUZUKI CELERIO อัดแคมเปญเดือดราคาพิเศษ ชูจุดขายคอมแพ็คอีโคคาร์ ทุกรุ่นย่อยต่ำกว่า 4 แสนบาท เริ่มต้นเพียง 319,900 บาท ผ่อนเริ่มต้นเดือนละ 3,302 บาท นานสูงสุด 99 เดือน

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดรถยนต์ช่วงที่ผ่านมามีการแข่งขันค่อนข้างสูง ทำให้ความต้องการของผู้บริโภคมีความหลากหลายและมีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ลูกค้ายังคงมองหารถยนต์คุณภาพดี ดูแลรักษาง่าย และประหยัดพลังงาน เพื่อนำไปใช้งานได้อย่างคุ้มค่า คุ้มราคา ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้ครบครัน

ในโอกาสนี้ ซูซูกิ ซึ่งมีแนวทางการทำงานด้านงานบริการลูกค้าอย่างใกล้ชิด จึงเล็งเห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคที่กำลังมองหารถยนต์ที่สามารถเข้าถึงและเป็นเจ้าของได้ง่าย ประหยัดพลังงาน ประหยัดค่าใช้จ่าย มีค่าบำรุงรักษาที่สมเหตุสมผล มอบความคุ้มค่าในทุกมิติ ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ยังทรงตัว แต่ยังมีความจำเป็นในการต้องใช้รถยนต์ในชีวิตประจำวัน ซูซูกิ จึงจัดโปรโมชั่นพิเศษ ด้วยการแนะนำ SUZUKI CELERIO ราคาพิเศษ! เริ่มต้นเพียง 319,900 บาท พร้อมด้วยระยะเวลาการผ่อนนานถึง 99 เดือน เริ่มต้นเพียงเดือนละ 3,302 บาท เริ่มตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 จำนวนจำกัด

ราคาจำหน่ายพิเศษ SUZUKI CELERIO ทุกรุ่น

รุ่นราคาจำหน่ายเดิม (บาท)ราคาจำหน่ายพิเศษ (บาท)
CELERIO GA MT338,000.-319,900.-
CELERIO GL CVT416,000.-379,900.-
CELERIO GL UP423,000.-391,900.-
CELERIO GX CVT452,000.-399,900.-

SUZUKI CELERIO ตอบสนองการใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบ มอบให้ทั้งประโยชน์ใช้สอยและความประหยัดพร้อมค่าบำรุงรักษาที่สมเหตุสมผล ขนาดห้องโดยสารที่กว้างสบาย มีพื้นที่บริเวณเหนือศีรษะและพื้นที่วางขาสบาย ทั้งที่นั่งตอนหน้าและตอนหลัง พร้อมด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ จุสัมภาระได้มากเกินคาด มาพร้อมสีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีเทา สีแดง สีดำ และสีขาว

ผู้ขับขี่ยังมั่นใจได้ในสมรรถนะด้วยเครื่องยนต์ K10B ขนาด 1.0 ลิตร มอบพละกำลังและความสามารถเกินตัว มีสมรรถนะการขับที่ดี ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่า 20 กิโลเมตรต่อลิตร และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รูปลักษณ์ภายนอกและภายในห้องโดยสารที่ได้รับการออกแบบให้ดูโดดเด่นสะดุดตา เสริมความอุ่นใจด้วยระบบและอุปกรณ์เสริมความปลอดภัยมาตรฐาน ตอกย้ำภาพลักษณ์ของซูซูกิซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตอีโคคาร์

สำหรับ ซูซูกิ มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายไว้รองรับความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะรถยนต์ในกลุ่มประหยัดพลังงาน นับว่ามีความโดดเด่นทั้งเรื่องของดีไซน์ สมรรถนะดี ประหยัดพลังงาน ประหยัดค่าใช้จ่าย พร้อมค่าบำรุงรักษาที่สมเหตุสมผล มอบความคุ้มค่าในทุกมิติจนเป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ที่ลูกค้าให้การยอมรับเป็นอย่างดี 

อีกหนึ่งในสินค้าที่สามารถสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่องและยังเป็นขวัญใจของคนรุ่นใหม่อย่าง SUZUKI SWIFT มาพร้อมแคมเปญพิเศษเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่ชื่นชอบและต้องการเป็นเจ้าของรถยนต์รุ่นนี้ด้วยเช่นกัน

SUZUKI SWIFT

• เลือกรับข้อเสนอ ผ่อนเริ่มต้นเดือนละ 5,780 บาท นานสูงสุด 99 เดือน พร้อมรับ ส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 50,000 บาท

• หรือ เลือกรับ ดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน 48 เดือน 

• พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

SUZUKI ERTIGA SMART HYBRID

• ราคาเริ่มต้น 699,000 บาท พร้อมรับข้อเสนอผ่อนเริ่มต้นเดือนละ 7,126 บาท นานสูงสุด 99 เดือน

• พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

NEW SUZUKI XL7 HYBRID

• ราคาพิเศษช่วงแนะนำ 799,000 บาท พร้อมรับข้อเสนอผ่อนเริ่มต้นเดือนละ 8,146 บาท นานสูงสุด 99 เดือน

• พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี

SUZUKI CARRY

• รับข้อเสนอส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่ารวมสูงสุด 20,000 บาท

• หรือ เลือกรับ ดอกเบี้ยพิเศษเริ่ม 1.99% นาน 60 เดือน

• หรือ รับข้อเสนอผ่อนเริ่มต้นวันละ 222 บาท

• พร้อมฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก

ทั้งนี้ โปรโมชั่นพิเศษดังกล่าว มอบให้แก่ลูกค้าที่สนใจและต้องการเป็นเจ้าของรถยนต์ซูซูกิ โดยจองและรับรถภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 นี้ ทั้งนี้ เงื่อนไขต่างๆ เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด และสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมทดลองขับได้ที่โชว์รูมรถยนต์ซูซูกิที่มีมากกว่า 105 แห่ง ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

ซูซูกิเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์ทุกรุ่นของซูซูกิยังคงได้รับความเชื่อมั่นจากผู้บริโภค เพราะนอกจากเป็นรถยนต์ที่มอบความคุ้มค่า ยังเป็นรถที่ดูแลง่าย มีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสมเหตุสมผลในราคาที่เป็นมิตรกับลูกค้า ซึ่งเรายังมีความมุ่งมั่นในการยกระดับงานบริการให้ดียิ่งขึ้นเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าทุกท่าน

นอกจากนี้ ซูซูกิยังมีความตั้งใจจริง ที่ต้องการจะสร้างให้ซูซูกิเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคให้ความเชื่อถือและไว้วางใจเดินคู่เคียงข้างคนไทยต่อไปในอนาคตอย่างยั่งยืน

GWM เปิดตัวยนตรกรรม 4 รุ่นจาก 4 แบรนด์ สู่ระดับโลก

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดตัวยนตรกรรมอันล้ำสมัย 4 รุ่นจาก 4 แบรนด์ ประกาศความสำเร็จสู่เส้นทางระดับโลก ผ่านแนวคิดระบบนิเวศยานยนต์บนโลกที่ไร้พรมแดน ณ งานปักกิ่ง ออโต้โชว์ ครั้งที่ 18

30 เมษายน 2567 : เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในฐานะบริษัทที่ให้บริการเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลก (Global Intelligent Technology Company) เปิดเผยความสำเร็จในการพัฒนาของแบรนด์ พร้อมประกาศทิศทางในการพัฒนาในอนาคต สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานอย่างมั่นคงบนแนวคิดระบบนิเวศยานยนต์บนโลกที่ไร้พรมแดน (Ecological Globalization) ครอบคลุมทั้งในด้านการวิจัย ด้านการผลิต และด้านการขาย พร้อมเปิดตัวรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีระดับโลก ไฮไลท์สุดพิเศษ 4 รุ่น ได้แก่ GWM TANK 700 Hi4-T รถยนต์ออฟโรดระดับพรีเมียมรุ่นเรือธง และ GWW SAHAR POER Hi4-T รถกระบะออฟโรดขุมพลังไฮบริดระดับพรีเมียมคันแรกของโลก เสริมทัพด้วย GWM HAVAL H6 4th Generation รถยนต์คอมแพคเอสยูวีขวัญใจชาวโลกในโฉมใหม่ การันตีด้วยยอดขายติดอันดับทั่วโลกอยู่ใน 10 อันดับแรกในกลุ่มรถยนต์คอมแพคเอสยูวีเป็นระยะเวลา 5 ปีซ้อน และ GWM WEY 80 ที่สุดของรถสำหรับทุกคนในบ้านอย่างแท้จริง มาพร้อมฟังก์ชันและความหรูหราแบบครบครัน ที่งานปักกิ่ง ออโต้โชว์ ครั้งที่ 18

มร.มู่ เฟิง ประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ กล่าวว่า “เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยืนยันที่จะพัฒนาสู่ระดับโลกโดยยึดรากฐานจากประเทศจีน ควบคู่ไปกับการพัฒนาให้สอดคล้องกับตลาดต่างประเทศ เรายังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนากลยุทธ์การส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ เปลี่ยนแนวคิดจากการส่งออกสินค้า เป็นการค้าต่างประเทศ พร้อมพัฒนาต่อยอดสู่แนวคิดระบบนิเวศยานยนต์บนโลกที่ไร้พรมแดน ยิ่งไปกว่านั้น เรายังคงยึดมั่นในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ในตลาดแต่ละประเทศ ไม่ว่าจะเป็นด้านการส่งเสริมการขาย ด้านการผลิต ด้านการดำเนินธุรกิจ ด้านวัฒนธรรมองค์กรและด้านการสร้างห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่มีคุณภาพในระดับโลก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ทำการพัฒนาในตลาดต่างประเทศมามากกว่า 20 ปี จนถึงจุดสำเร็จ และได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์คุณภาพภายใต้แบรนด์อย่างเช่น GWM TANK และ GWM ORA ในตลาดต่างประเทศ สะท้อนผลสำเร็จของแนวคิดระบบนิเวศยานยนต์บนโลกที่ไร้พรมแดนได้อย่างมีนัยสำคัญ”

ในงานปักกิ่ง ออโต้โชว์ ครั้งที่ 18 นี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ขนทัพรถยนต์อัจฉริยะหลากหลายรุ่น พร้อมไฮไลท์สุดพิเศษรวม 4 รุ่น และนวัตกรรมยานยนต์สุดล้ำมาจัดแสดง สะท้อนภาพความเป็นผู้นำด้านยนตรกรรมไฟฟ้าแห่งอนาคต

