อย่างไรก็ตาม ปรัชญา “SUZUKI Cause We Care – เหนือกว่าความใส่ใจ คือความเข้าใจทุกความต้องการ” นอกจากเป็นแนวทางในการยึดมั่นให้เราพัฒนางานบริการและผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเพื่อลูกค้าแล้ว ยังเป็นโครงการที่ต้องการสื่อสารไปยังลูกค้าและคนไทยทุกท่าน ว่าเราไม่ใช่แค่เพียงผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ แต่เราหวังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคม พร้อมกับการพัฒนาธุรกิจควบคู่ไปกับการอยู่คู่เคียงข้างชุมชนและสังคมไทยอย่างยั่งยืนอีกด้วย
กรุงเทพฯ – 20 สิงหาคม 2567 – บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย จุดประกายตลาดรถยนต์ไทยครึ่งปีหลังด้วยการเปิดตัว พร้อมกันทุกภูมิภาคเป็นครั้งแรก กับรถรุ่นล่าสุด ALL NEW MG3 HYBRID+ เพื่อบุกตลาด B-Segment พร้อมสร้างจุดเปลี่ยนให้กับวงการไฮบริด ในฐานะรถยนต์ไฮบริดที่มีสมรรถนะสูงภายใต้คอนเซ็ปต์ “อิสระพลัสเวล” ยนตรกรรมที่พลัสมาให้ครบ แรง ขับสนุก ประหยัดเหนือชั้น ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีไฮบริดอัจฉริยะ อีกระดับของประสบการณ์การขับขี่ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ในราคาครอบครองได้ง่าย พร้อมสัมผัสตัวจริงและทดลองขับได้ที่งาน BIG MOTOR SALE 2024 และ โชว์รูม เอ็มจี กว่า 150 แห่งทั่วประเทศ
ALL NEW MG3 HYBRID+ มีความโดดเด่นด้วยระบบ HYBRID+ ที่ใช้เทคโนโลยีล่าสุดจาก SAIC MOTOR เพื่อพัฒนายนตรกรรมที่มาพร้อมสมรรถนะและความประหยัดที่เหนือชั้น โดยระบบ HYBRID+ เป็นการผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายในและมอเตอร์ไฟฟ้า ทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาดเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงในทุกสภาวะการขับขี่ อีกทั้งรถรุ่นนี้ยังถือเป็น Global Model ที่พัฒนาและปรับจูนทุกระบบโดยทีมวิศวกรระดับโลก เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานจริงบนถนนทั่วโลก โดยผ่านการทดสอบในทุกสภาพเส้นทาง สภาพอากาศ รวมถึงวิ่งทดสอบในสถานการณ์ที่หลากหลาย สำหรับในประเทศไทย ALL NEW MG3 HYBRID+ มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “อิสระพลัสเวล” นำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่ครบครัน ทั้งความประหยัด ความสนุกเร้าใจ เป็นการยกระดับระบบการทำงานของเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้มีการทำงานที่อิสระ ครอบคลุมโหมดการขับเคลื่อนที่หลากหลาย มอบความคล่องตัว ให้ความรู้สึกเหมือนขับรถไฟฟ้าโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จ เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ที่กำลังมองหารถยนต์ในกลุ่ม City Car ที่มาพร้อมฟังก์ชันครบครัน พรัอมสมรรถนะ และเทคโนโลยีที่โดดเด่นในระดับราคาที่คนไทยเป็นเจ้าของได้ง่าย
การเปิดตัว ALL NEW MG3 HYBRID+ ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการนำเสนอยานยนต์รุ่นใหม่สู่ตลาดเท่านั้น แต่ยังเป็นการตอกย้ำวิสัยทัศน์ของ เอ็มจี ในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในวงการยานยนต์ไทยและระดับโลก ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย ความคุ้มค่า และการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างลงตัว ALL NEW MG3 HYBRID+ จึงไม่เพียงแต่เป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่มองหายานพาหนะที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นก้าวสำคัญของ เอ็มจี ในการก้าวสู่อนาคตแห่งการขับเคลื่อนที่ยั่งยืน
