- Advertisement -
28.9 C
Bangkok
Home Blog Page 45

MotoGP สนามประเทศไทย พร้อมสร้างความประทับใจสู่สายตาชาวโลก

MotoGP สนามประเทศไทยแถลงใหญ่ กระหึ่มขายบัตรวันแรก ตั้งเป้า “PT Grand Prix of Thailand 2024” สนามที่ดีที่สุด-ประทับใจที่สุด ประจำฤดูกาล สู่ฐานแฟนความเร็ว 800 ล้านคนทั่วโลก พร้อมสร้างปรากฏการณ์ใหม่สู่สายตาชาวโลก

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดแถลงข่าวการจัดการแข่งขันและเปิดจำหน่ายบัตรศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือ MotoGP ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ สนามที่ 18 พร้อมเปิดตัวไตเติ้ล สปอนเซอร์ใหม่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG รู้จักกันดีในฐานะเจ้าของสถานีบริการน้ำมัน PT, ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ PT Maxnitron และยังมีธุรกิจอื่นในเครือ เช่น แบรนด์ร้านกาแฟ พันธุ์ไทย, คอฟฟี่เวิล์ด รวมถึงศูนย์บริการรถยนต์ Autobacs ภายใต้ชื่อรายการ “PT Grand Prix of Thailand 2024” เตรียมสร้างปรากฏการณ์ใหม่ระดับเวิลด์คลาส นำเสนออัตลักษณ์ความงดงามแบบไทย พร้อมเสิร์ฟประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ต เฟสติวัล เต็มรูปแบบที่หาที่ไหนไม่ได้ โดยจะชิงชัยที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ระหว่าง 25-27 ตุลาคม 2567 ถ่ายทอดความยิ่งใหญ่ไปกว่า 200 ประเทศทั่วโลก สู่ผู้ชม 800 ล้านคน โดยหลังเปิดจำหน่ายบัตรแกรนด์ สแตนด์ Sold Out ด้วยเวลา 03.12 นาที

วันที่ 18 มิถุนายน 2567 ที่ การกีฬาแห่งประเทศไทย  กรุงเทพ : ดร.พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน พร้อมด้วยตัวแทนผู้สนับสนุนทั้งภาครัฐและเอกชน นำโดย การกีฬาแห่งประเทศไทย, จังหวัดบุรีรัมย์, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, กรมการขนส่งทางบก, บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG, น้ำแร่ธรรมชาติ ตรา ช้าง, บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด, บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด, บริษัท โมโตเร อิตาเลียโน จำกัด ( ดูคาติ ไทยแลนด์ ), สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต รวมทั้งทัพสื่อมวลชนหลายร้อยคนและผู้สนับสนุนร่วมงานมากมาย

ล่าสุดเป็นการเปิดจำหน่ายบัตรชมการแข่งขันวันแรก โดยปีนี้ปรับเวลาการจัดจำหน่ายให้เร็วขึ้นกว่าทุกปีและมีการปรับผังที่นั่ง เพิ่มประเภทสแตนด์ หรือ อัฒจันทร์ เพื่อดึงดูดใจให้ผู้ชมกระจายตัวสู่รอบสนาม มีการเพิ่มกิจกรรมความสนุก ลุ้นรางวัล ของที่ระลึกมากมาย หลังเปิดจำหน่ายบัตรแกรนด์ สแตนด์ Sold Out ด้วยเวลา 03.12 นาที

ดร.พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในฐานะตัวแทนของรัฐบาลไทยและคนไทย ถือว่าตลอด 4 ปี ของการจัดการแข่งขันศึกรถจักรยานยนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง MotoGP บนผืนแผ่นดินไทย ประสบความสำเร็จอย่างมากในการสร้างภาพจำ “โมโตจีพี วิถีไทย” สื่อสารถึงความเป็นไทยที่เต็มไปด้วยความงดงาม อ่อนช้อย ศิลปวัฒนธรรม สู่มหกรรมกีฬาแห่งความสุข สร้างความประทับใจ มอบประสบการณ์ที่ล้ำค่าให้แก่ผู้ชม  ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นหมุดหมายหนึ่ง ในแผนที่มอเตอร์สปอร์ต ในหัวใจแฟนความเร็วทั่วโลกที่อยากมาเยือนสักครั้งในชีวิต