ประเดิมด้วยการเปิดตัว GWM TANK 700 Hi4-T รถออฟโรดระดับพรีเมียมที่ผสมผสานสมรรถนะอันแข็งแกร่งและความหรูหราเหนือระดับได้อย่างลงตัว ด้วยเทคโนโลยีไฮบริดขั้นสูงเพื่อสร้าง “ความพึงพอใจของผู้ขับขี่ในทุกเส้นทาง” สู่ความโดดเด่นและแตกต่างเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ไฮบริดอื่นๆ ในระดับโลก พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ขั้นสูงสุดให้กับไลฟ์สไตล์ของนักผจญภัยสายลุยและไลฟ์สไตล์ของผู้ที่ใช้ชีวิตในเมืองได้อย่างตรงจุด ด้วยขนาดที่ยาวกว่า 5 เมตร และกว้างมากกว่า 2 เมตร จึงทำให้พร้อมกับการผจญภัยทุกรูปแบบ มาพร้อมระบบการขับเคลื่อนสี่ล้อ 3.0T Hi4-T ซึ่งเป็นการออกแบบโครงสร้างเครื่องยนต์เพียงหนึ่งเดียวในประเทศจีนที่สามารถรองรับพละกำลังของรถยนต์ไฮบริดขนาดใหญ่ ร่วมด้วยการผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์หลายสูบที่มีความจุสูงและมอเตอร์ไฟฟ้า P2 ที่มีพลังงานสูง ให้กำลังรวมสูงสุด 385 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร (850 นิวตันเมตร สำหรับรุ่น Limited Edition) และอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลาไม่ถึง 5 วินาที อีกทั้งยังมาพร้อมกับโหมดการขับขี่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับทุกเส้นทางมากถึง 12 โหมด และสามารถลุยน้ำได้สูงสุดถึง 970 มิลลิเมตร จึงสามารถตอบสนองทุกความต้องการของผู้ขับขี่ในทุกเส้นทางและทุกสถานการณ์ นอกจากสมรรถนะที่โดดเด่นแล้ว ภายในของ GWM TANK 700 Hi4-T ยังถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่อย่างหรูหราและเหนือระดับ เบาะนั่ง Light Cloud ทำจาก หนัง BADER  NAPPA จากเยอรมนี มุมกว้างพิเศษ ออกแบบให้เข้ากับสรีระของร่างกายเพื่อสร้างความสะดวกสบายสูงสุดให้กับผู้ขับขี่ราวกับนั่งบนปุยเมฆ เบาะด้านหน้าสามารถปรับระดับได้ถึง 156 องศา และ 141 องศาสำหรับเบาะด้านหลัง ที่วางขาสามารถปรับได้ 2 ทิศทาง ที่ดันหลังปรับได้ 4 ทิศทาง ระบบระบายอากาศของเบาะปรับได้ 3 ระดับ พร้อมระบบปรับอากาศ 9 ระดับ ร่วมกับระบบเสียงจาก Harman Kardon ที่มาพร้อมลำโพง 16 ตัวที่สร้างความละเอียดเสียงระดับ Hi-Fi (High Fidelity) ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้ก้าวไปอีกขั้น ผ่านทุกรายละเอียดที่สร้างสรรค์ไว้อย่างประณีตในทุกแง่มุม นอกจากนี้ GWM TANK 700 Hi4-T ยังมีระบบเก็บเสียงที่มีประสิทธิภาพสูงด้วยการผนึกประตูข้างถึง 3 ชั้น และประตูด้านหลังถึง 2 ชั้น พร้อมกับกระจกที่ป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกหนา 5 มิลลิเมตร ทำงานร่วมกับระบบลดเสียงของ Harman Kardon ทำให้ห้องโดยสารเงียบแม้จะขับขี่ที่ความเร็วสูงถึง 199 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็ตาม

GWM SAHAR POER Hi4-T กับคำนิยาม “รถกระบะออฟโรดขุมพลังไฮบริดระดับไฮเอนด์ลักซ์ชัวรี่คันแรกของโลก มาพร้อมกับ GWM Hi4-T Off-road Super Hybrid Architecture ที่พัฒนาโดย เกรท วอลล์ มอเตอร์ เทียบเท่ากับรถยนต์แบรนด์หรูที่ระดับราคา 8 แสนหยวน (ประมาณ 4 ล้านบาท) ขึ้นไป เป็นการผสมผสานทั้งพลังงานน้ำมันและพลังงานไฟฟ้าเข้าไว้ด้วยกันอย่างไร้ที่ติ ด้วยเครื่องยนต์ที่มีเสถียรภาพและมอเตอร์ที่มีความแข็งแกร่ง จึงมอบพละกำลังและอัตราเร่งที่ดีเยี่ยมทั้งบนการขับขี่ทางเรียบและออฟโรด ร่วมกับการลดการใช้พลังงานน้ำมันและพลังงานไฟฟ้าถึงสองเท่า นอกจากนี้ GWM SAHAR POER Hi4-T ยังมาพร้อมกับระบบส่งกำลังที่ประกอบด้วยเครื่องยนต์ 2.0T เกียร์ 9HAT และมอเตอร์ไฟฟ้า P2 ให้กำลังรวมสูงสุด 300 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร และอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 7.15 วินาที ร่วมกับโหมดการขับขี่ถึง 3 โหมด ได้แก่ โหมดไฟฟ้าล้วน โหมดไฮบริด และโหมดอัจฉริยะ โดยเมื่อระดับแบตเตอรี่อยู่ต่ำกว่า 13.5% ระบบจะเปลี่ยนเป็นไฮบริดโดยอัตโนมัติ และเมื่ออยู่ในระบบไฮบริดและแบตเตอรี่ต่ำกว่า 10% รถจะเปลี่ยนเป็นการขับเคลื่อนเป็นเครื่องยนต์โดยอัตัโนมัติและทำการชาร์จพลังงานเข้าแบตเตอรี่ นอกจากนี้ GWM SAHAR POER Hi4-T สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนในระยะสูงถึง 100 กิโลเมตร โดยในการขับขี่ทางไกล อัตราการสิ้นเปลืองพลังงานจะมีประสิทธิภาพมากถึง 2.5 ลิตรต่อ 100 กิโลแมตรเลยทีเดียว โดยสามารถวิ่งได้ไกลสูงสุดถึง 780 กิโลเมตร ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการใช้มอเตอร์ไฟฟ้า P2 ที่สามารถให้กำลังสูงสุด 120 กิโลวัตต์ต่อ 400 นิวตันเมตร ให้ประสิทธิภาพมากกว่า 96% ไม่ว่าจะอยู่ในภาวะแรงกดอากาศสูงและอุณหภูมิต่ำ สู่การยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมรถกระบะไปอีกขั้นให้แตกต่างไปจากเดิม