นายซู๋ว์ หยิ่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นอกจาก ALL NEW MG3 HYBRID+ จะเป็น The Best-in-Class ใน B-Segment ด้วยการยกระดับผลิตภัณฑ์ในหลายๆ ด้านแล้วนั้น ครั้งนี้ เอ็มจี ยังได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ แตกต่างจากการเปิดตัวรถยนต์ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น การเปิดโอกาสให้ผู้สนใจลงทะเบียนทดลองขับรถรุ่นใหม่นี้ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 4 ภาคทั่วไทย เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสสมรรถนะของ ALL NEW MG3 HYBRID+ รวมไปถึงการทดสอบขับจริงบนท้องถนน ผ่านกิจกรรมขับทางไกล “กรุงเทพฯ – เชียงใหม่ ด้วยน้ำมันถังเดียว” ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของรถเมื่อขับขี่บนถนนจริง สามารถวิ่งได้ไกลถึง 800 กิโลเมตร ต่อน้ำมันหนึ่งถัง
“เพื่อยืนยันความเชื่อมั่นและพิสูจน์คุณภาพของรถ เอ็มจี ในทุกการเดินทาง และยังเป็นครั้งแรกที่ เอ็มจี ได้ทำการเปิดตัว ALL NEW MG3 HYBRID+ พร้อมกันในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ (Nationwide launch) โดยมีกรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางการประกาศราคาอย่างเป็นทางการ ซึ่งจัดขึ้นที่ สยามสแควร์วัน นอกจากนี้ ในภูมิภาคต่างๆ ได้มีการจัดงานเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในย่านสำคัญของแต่ละพื้นที่ อาทิ ภาคเหนือ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ศูนย์การค้าเดอะมอลล์โคราช และภาคใต้ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล หาดใหญ่ โดยในทุกสถานที่จะมีกิจกรรมพิเศษต่อเนื่องจากการเปิดตัว เพื่อให้ผู้สนใจเข้ามาได้สัมผัสประสบการณ์อย่างใกล้ชิด โดย เอ็มจี พร้อมให้ผู้ที่สนใจสามารถจองและทดลองขับได้ที่ งาน BIG MOTOR SALE 2024 และศูนย์บริการของ เอ็มจี 150 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่ปลายเดือนนี้ เป็นต้นไป” นายซู๋ว์ หยิ่น กล่าวปิดท้าย
เปิดข้อสรุป 5 ความต่างของ ‘ORA 07 LONG RANGE ULTRA’ และ ‘ORA 07 LONG RANGE’ อัปเกรดสู่การขับขี่ที่เหนือกว่า ครบครันทั้งความสะดวกสบาย ความบันเทิงเต็มขั้น และความปลอดภัยขั้นสุด
กรุงเทพฯ 1 สิงหาคม 2567 – หลังจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) เปิดตัว ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA รถยนต์ไฟฟ้าสปอร์ตคูเป้สมรรถนะสูงอีกหนึ่งรุ่นออกมา ทำให้ ORA 07 ในปัจจุบันมีทั้งหมดถึง 3 รุ่น เพื่อเป็นทางเลือกที่หลากหลายและตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ใช้งาน ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นอย่าง ORA 07 รุ่น LONG RANGE ราคา 1,299,000 บาท สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความคุ้มค่าคุ้มราคากับระยะทางการขับขี่ที่ไกลถึง 640 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน NEDC) รุ่น LONG RANGE ULTRA ราคา 1,399,000 บาท สำหรับผู้ที่ชอบระยะทางการขับขี่ที่ไกลพร้อมความสะดวกสบายแบบจัดเต็มจากเทคโนโลยีล้ำสมัยต่างๆ และรุ่น PERFORMANCE ในราคา 1,499,000 บาท สำหรับผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบสมรรถนะจากมอเตอร์คู่และต้องการไปสุดทุกทางแบบไร้ขีดจำกัด
สำหรับ ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA รถยนต์รุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวให้คนไทยได้สัมผัสกันนั้น มาจากกลยุทธ์การยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง (User-centric) ที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ รับฟังเสียงของผู้บริโภคเพื่อนำมาพัฒนารถยนต์รุ่นนี้ออกมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการอ็อปชันล้นแต่ยังต้องการระยะทางการขับขี่ที่ไกล โดยมี 5 ความต่างที่อัปเกรดจากรุ่น LONG RANGE เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การขับขี่ที่สนุก โดดเด่น และแตกต่างอย่างมีสไตล์