“การจัดโมโตจีพีในประเทศไทยเป็น Mega Event ฟันเฟืองสำคัญ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ตามนโยบาย Sport Tourism ในปีที่ผ่านมามียอดผู้ชมการแข่งขันสูงถึง 179,811 คน นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มมากถึง 11% สร้างเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจมากกว่า 4,493 ล้านบาท จากการใช้จ่าย ทั้งค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าอาหารเครื่องดื่ม ค่าของที่ระลึก ฯลฯ”

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การจัดการแข่งขันโมโตจีพีในประเทศไทยในปีนี้นั้น กระแสค่อนข้างแรง จึงเปิดจำหน่ายบัตรเร็วขึ้นกว่าทุกปี รวมทั้งภารกิจของคณะผู้จัดฯ ยากขึ้นทุกปีเช่นกัน เนื่องจากได้สร้างมาตรฐานไว้สูงมาก ตั้งแต่การจัดงานในครั้งแรก โดยพันธกิจสำคัญของการกีฬาแห่งประเทศไทย คือการพัฒนานักกีฬาไทย เพื่อยกระดับขึ้นไปเทียบเท่าระดับสากล ปีที่ผ่านมา “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา สร้างประวัติศาสตร์คว้าโพเดียม โมโต 2 สุดยิ่งใหญ่ได้สำเร็จ สร้างความภูมิใจให้คนทั้งประเทศ และในปีนี้มีนักแข่งสายเลือดไทยทั้ง “ก้อง-สมเกียรติ จันทรา” ในรุ่นโมโต2 และ “ก๊อง-ธัชกร บัวศรี” ในรุ่นโมโต3 ที่ลงทำการแข่งขันตลอดฤดูกาลและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศอย่างมาก

นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาจังหวัดบุรีรัมย์ใช้กีฬาเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในจังหวัดอย่างแท้จริง โดยการจัดการแข่งขันโมโตจีพีในปีที่ผ่านมาก่อให้เกิดการสร้างงานของคนในพื้นที่กว่า 6,426 ตำแหน่ง สร้างเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจให้แก่พี่น้องในจังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดใกล้เคียง สำหรับปีนี้ จังหวัดพร้อม 100% แน่นอนในการรองรับนักท่องเที่ยว นักแข่ง ทีมแข่ง สื่อมวลชน รวมทั้งบุคลากรฝ่ายจัดการแข่งขัน รวมกว่า 2 แสนคน ตลอด 3 วัน ปรับปรุงและพัฒนาทุกส่วน เพื่อให้มอบประสบการณ์อันยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่จะทำได้ และหนึ่งปีมีครั้ง สนามเดียวในโลกที่ “ชัตเติ้ลแต๋น” สินทรัพย์และภูมิปัญญาไทยของพี่น้องเกษตรกร จะได้อวดโฉมรับส่งผู้มาเยี่ยมเยือนจากทั่วโลก

มร.เฟร์ราน จุงก้า ผู้อำนวยการอาวุโสด้านผู้สนับสนุนระดับโลก ดอร์น่าสปอร์ต กล่าวว่า ดอร์น่า สปอร์ต มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) เข้าสู่การเป็นผู้สนับสนุนหลักในการแข่งขันโมโตจีพี หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ทำงานร่วมกัน เพื่อส่งเสริมโมโตจีพีประเทศไทยที่แสนพิเศษนี้ให้พิเศษขึ้นไปอีก ในปีนี้ผมมั่นใจว่าการแข่งขันสนามประเทศไทยที่จังหวัดบุรีรัมย์ จะเป็นสุดสัปดาห์ที่ยอดเยี่ยม สนุก เข้มข้น เร้าใจ ทั้งยังมีกิจกรรมที่รอสร้างความประทับใจกับแฟนโมโตจีพีที่เข้ามาชมในสนามมากมาย

นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG กล่าวว่า PTG มีความยินดีและภูมิใจอย่างมากที่ได้เข้ามาเป็นครอบครัว ThaiGP หนึ่งในกรังด์ปรีซ์ที่ดีที่สุดสนามหนึ่งของโลก ด้วยฝีมือคนไทย ยิ่งใหญ่ อลังการ สมบูรณ์แบบ โดยคว้าโอกาสสนับสนุนต่อเนื่องถึง 3 ปี ตั้งแต่ 2024-2026 โอกาสนี้จึงได้มอบสิทธิ์ในการซื้อบัตรราคาพิเศษ สำหรับ สมาชิก PT Max Card Plus เพียงแค่แสดงบัตรรับส่วนลดทันที 25% นอกจากนี้ยังสามารถรับส่วนลด 20% เมื่อแสดงบัตร PT Max Card Prestige หรือ บัตร PT Max Card ณ จุดจำหน่ายบัตร รวมทั้งจัดเตรียมกิจกรรมสุดพิเศษและยิ่งใหญ่ จากสถานีบริการน้ำมัน พีที และธุรกิจรในเครือ ไม่ว่าจะเป็นกาแฟพันธุ์ไทย, คอฟฟี่เวิล์ด รวมถึงศูนย์บริการรถยนต์ Autobacs และอื่นๆอีกมากมายไว้บริการในวันแข่งขัน