ต่อด้วยรถยนต์ที่สามารถครองอันดับยอดขายทั่วโลกอยู่ใน 10 อันดับแรกในกลุ่มรถยนต์คอมแพคเอสยูวีเป็นระยะเวลา 5 ปีซ้อน และยังคงรักษาความพึงพอใจของลูกค้าได้สูงสุดเป็นเวลา 9 ปี อีกทั้งยังได้รับความไว้วางใจและกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้ามากกว่า 4 ล้านรายทั่วประเทศอย่าง GWM HAVAL H6 รถยนต์เอสยูวีที่สามารถเข้ากับสถานการณ์ได้อย่างหลากหลายและสามารถมอบประสบการณ์ครบวงจรสำหรับการเดินทางของครอบครัวของคนรุ่นใหม่ได้อย่างลงตัว GWM HAVAL H6 ในเจนเนอเรชัน 4 นี้ ได้รับการเปลี่ยนโฉมใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Star River Aesthetics” หรือความพลิ้วไหวของสายน้ำและดวงดาว แต่ยังคงนำความโดดเด่นของรถยนต์ในเจนเนอเรชันที่ 3 ไว้ได้อย่างครบถ้วน มอบความสวยงาม สะดวกสบาย และความสุนทรีแห่งอนาคตให้กับผู้ขับขี่ตลอดทั้งเส้นทาง ด้วยเทคโนโลยีที่ทรงพลังกว่าเดิมด้วยระบบส่งกำลัง 2 ระบบ ได้แก่ 1.5T และ 2.0T โดยระบบส่งกำลัง 1.5T ใช้เครื่องยนต์ 4B15L ทำงานร่วมกับเกียร์ 7DCT ที่ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงที่ดีขึ้น ส่วนระบบส่งกำลัง 2.0T ใช้เครื่องยนต์ทรงพลัง 4N20A ทำงานร่วมกับเกียร์ 9DCT ขับเคลื่อนสี่ล้อที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะของ BorgWarner พร้อมการขับขี่ 6 โหมด และมีระบบตอบสนองหลายภูมิประเทศ โดย GWM HAVAL H6 มีพละกำลังที่มากขึ้น ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงยิ่งขึ้น ด้านเทคโนโลยีมาพร้อมแพลตฟอร์มอัปเกรดจาก Coffee Intelligence เป็น “Coffee AI” ที่เพิ่มความสะดวกสบายและให้ผู้ขับขี่สามารถสนทนากับระบบได้อย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึง Coffee Pilot ที่จะปรับเปลี่ยนตามลักษณะการท่องเที่ยวของผู้ขับขี่ในรูปแบบต่างๆ สร้างการขับขี่ที่มีความอัจฉริยะและประสบการณ์ที่เหนือชั้นให้กับทุกคนในครอบครัว

และ GWM WEY 80 รถยนต์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้กลุ่มครอบครัวได้อย่างครอบคลุมทั้งความสะดวกสบายและความหรูหรา มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่จะมอบความรู้สึกเหมือนกับบ้านหลังที่สองให้กับผู้ขับขี่ การออกแบบภายในที่รองรับสรีระของผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้เป็นอย่างดีเพื่อสร้างความผ่อนคลายและการพักผ่อนทั้งทางร่างกาย และทางจิตใจให้กับทุกคนในครอบครัว นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับตู้เย็นขนาดใหญ่สองประตูภายในรถยนต์ โดดเด่นมากยิ่งขึ้นด้วยประตูตู้เย็นที่สามารถเปิดได้ทั้งชั้นบนและชั้นล่าง ร่วมกับระบบควบคุมอุณหภูมิสองโหมด ได้แก่ โหมดทำความเย็น (0-15 องศาเซลเซียส) และโหมดทำความร้อน (35-50 องศาเซลเซียส) มาพร้อมปริมาณความจุที่ให้มาถึง 12.5 ลิตร มอบความสะดวกสบายแบบเหนือระดับยิ่งกว่าใคร อีกทั้งระบบเสียง Harman Kardon ที่มาพร้อมลำโพงรอบทิศทางมอบประสบการณ์เสียงในรูปแบบใหม่ๆ เสมือนกับนั่งฟังในโรงละครโอเปร่า นอกจากนี้ GWM WEY 80 ยังมอบความเงียบในห้องโดยสารได้เป็นอย่างดี เมื่อความเร็วอยู่ที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เสียงห้องโดยสารจะถูกควบคุมอยู่ที่ 65 เดซิเบล ควบคู่กับเทคโนโลยีลดเสียงรบกวนของเครื่องยนต์ (HALOSonic EOC) ให้ตลอดทั้งเส้นทางไร้ซึ่งสิ่งรบกวนสู่ประสบการณ์การขับขี่ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น GWM WEY 80 ยังมาพร้อมกับเครื่องฟอกอากาศระบบพลาสมา ระบบทำความสะอาดอากาศในห้องโดยสารอัจฉริยะ Volvo Air Quality System (AQS) และม่านบังแดดสำหรับแถวที่ 2 และ 3 อีกด้วย นับว่าเป็นรถยนต์ที่มอบความสะดวกสบายผ่านเทคโนโลยีเหนือระดับได้อย่างลงตัว

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังคงเดินหน้าเพื่อส่งเสริมแนวคิดระบบนิเวศยานยนต์บนโลกที่ไร้พรมแดน (Ecological Globalization) ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการพัฒนาแบรนด์ในระดับโลก ครอบคลุมทั้งในด้านการวิจัย ด้านการผลิต และด้านการขาย ในปัจจุบัน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้จัดตั้งฐานการผลิตยานยนต์แบบเต็มรูปแบบในประเทศไทยและในบราซิล และมีโรงงานแบบ KD ในปากีสถาน เอกวาดอร์ และประเทศอื่นๆ เพื่อส่งเสริมการวิจัยและการผลิตสินค้า รวมถึงนำผลิตภัณฑ์ไปสู่ผู้บริโภคทั่วโลก ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการและวิถีการขับขี่ของผู้บริโภคในแต่ละภูมิภาคได้อย่างเหมาะสม การตั้งสายการผลิตยานยนต์ในพื้นที่ท้องถิ่น ไม่เพียงแต่ส่งผลให้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ สามารถแข่งขันทางด้านราคาในตลาดนั้นๆ ได้ แต่ยังมีส่วนในการสร้างอาชีพให้กับประชากร สร้างรายได้ในประเทศนั้นๆ ควบคู่ไปกับการสะท้อนความรับผิดชอบต่อสังคมในประเทศที่เกรท วอลล์ มอเตอร์ เข้าไปตั้งฐานการผลิตอยู่

ตลาดรถยนต์ไตรมาสแรกปี 2567 ยอดขายรวม 1.6 แสนคัน

ตลาดรถยนต์ไตรมาสแรกยอดขายรวม 1.6 แสนคัน ลดลง 24.6% ผลกระทบโดยมาจากเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลโดยตรงให้กำลังซื้อจำกัด และสถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ส่วนเดือนเมษายนแนวโน้มเศรษฐกิจดีขึ้น ช่วงเทศกาลสงกรานต์การท่องเที่ยวคึกคักมีเงินหมุนเวียนอัดฉีดสู่ระบบเศรษฐกิจในภาพรวมอย่างมาก