** เงื่อนไขการให้บริการเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ดูรายละเอียดได้ที่ GWM Thailand – Service
###
ข้อมูลผลิตภัณฑ์ของ ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA
ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA รถยนต์ไฟฟ้าสปอร์ตคูเป้สมรรถนะสูงที่ถูกอัปเกรดขึ้นจาก ORA 07 รุ่น LONG RANGE มาพร้อมเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ที่แข็งแกร่งเหนือชั้น เหนือกว่าในทุกการขับขี่ ร่วมกับรูปร่างซูเปอร์สตรีมไลน์ที่ครองใจชาวไทยมาแล้วทั่วประเทศ เปรียบเสมือนผลงานศิลปะชิ้นเอกที่โลดแล่นอยู่บนท้องถนน สะกดทุกคู่สายตาสมกับคำนิยาย “More Than Stunning” กับดีไซน์ภายนอกที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความพลิ้วไหวของสายน้ำ กระจังหน้าที่มีความวับวาวยามแสงตกกระทบ ความโค้งมนรอบตัวรถมอบความรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวของธรรมชาติและความนิ่งสงบ นอกจากนี้ ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA ยังมาพร้อมกับดีไซน์ภายในที่ถูกออกแบบให้มีความสง่างามผสมผสานกับความทันสมัยได้อย่างลงตัว รวมถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมสุดล้ำมากมายที่จะเข้ามามอบประสบการณ์อันสมบูรณ์แบบให้คนไทยได้สัมผัส ตอบสนองทุกความต้องการด้านการขับขี่ที่มีความหลากหลายได้อย่างครบครับ สู่การปลุกกระแสวงการยานยนต์ไฟฟ้าในไทยให้กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง
•ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 150 กิโลวัตต์ หรือ 204 แรงม้า แรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 340 นิวตัน-เมตร วิ่งได้ระยะสูงสุด 640 กิโลเมตร (NEDC Standard)
โครงสร้าง ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA
เสา A และ B ซึ่งภายในของเสา B จะรวมเอาวัสดุคอมโพสิตที่เสริมด้วยไฟเบอร์เข้าไว้ด้วยกัน ช่วยให้มั่นใจถึงความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพการโค้งงอที่ยอดเยี่ยม ปกป้องความปลอดภัยของผู้โดยสารจากการกระแทกจากด้านหน้า ด้านข้าง และหลังคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การออกแบบภายนอก (Exterior Design)
ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA เป็นรถซีดานที่สรรค์สร้างมาด้วยรูปร่างซูเปอร์สตรีมไลน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการไหลของน้ำที่มีความงดงาม ตามปรากฏการณ์ธรรมชาติ “การไหลแบบลามินาร์” ซึ่งเมื่อน้ำนิ่งพบกับก้อนกรวดหินในลำธาร มันจะไม่เกิดการชนกัน แต่จะโอบอุ้มหินเหล่านั้นด้วยความอ่อนโยนและนุ่มนวล
•มิติตัวรถขนาดกว้างขวาง ถูกออกแบบด้วยลายเส้นโค้งที่พลิ้วไหว รวมความอิสระ ความสมบูรณ์ ที่มีมิติและสง่างามสร้างความเพลิดเพลินในการขับขี่รวมกับความงดงามที่สมดุลกับความสปอร์ต ความหรูหราและความทรงพลังอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยมิติตัวรถ 1,862 x 4,871 x 1,500 มม. (กว้าง x ยาว x สูง) ระยะฐานล้อ 2,870 มม. ระยะความสูงใต้ท้องรถ (Ground Clearance) 125 มม. การออกแบบระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สัน และระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงก์ ให้การขับขี่ที่ยึดเกาะถนนและนั่งสบายเพื่อตอบสนองการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมือง ตอบโจทย์ความต้องการของทุกคนในครอบครัว
การออกแบบภายใน (Interior Design)
ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA ได้รับการตกแต่งภายในเป็นแบบเรโทรที่แฝงความลักซ์ชัวรี และรูปทรงปราดเปรียวสง่างามแต่ยังมีความน่ารัก การผสมผสานระหว่างเส้นโค้งและเหลี่ยมมุมได้อย่างสมบูรณ์ พร้อมมอบความสุนทรีย์ในทุกช่วงเวลาการขับขี่ด้วยลำโพง Infinity และการตกแต่งห้องโดยสารด้วย Ambient Light แบบ Super I Space และวัสดุสีเงิน ดำ (Silver, Black)