บัตรเข้าชม โมโตจีพี 2024 เป็นบัตรชมงานแบบ 3 วัน แบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1.แกรนด์ สแตนด์ 5,000 บาท (เห็นทุกโค้งทั่วสนาม) ราคาหลังหักส่วนลดสูงสุด 25 % เหลือเพียง 3,750 บาท  2. ไซด์ สแตนด์ 2,000 บาท (ราคาสบายกระเป๋า) หักส่วนลดสูงสุด 25 % เหลือเพียง 1,500 บาท 3.ไรเดอร์ สแตนด์ สำหรับกองเชียร์นักแข่ง 3 คน ได้แก่ มาร์เกซ สแตนด์, กวาร์ตาราโร สแตนด์, จันทรา สแตนด์  สำหรับแฟน ก้อง-สมเกียรติ จันทรา ราคา 3,000 บาท หลังหักส่วนลดสูงสุดเหลือเพียง  2,250 บาท พร้อมของที่ระลึก ลิขสิทธิ์แท้จากนักแข่งที่ชื่นชอบ

และ 4. แบรนด์ สแตนด์ ( Brand Stand)  ในปีนี้พิเศษสุด มีการปรับผังที่นั่ง เพิ่มประเภทสแตนด์ หรือ อัฒจันทร์ เพื่อดึงดูดใจให้ผู้ชมกระจายตัวสู่รอบสนาม โดยจัดให้มีสแตนด์สำหรับกองเชียร์จากค่ายรถจักรยานยนต์ชั้นน้ำ พร้อมรับของรางวัลจากผู้สนับสนุน และรับสิทธิ์ลุ้นรางวัลจากผู้สนับสนุนมากมายได้แก่ ฮอนด้า สแตนด์, ยามาฮ่า สแตนด์ ราคา 2,000 บาท ราคาหลังหักส่วนลดสูงสุด 25% เหลือเพียง 1,500 บาท ส่วน “ดูคาติ สแตนด์“ รับส่วนลดสูงสุด 20% จากราคา 2,000 บาท  เหลือเพียง 1,600 บาท

ราคาจำหน่ายบัตรในประเทศไทย จัดว่าถูกและคุ้มค่าที่สุด สนามเดียวในโลก เนื่องจากทุกภาคส่วนจัดเต็มมหกรรมความบันเทิงทั้งในและนอกสนาม คอนเสิร์ต มวย ช้อป ชิม สำหรับแฟนๆ สามารถซื้อบัตรชม PT Grand Prix of Thailand 2024 ได้แบบสบายกระเป๋า ด้วยส่วนลดสุดปัง สมาชิก PT Max Card Plus เพียงแค่แสดงบัตรรับส่วนลดทันที 25% นอกจากนี้ยังสามารถรับส่วนลด 20% เมื่อแสดงบัตร PT Max Card Prestige หรือ บัตร PT Max Card หรือใช้สิทธิ์ส่วนลดจากผู้สนับสนุนอื่นๆ ได้แก่ Chang International Circuit Friend Club, กุญแจรถจักรยานยนต์ Honda, กุญแจรถจักรยานยนต์ YAMAHA ส่วนกุญแจรถจักรยานยนต์ DUCATI ใช้เป็นส่วนลด 20% ได้เฉพาะสแตนด์ดูคาติเท่านั้น (สงวนสิทธิ์เลือกใช้ส่วนลดได้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง)

ข่าวดีสำหรับ “ยามาฮ่า สแตนด์” ซื้อบัตรทุกที่นั่ง ลุ้นรับ รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า R15M Connected-ABS รุ่นปี 2024 จำนวน 1 คัน มูลค่า 138,000 บาท รายละเอียดเพิ่มเติม www.yamaha-motor.co.th และ “ฮอนด้า สแตนด์” จะได้รับ Cheering kit มูลค่ากว่า 800 บาททุกที่นั่ง ประกอบด้วย เสื้อยืด Collection ก้อง สมเกียรติ, หมวก, กระเป๋า, กระบองลม และพัด ส่วน “ดูคาติ สแตนด์” ได้รับ Ducati Fan Kits มูลค่า 500 บาท, หมวกดูคาติ, สายคล้องคอ Ducati Tribuna, กระบองลม