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนมีนาคม ปี 2567 ด้วยยอดขาย 56,099 คัน ลดลง 29.8% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 22,342 คัน ลดลง 25.1% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 33,757 คัน ลดลง 32.6% และรถกระบะขนาด 1 ตัน มียอดขายที่ 19,648 คัน ลดลง 45.5%

สำหรับไฮไลต์ตลาดรถยนต์เดือนมีนาคม 2567 มีปริมาณการขาย 56,099 คัน ลดลง 29.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งยอดขายที่ลดลง เป็นผลมาจากการชะลอตัวอย่างต่อเนื่องของภาคเศรษฐกิจโดยรวม ส่งผลให้กำลังซื้อยังคงจำกัด และควบคู่ไปกับความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ทั้งนี้ ตลาดรถยนต์นั่ง มีอัตราการเติบโตลดลงที่ 25.1% และตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ มีอัตราการเติบโตลดลงที่ 32.6% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะเดียวกัน HEV มียอดขาย 12,689 คัน เพิ่มขึ้น 68.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ดันตลาด xEV เดือนมีนาคมเติบโตขึ้น 19.5% ในส่วนของ BEV ยอดขายเดือนมีนาคมอยู่ที่ 5,167 คัน เติบโตลดลง 25.6% และ PHEV ยอดขาย 897 คัน เติบโตลดลง 27.1%

ตลาดรถยนต์ในเดือนเมษายนมีแนวโน้มที่จะดีขึ้น เนื่องจากกระแสการท่องเที่ยวในประเทศมีแนวโน้มดีขึ้น จากช่วงเทศกาลสงกรานต์ สามารถเพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนภายในประเทศ และถือเป็นหนึ่งในปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจในภาพรวม และรวมถึงการเริ่มส่งมอบรถยนต์ใหม่ที่จองในงาน บางกอก มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 เป็นปัจจัยบวกและเริ่มส่งผลดีต่อตลาดรถยนต์

 ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมีนาคม 2567

1.ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 56,099 คัน ลดลง 29.8%                           

  • อันดับที่ 1 โตโยต้า        21,582 คัน  ลดลง 16.1%                ส่วนแบ่งตลาด 38.5%
  • อันดับที่ 2 อีซูซุ            8,861 คัน    ลดลง 48.3 %                ส่วนแบ่งตลาด 15.8%
  • อันดับที่ 3 ฮอนด้า         8,219 คัน    ลดลง 19.3%                ส่วนแบ่งตลาด 14.7%

2.ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 22,342 คัน ลดลง 25.1%                           

  • อันดับที่ 1 โตโยต้า        6,606 คัน   ลดลง 33.6%                ส่วนแบ่งตลาด 29.6%
  • อันดับที่ 2 ฮอนด้า        4,869 คัน    ลดลง 31%                  ส่วนแบ่งตลาด 21.8%
  • อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ        2,039 คัน   เพิ่มขึ้น 14%                 ส่วนแบ่งตลาด  9.1%
  • 3.ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 33,757 คัน ลดลง 32.6%                           

อันดับที่ 1 โตโยต้า        14,976 คัน  ลดลง 5%                    ส่วนแบ่งตลาด 44.4%

อันดับที่ 2 อีซูซุ            8,861 คัน   ลดลง 48.3%                ส่วนแบ่งตลาด 26.2%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า        3,350 คัน    เพิ่มขึ้น 7%                  ส่วนแบ่งตลาด 9.9%

4.ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 19,648 คัน ลดลง 45.5%

อันดับที่ 1 โตโยต้า        8,629 คัน    ลดลง 34.1%                ส่วนแบ่งตลาด 43.9%

อันดับที่ 2 อีซูซุ            7,865 คัน    ลดลง 50.4%                ส่วนแบ่งตลาด 40%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด          1,744 คัน    ลดลง 57.2%                ส่วนแบ่งตลาด 8.9%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 3,436 คัน

โตโยต้า 1,262 คัน – อีซูซุ 1,160 คัน –ฟอร์ด 682 คัน –มิตซูบิชิ 298 คัน – นิสสัน 34 คัน

5.ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 16,212 คัน ลดลง 45.3%                                

อันดับที่ 1 โตโยต้า        7,367 คัน    ลดลง 31.5%        ส่วนแบ่งตลาด 45.4%

อันดับที่ 2 อีซูซุ            6,705 คัน    ลดลง 50.4%                ส่วนแบ่งตลาด 41.4%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด          1,062 คัน    ลดลง 63.3%                ส่วนแบ่งตลาด  6.6%                                                         

สถิติการจำหน่ายรถยนต์เดือนมกราคม – มีนาคม 2567

1.ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 163,756 คัน ลดลง 24.6%                           

  • อันดับที่ 1 โตโยต้า        58,810 คัน  ลดลง 21.7%                ส่วนแบ่งตลาด 35.9%
  • อันดับที่ 2 ฮอนด้า         25,104 คัน  ลดลง 3.3%                 ส่วนแบ่งตลาด 15.3%
  • อันดับที่ 3 อีซูซุ           24,444 คัน  ลดลง 48.2%                ส่วนแบ่งตลาด 14.9%

2.ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 65,615 คัน ลดลง 15.4%                                

  • อันดับที่ 1 โตโยต้า        16,631 คัน  ลดลง 40.8%                ส่วนแบ่งตลาด 25.3%
  • อันดับที่ 2 ฮอนด้า         14,198 คัน  ลดลง 20.2%                ส่วนแบ่งตลาด 21.6%
  • อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ          4,954 คัน  ลดลง 5.1%                  ส่วนแบ่งตลาด 7.6%

3.ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 98,141 คัน ลดลง 29.7%                    

อันดับที่ 1 โตโยต้า        42,179 คัน  ลดลง 10.3%                ส่วนแบ่งตลาด 43%

อันดับที่ 2 อีซูซุ           24,444 คัน  ลดลง 48.2%                ส่วนแบ่งตลาด 24.9%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า         10,906 คัน  เพิ่มขึ้น 33.4%              ส่วนแบ่งตลาด 11.1%

4.ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 56,425 คัน ลดลง 44.4%

อันดับที่ 1 โตโยต้า        25,248 คัน  ลดลง 35.7%                ส่วนแบ่งตลาด 44.7%