ซื้อบัตรได้ที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ allticket.com ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ แฟนเพจ Chang Circuit Buriram หรือรับข่าวสารผ่านช่องทางไลน์ โดยเพิ่มเพื่อน Line ID : @changcircuit

Toyota Hilux Revo 10 เซียนประจัญบาน 2024 พร้อมชิงแชมป์

Toyota Hilux Revo 10 เซียนประจัญบาน 2024 ความมันระดับตำนานที่คุณห้ามพลาด 27-30 มิถุนายนนี้ มีนักแข่งจากทั่วประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้าน มาเลเซีย กัมพูชา ลาว ร่วมชิงแชมป์ ณ Grand Prix Motor Park อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี

การแข่งขัน 10 เซียนประจัญบาน นับเป็นการแข่งขันรถยนต์ออฟโรดรายการใหญ่ และเก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย ที่ได้รับความนิยมจากนักแข่งทั้งชาวไทยและต่างประเทศมากที่สุด ทั้งนี้เปรียบเสมือนการช่วงชิงตำแหน่งนักแข่งมือหนึ่งของเมืองไทย ที่เดิมพันด้วยถ้วยเพียงใบเดียว ที่ไม่เพียงแต่สนุกสนานและท้าทาย แต่ยังเป็นเวทีที่สำคัญสำหรับการแสดงสมรรถนะของรถกระบะ Toyota Hilux Revo และรุ่นอื่นๆที่เข้าร่วมในรายการ แต่ยังรวมถึงการส่งเสริมการขับขี่ออฟโรดอย่างปลอดภัย และยังสร้างมิตรภาพที่เน้นแฟ้นของกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบรถออฟโรดอีกด้วย

“10 เซียนประจัญบาน” ดำเนินการจัดการแข่งขันโดย Grand Prix Motor Park ในเครือ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เป็นการแข่งขันรถยนต์ออฟโรดรายการใหญ่ที่สุดของวงการออฟโรดเมืองไทย ที่รวบรวมเหล่าบรรดานักแข่งระดับประเทศ จากทั่วสารทิศในทุกรุ่นของการแข่งขันมาร่วมประชันฝีมือเชิงออฟโรด

โดยจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2545 (ปี 2003) และต่อมาในปี 2548 ได้เปลี่ยนชื่อรายการเป็น “Toyota Hilux Revo 10 เซียนประจัญบาน” ภายใต้การสนับสนุนจาก บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ในปีนี้นับเป็นปีที่ 22 ที่การแข่งขันนี้ยังคงสร้างความตื่นเต้นและเร้าใจให้กับนักแข่ง และผู้ชมอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ทางคณะผู้จัดฯ ยังได้พัฒนารูปแบบการแข่งขันใหม่ๆ มุ่งเน้นทักษะ ฝีมือ ความสามารถในเชิงออฟโรด โดยใช้สนาม Grand Prix Motor Park อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี เนรมิตให้เป็นสังเวียนในการดวลศึกระดับตำนาน ของนักแข่งจากทั่วประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ มาเลเซีย, กัมพูชา และ สปป.ลาว ที่จะเดินทางมาร่วมชิงแชมป์ในปีนี้กว่าเกือบ 20 คัน ทำให้ปีนี้คาดว่าจะมีนักแข่งลงทำการแข่งขันมากถึง 140 คัน โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 4 รุ่น คือ

1.รุ่น Toyota Hilux Revo 10 เซียนประจัญบาน 2024 

 2.รุ่น Super Open 10 เซียนประจัญบาน 2024

3.รุ่นเที่ยวป่า Open 10 เซียนประจัญบาน 2024              

4.รุ่น Off Road Club Team 10 เซียนประจัญบาน 2024

นอกจากการแข่งขันที่ดุเดือด งานนี้ยังมีกิจกรรมเสริมมากมาย Grand Prix Motor Park พร้อมจัดเต็มทั้งการโปรโมทผ่านโซเชียลมีเดีย  ต้ะงแต่การรับสมัคร การทำเบอร์แข่งขันแบบพิเศษ แบบใส่ภาพนักแข่งลงไป  Live Streaming สดจากหลากหลายมุม เหมือนอยู่ขอบสนาม ตลอด 4 วัน และการถ่ายทำ TikTok แบบจัดเต็มจากทีมโปรดักชั่นมืออาชีพ รวมทั้งการเผยแพร่ผ่านยูทูบเบอร์และสื่อออนไลน์ต่างๆ ทำให้คาดว่าจะมีผู้ชมไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา ที่มีผู้เข้าชมทะลุ 4,000,000 คน

ใครจะก้าวขึ้นเป็นนักแข่งมือหนึ่งของเมืองไทย ร่วมลุ้นแบบติดขอบสนามการแข่งขัน Toyota  Hilux Revo 10 เซียนประจัญบาน 2024 ได้ระหว่างวันที่ 27 – 30 มิถุนายน 2567 นี้ ณ สนาม Grand Prix Motor Park อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี หรือรับชม Live Streaming สดๆ ผ่านทาง Facebook Page : GRAND PRIX MOTOR PARK รวมทั้ง   OFF ROAD MAGAZINE และ XO-Autosport

Mercedes-Benz StarFest 2024 StarFest The Last Order ยกทัพเมอร์เซเดส-เบนซ์ ลดสูงสุด 9 แสนบบาท

Mercedes-Benz StarFest 2024 “StarFest The Last Order” ยกทัพเมอร์เซเดส-เบนซ์ เตรียมส่วนลดสูงสุด 900,000 บาท ยกทัพรถตระกูลเอเอ็มจีและคูเป้ พร้อมให้เป็นเจ้าของที่ MBCC บางนา 21-24 มิถุนายนนี้

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ส่งท้ายเทศกาล Mercedes-Benz StarFest 2024 จัดหนักด้วยดีลสุดท้าย “StarFest The Last Order” ลดราคารถยนต์สูงสุด 900,000 บาท ให้คุณเป็นเจ้าของรถยนต์สมรรถนะสูงตระกูลเอเอ็มจีด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 2.68 ล้านบาท นำโดยรุ่น Mercedes-AMG GLA 35 4MATIC และ Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupe พร้อมรถยนต์ตระกูลคูเป้อีก 4 รุ่น ได้แก่ C 200 Coupe AMG Dynamic, E 200 Coupe AMG Dynamic, GLC 220 d 4MATIC Coupe AMG และ GLC 300 e 4MATIC Coupe AMG รวมถึงรถยนต์รุ่นอื่นๆ จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ และ Mercedes-Benz Certified สำหรับลูกค้าที่เข้ามาที่งาน “StarFest The Last Order” ณ ศูนย์ MBCC (Mercedes-Benz Competence Centre) ถนนบางนาตราด กม.19 ในระหว่างวันที่ 21 – 24 มิถุนายน 2567 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 22.00 น.

6 รุ่นไฮไลท์กับดีลสุดท้ายจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ “StarFest The Last Order”

•Mercedes-AMG GLA 35 4MATIC ราคาพิเศษ 2,680,000 บาท

•Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupe ราคาพิเศษ 4,400,000 บาท

•C 200 Coupe AMG Dynamic ราคาพิเศษ 2,950,000 บาท

•E 200 Coupe AMG Dynamic ราคาพิเศษ 3,950,000 บาท

•GLC 220 d 4MATIC Coupe AMG ราคาพิเศษ 3,600,000 บาท

•GLC 300 e 4MATIC Coupe AMG ราคาพิเศษ 3,500,000 บาท

*ราคาดังกล่าวไม่รวมอุปกรณ์เสริมของรถยนต์แต่ละรุ่น

สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์รุ่นต่าง ๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ที่ www.mercedes-benz.co.th หรือที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทุกสาขาทั่วประเทศ หรือติดตามข่าวสารผ่านทาง Facebook: Mercedes-Benz Thailand IG: @MercedesBenzThailand

และ LINE: @mercedesbenzth

ซิกท์ รถเช่า ผสานพันธมิตรจัดแคมเปญ พีทีแมกซ์การ์ดเที่ยวเมืองรอง

ซิกท์ รถเช่า ประเทศไทย จับมือ ททท., พีที แมกซ์การ์ด และพันธมิตรธุรกิจ ร่วมกระตุ้นท่องเที่ยวไทย ผ่านแคมเปญ ‘พีที แมกซ์การ์ด ท่องเที่ยว 72 เส้นทางสายศรัทธา 55 เมืองรอง’ มอบสิทธิพิเศษสุดคุ้ม ทั้งที่พัก, รถเช่า และบริการอื่นๆ อีกมากมาย