อันดับที่ 2 อีซูซุ            21,481 คัน  ลดลง 50.6%                ส่วนแบ่งตลาด 38.1%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด          5,931 คัน    ลดลง 46.3%                ส่วนแบ่งตลาด 10.5%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 9,814 คัน

โตโยต้า 3,648 คัน – อีซูซุ 3,168 คัน – ฟอร์ด  2,139 คัน – มิตซูบิชิ 732 คัน – นิสสัน 127 คัน

5.ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 46,611 คัน ลดลง 44%

อันดับที่ 1 โตโยต้า        21,600 คัน  ลดลง 33.6%                ส่วนแบ่งตลาด 46.3%

อันดับที่ 2 อีซูซุ           18,313 คัน  ลดลง 50.9%                ส่วนแบ่งตลาด 39.3%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด         3,792 คัน    ลดลง 49.3%                ส่วนแบ่งตลาด 8.1%

เลกซัส แนะนำรถครอสโอเวอร์ระดับหรู Lexus NX รุ่นปรับปรุงใหม่ 2024

เลกซัส ประเทศไทย แนะนำรถครอสโอเวอร์ระดับหรู The New Lexus NX รุ่นปรับปรุงใหม่ 2024 พร้อมแนะนำเกรด NX 450h+ Overtrail “Refine and Powerful off-road Performance”

เลกซัส ประเทศไทย แนะนำ Lexus NX รุ่นปรับปรุงใหม่ 2024 พร้อมกับการแนะนำเกรด Overtrail เพื่อส่งมอบประสบการณ์สุดพิเศษ ที่จะช่วยเติมเต็มทุกการเดินทางของคุณ ไม่ว่าจะเป็นในเมือง หรือเส้นทางใหม่ๆ ที่ใกล้ชิดธรรมชาติ

เลกซัสนำเสนอ Lexus NX รุ่นปรับปรุงใหม่ พร้อมแนะนำเกรด Overtrail ด้วยการออกแบบให้มีภาพลักษณ์ระดับพรีเมียม สะท้อนถึงแนวคิดของความยั่งยืนและความกลมกลืนกับธรรมชาติ เป็นสะพานเชื่อมต่อความหรูหรา สะดวกสบายและซึมซับเสน่ห์ของธรรมชาติ ภายนอกโดดเด่นด้วยการตกแต่งด้วยสีดำที่กระจกมองข้าง มือจับประตู ราวหลังคา คิ้วล้อ และกระจังหน้าแบบ SPINDLE GRILLE ดูแข็งแกร่งดุดัน มาพร้อมสีภายนอกพิเศษ Moon Desert และล้ออัลลอยสีดำด้านขนาด 18 นิ้วดีไซน์ใหม่ พร้อมยางพิเศษสำหรับทุกสภาพถนน ที่มีเฉพาะในเกรด Overtrail เท่านั้น

โดยห้องโดยสารภายในเกรด Overtrail เป็นเอกลักษณ์ด้วยเบาะนั่งโทนสีพิเศษสีกากีและสีดำ พร้อมด้วยลายไม้แบบ Geo Layer ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากลวดลายของชั้นหินธรรมชาติ ถูกออกแบบเฉพาะในเกรด Overtrial เท่านั้น

ในด้านสมรรถนะการขับขี่ Lexus NX Overtrail รุ่นปรับปรุงใหม่นี้ ได้มีการเพิ่มระดับความสูงของช่วงล่างให้สูงขึ้น 15 มม. ส่งผลให้ระยะห่างจากพื้นรถเพิ่มขึ้น ช่วยให้วิสัยทัศน์ของผู้ขับขี่ดีขึ้น มองเห็นสภาพแวดล้อมรอบข้างได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ส่งผลให้ NX Overtrail สามารถวิ่งบนถนนที่ขรุขระได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ Lexus NX Overtrail จะมีให้ลูกค้าได้เลือกเป็นเจ้าของได้ในรุ่น NX 450+ เท่านั้น

The New Lexus NX…Reimagine รุ่นปรับปรุงใหม่

เลกซัส NX ถือเป็นรถครอสโอเวอร์รุ่นขายดีที่สุดรุ่นหนึ่งจากเลกซัสในประเทศไทย นับตั้งแต่เปิดตัวในเจเนอเรชันแรกเมื่อปี พ.ศ.2557 จนถึงปัจจุบัน ด้วยดีไซน์ภายนอกที่ดูสปอร์ต โฉบเฉี่ยวและทันสมัย ด้วยกระจังหน้า SPINDLE GRILLE ดีไซน์ใหม่ ไฟท้ายรูปทรงตัว L สอดรับกับโลโก้แบบใหม่ของเลกซัส มาพร้อมกับสีภายนอกให้เลือกถึง 12 สี โดยมีสีใหม่คือ Sonic Copper นอกจากนี้ภายในของเลกซัส NX ได้ถูกออกแบบมาให้ผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง โดยมีการนำเทคโนโลยีต่างๆมาใช้ ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอขนาดใหญ่ 9.8 นิ้ว ตอบสนองได้อย่างแม่นยำ ควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ได้อย่างสะดวก และง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ด้วยสถาปัตยกรรมโครงสร้างตัวถังแบบ GA-K (Global Architecture-K Platform) ทำให้ตัวรถมีขนาดที่ใหญ่ และกว้างขึ้น ส่งผลให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทรงตัวเยี่ยม และควบคุมได้ดั่งใจ ทำให้ NX มีเสถียรภาพในการขับขี่ดีขึ้นในทุกมิติ ตอกย้ำปรัชญา “Lexus Driving Signature” ได้เป็นอย่างดี โดยเลกซัส NX มาพร้อมกับระบบเครื่องยนต์ไฮบริด และ ปลั๊กอินไฮบริด เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน

-Lexus NX 350h มาพร้อมกับเครื่องยนต์ไฮบริด HEV 4 สูบแถวเรียง 2.5 ลิตร ที่ผสานพละกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงและแบตเตอรี่ลิเทียมไออนเข้าด้วยกัน ให้อัตราเร่งที่ดี ขับสนุกเร้าใจและประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม

-Lexus NX 450h+ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร ผสานการทำงานกับแบตเตอรี่ลิเธียมอิออนประสิทธิภาพสูง และระบบขับเคลื่อนสีล้อ (AWD) ทำให้ได้พละกำลังที่สูงถึง 304 แรงม้า และสามารถเดินทางด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ไกลถึง 87 กิโลเมตร ด้วยการชาร์จไฟ จาก 0-100% ภายในเวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น Lexus NX 450h+ คันนี้จึงเรียกได้ว่าเป็น SMARTER EV ตัวจริง ซึ่งแทบจะไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมันในการเดินทางในเมือง แต่หากต้องเดินทางระยะไกล ก็สามารถเดินทางแบบไร้กังวล เนื่องจากมีระบบเครื่องยนต์ไฮบริด ไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จไฟ หรือหาสถานีชาร์จระหว่างทาง

ด้านเทคโนโลยีความปลอดภัย Lexus NX มาพร้อมกับ Lexus Safety System Plus ที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีระบบกลอนประตูอิเล็กทรอนิกส์ E-LATCH โดยระบบจะช่วยให้ประตูรถทำงานได้อย่างนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น ระบบการเปิด-ปิดประตูแบบ Safe Exit Assist เพิ่มความปลอดภัยขณะลงจากรถ ช่วยให้ไม่ต้องออกแรงดึงหรือผลักเพื่อเปิดประตู ทำให้ Lexus NX เป็น SUV ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ได้เป็นอย่างดี

The All New Lexus NX มีให้เลือกเป็นเจ้าของได้ทั้งหมด 12 สี

-White Nova Glass Flake**

-Sonic Quartz*

-Sonic Titanium

-Sonic Chrome

-Black

-Graphite Black Glass Flake

-Madder Red

-Sonic Copper (ใหม่)

-Moon Desert*** (ใหม่)

-Terrane Khaki Mica Metallic

-Heat Blue Contrast Layering**

-Celestial Blue Glass Flake

* สำหรับเกรด Luxury, Grand Luxury และ Premium เท่านั้น

** สำหรับเกรด F SPORT เท่านั้น

*** สำหรับ เกรด Overtrail เท่านั้น

สำหรับเกรด Overtrail สามารถเลือกสีได้ทั้งหมด 7 สีดังนี้ Sonic Quartz, Sonic Titanium, Sonic Chrome, Graphite Black Glass Flake, Sonic Copper, Moon Desert และ Terrane Khaki Mica Metallic

พร้อมเลือกเป็นเจ้าของ The All New Lexus NX ได้แล้ววันนี้

กับแคมเปญพิเศษสุด เมื่อจอง Lexus NX 350h รับดอกเบี้ย 0.99% ฟรีประกันภัยชั้น 1 และ Lexus Exclusive Package (LXP) ขยายระยะเวลารับประกันเป็น 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง โดยเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ราคา (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

NX 350h

-รุ่น Luxury                       3,310,000 บาท

-รุ่น Grand Luxury            3,460,000 บาท

NX 450h+

-รุ่น Grand Luxury AWD  3,660,000 บาท

-รุ่น Premium AWD          3,940,000 บาท

-รุ่น Overtrail AWD           4,180,000 บาท

-รุ่น F SPORT AWD          4,390,000 บาท

สัมผัสประสบการณ์ในการครอบครองยนตรกรรมเลกซัสรูปแบบใหม่

กับบริการ KINTO ONE และ KINTO Experience “The First Step to Experience Amazing”

บริการ “Lexus KINTO ONE” ทางเลือกใหม่ของการใช้รถจาก “โตโยต้า ลีสซิ่ง” เพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์ลูกค้าคนรุ่นใหม่ สำหรับลูกค้าบุคคลซึ่งมีทั้งแบบสัญญา 3-5 ปี ที่ทำให้การใช้รถเป็นเรื่องง่าย สะดวกสบาย คุ้มค่า ไร้กังวล มอบความสะดวกสบายด้วยค่าบริการครอบคลุมค่าใช้จ่าย ทั้งในการบำรุงรักษา ประกันภัยชั้น 1 มีรถทดแทนระหว่างซ่อม มีบริการช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง และหมดกังวลเรื่องราคาขายต่อเพียงคืนรถเมื่อครบสัญญา

สำหรับท่านที่สนใจบริการ Kinto One ของ Lexus NX สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ผู้แทนจำหน่ายเลกซัสอย่างเป็นทางการ และ www.kinto-th.com

เพิ่มความมั่นใจสูงสุดกับ “Lexus Exclusive Package Standard” โปรแกรมขยายระยะเวลารับประกันคุณภาพรถยนต์ Lexus เป็น 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง

บริการเลขาส่วนตัว ฟรีค่าแรงและอะไหล่ในการบำรุงรักษาตลอด 5 ปี

โดย Lexus Exclusive Package ได้ออกแบบประเภทโปรแกรมที่หลากหลายเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ และช่วยคุณประหยัดค่าใช้จ่ายระยะยาว

STANDARD : ครอบคลุมค่าแรงตลอด 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร

PLUS : ครอบคลุมการบำรุงรักษารถยนต์ทั้งค่าแรง และค่าอะไหล่ตลอด 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (ยกเว้นอะไหล่เสื่อมสภาพ)

-PREMIUM : ครอบคลุมการบำรุงรักษารถยนต์ทั้งค่าแรง และค่าอะไหล่ตลอด 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร รวมอะไหล่เสื่อมสภาพ

กับเอกสิทธ์เฉพาะเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ชีวิตที่เหนือกว่า

สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์เลกซัสทุกรุ่น จากผู้แทนจำหน่ายเลกซัสอย่างเป็นทางการ

•รับสิทธิ์เป็นสมาชิกแอปพลิเคชัน Lexus Elite Club เพื่ออำนวยความสะดวกตลอดการใช้รถเลกซัส เช่น การแจ้งเตือน และนัดหมายนำรถเข้าศูนย์บริการ ทั้งร่วมรับสิทธิพิเศษจากร้านค้าชั้นนำมากมาย

•สะดวก ครอบคลุมทุกพื้นที่ กับ Lexus Service Corner ในศูนย์บริการโตโยต้าที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการด้วยมาตรฐานเลกซัส ทั้ง 15 แห่ง ใน 8 จังหวัด สำหรับพื้นที่นอกเหนือจากการบริการของ Lexus Service Corner เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า เรามีบริการ Lexus Home Visit Mobility Unit ที่จะส่งช่างที่มีความรู้ และความชำนาญไปดูแลลูกค้าถึงที่ครอบคลุมครบทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ผู้แทนจำหน่ายเลกซัสอย่างเป็นทางการ

“สุรศักดิ์ จรินทร์ทอง” นั่งนายกสมาคมสรยท.คนใหม่

“สุรศักดิ์ จรินทร์ทอง” ได้รับความไว้วางใจเป็นเอกฉันท์ให้นั่ง “นายกสมาคมสรยท.คนใหม่” ที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) เมื่อวันศุกร์ที่ 26 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์ประชุมเดอะฮอลล์ ถนนวิภาวดีรังสิต มีวาระการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ชุดใหม่ แทนคณะกรรมการชุดที่มีนายวชิระ เรืองมาลัย เป็นนายกฯ ซึ่งหมดวาระการบริหารงานตามข้อบังคับ

ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี สรยท. นายวชิระ เรืองมาลัย นายกสมาคมฯพร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารวาระปี 2565-2567 รายงานผลการดำเนินงาน กิจกรรม พร้อมสรุปสถานะทางบัญชีของสมาคมฯ ตลอดวาระการทำงาน 2 ปี โดยมีสมาชิกซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวสายยานยนต์เข้าร่วมประชุมกว่า 150 คน พร้อมกันนี้ได้จัดให้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ขึ้นมาแทนคณะกรรมการชุดเก่าที่มีนายวชิระ เป็นนายกฯ ซึ่งเข้าบริหารงานมาแล้วครบ 2 วาระๆ ละ 2 ปี ตามข้อบังคับ

การเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) วาระปี 2567-2569 มีผู้เสนอชื่อสมาชิกลงเลือกทั้งหมด 17 คน ให้ที่ประชุมร่วมลงคะแนนเลือกตั้งเป็นกรรมการผ่านการเลือกตั้งตามธรรมนูญจำนวน 10 คน ประกอบด้วย 1.นายสุรศักดิ์ จรินทร์ทอง 2.นางสาวรัชดา ศิริบรรณพิทักษ์ 3.นายพุทธิ ผาสุข 4.นายประกาศิต ปริญญาชัยศักดิ์ 5.นายณัฐเทพ เผ่าจินดา 6.นายธีรธรรม ธรรมศรี 7.นายธนสาร เสาวมล 8.นางสาวอัจฉรา เงินเจริญ 9.นายสราวุธ คำศรี และ 10.นางสาวจิราพร ศรีอำไพ

โดยภายหลังการเลือกตั้งดังกล่าว คณะกรรมการบริหารสมาคมชุดใหม่ วาระปี 2567-2569 มีมติเห็นชอบร่วมกันเป็นเอกฉันท์เลือกให้ นายสุรศักดิ์ จริทร์ทอง ขึ้นดำรงตำแหน่ง นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.)

นายสุรศักดิ์ จริทร์ทอง นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) หรือ Thai Automotive Journalists Association : TAJA ในฐานะนายกสรยท.คนใหม่กล่าวว่า “ต้องขอบคุณสมาชิกและคณะกรรมการชุดใหม่ ที่ไว้วางใจเป็นเอกฉันท์ให้ทำหน้าที่หัวเรือใหญ่ในการขับเคลื่อนองค์กรสื่อยานยนต์ การบริหารสมาคมสื่อยานยนต์ในยุคปัจจุบันเป็นเรื่องท้าทายอย่างมาก เพราะนอกจากภาระหน้าที่รายงานข้อมูลข่าวสารยานยนต์ในองค์กรหลัก ขณะเดียวกันต้องทุ่มเทการทำงานร่วมกับคณะกรรมการชุดใหม่ เพื่อให้สมาชิกผู้สื่อข่าวสายยานยนต์ได้มีสวัสดิการที่ดี สามารถนำเสนอข้อมูลข่าวสารเป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมได้อย่างเต็มความสามารถและผสานงานขับเคลื่อนภาระกิจกับองค์กรภายนอกทั้งภาครัฐและเอกชน”

ด้านนายวชิระ เรืองมาลัย ในฐานะอดีตนายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) กล่าวว่า การทำงานของสื่อยานยนต์ในสถานการณ์อุตสาหกรรม และธุรกิจรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เข้าสู่การเปลี่ยนผ่านไปยังพลังงานสะอาดในอนาคตอันใกล้ มีรถไฟฟฟ้า (EV) จากจีนเข้ามาทำตลาดในบ้านเรามากขึ้น ด้านสื่อเองมีการเปลี่ยนแปลงจากสื่อกระแสหลักไปเป็นสื่ออิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น ข้อมูลข่าวสารมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากสมาชิกเป็นอย่างดีตลอดระยะเวลาที่เข้ามาทำหน้าที่ ในการสร้างบรรทัดฐานการทำงานของสื่อให้มีมาตรฐานสูง โดยร่วมกับองค์กรภายนอก ทั้งภาครัฐและเอกชน ผ่านกิจกรรมต่างๆ ให้ได้รับการยอมรับในระดับสากล อาทิ การคัดเลือกตัดสินรถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปีของไทย รวมถึงรางวัลรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ยอดเยี่ยมของประเทศไทยในปี 2566 ที่ผ่านมา

โดยหวังว่าสื่อมวลชนสายยานยนต์ สมาชิกสมาคมฯ ร่วมกับคณะกรรมการชุดใหม่ ช่วยกันสร้างความเข้มแข็งให้กับสมาคมเช่นเดียวกับคณะกรรมการหลายชุดก่อนๆ ได้ดำเนินการไว้แล้ว ด้วยความรักและสามัคคี

นอกจากนี้ในวันประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ได้จัดพิธีมอบทุนการศึกษาจำนวน 40 ทุน ให้กับบุตร-ธิดา ของสมาชิก เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแบ่งเบาภาระและเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กับทายาทสมาชิกอีกด้วย

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save