ซิกท์ รถเช่า ประเทศไทย หนึ่งในผู้นำบริการรถเช่าระยะสั้น และลีมูซีน ภายใต้บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พีที แมกซ์การ์ด และพันธมิตรทางธุรกิจหลายภาคส่วน ร่วมกระตุ้นท่องเที่ยวไทย ภายใต้แคมเปญ ‘พีที แมกซ์การ์ด ท่องเที่ยว 72 เส้นทางสายศรัทธา 55 เมืองรอง’ ชวนเที่ยวตามรอยเส้นทางสายศรัทธาที่ทรงคุณค่าเมืองรอง ในช่วงโลว์ซีซั่น ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ โบราณสถาน สถาปัตยกรรมท้องถิ่น วิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรม พร้อมรับสิทธิพิเศษสุดคุ้มมากมาย จากหลากหลายพันธมิตรทางธุรกิจ

นางสาวสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า “ททท. ได้จัดทำโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ร่วมกับพันธมิตรที่หลากหลาย ทั้ง อ.คฑา ชินบัญชร พรีเซ็นเตอร์ ททท., พีที แมกซ์การ์ด, โรงแรมในเครือฟอร์จูน และ ซิกท์ รถเช่า ประเทศไทย ที่พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นที่พักคุณภาพ รถเช่าระดับพรีเมียม และปั๊มน้ำมันที่มีบริการครบสำหรับนักเดินทาง พร้อมมอบสิทธิพิเศษใน 72 เส้นทางสายศรัทธา

55 เมืองรอง ตลอดระยะเวลาโครงการ นับเป็นการขยายฐานตลาด และเพิ่มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวคุณภาพผ่านทัชพอยท์ต่างๆ ของพันธมิตร เพื่อมุ่งเน้นให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ ตลอดจนสามารถบอกเล่าเรื่องราวของเมืองรอง ที่เปี่ยมด้วยสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและธรรมชาติที่งดงาม ได้รับทั้ง ความสุข สนุก อิ่มบุญ ครบครัน คุ้มค่า ก่อนส่งต่อประสบการณ์ประทับใจให้แก่ผู้อื่น ผ่านสื่อโซเชียลของตนเองต่อไป”

นายภูมน สมดี ผู้จัดการทั่วไป ซิกท์ รถเช่า ประเทศไทย เปิดเผยว่า “ซิกท์ ให้บริการรถเช่าทั้งไทยและทั่วโลก มีความยินดีที่จะให้บริการนักเดินทางในโครงการ พีที แมกซ์การ์ด ท่องเที่ยว 72 เส้นทางสายศรัทธา 55 เมืองรอง เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า ไม่ว่าจะเช่าขับเอง หรือเช่าพร้อมคนขับ ด้วยรถยนต์คุณภาพมาตรฐานจนถึงระดับพรีเมียม โดย ซิกท์ มอบสิทธิพิเศษให้แก่นักท่องเที่ยว เพิ่มความอุ่นใจในทุกการเดินทาง เริ่มจากค่าบริการเช่ารถ ราคาเริ่มต้นที่ 699 บาทต่อวัน (ไม่รวมประกันชั้นหนึ่งและภาษี) รวมถึงรถยนต์พรีเมียม เป็นต้น พร้อมบริการประทับใจ และโปรโมชั่นอื่นๆ อีกมากมาย หวังว่าผู้รักการเดินทางท่องเที่ยวจะได้รับความสะดวกสบาย และมีความสุข การได้รับบุญไปกับโครงการดีๆ ตลอดซีซั่นนี้”

ด้านนายพร้อมศักดิ์ จรัญญากรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด บริษัทในเครือ พีทีจี ผู้ให้บริการบัตรสมาชิก พีที แมกซ์การ์ด กล่าวว่า “แคมเปญนี้ นอกจากจะเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวในจังหวัดเมืองรองช่วงโลว์ซีซั่น ยังช่วยส่งเสริมมาตรการลดหย่อนภาษี กระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรองของรัฐบาล ที่ปัจจุบันมีฐานสมาชิก พีที แมกซ์การ์ด กว่า 22 ล้านราย ออกเดินทางท่องเที่ยวไปกับโครงการดังกล่าว โดยบริษัทฯ ได้เตรียมรายการส่งเสริมการขาย “เที่ยวเมืองรอง รับ E-Stamp X2” สำหรับสมาชิก พีที แมกซ์การ์ด (ทุกประเภทบัตร) ซึ่งจากปกติ

จะได้รับ 1 ดวงต่อวัน พิเศษสำหรับผู้เข้าใช้บริการ และสะสมแต้มที่สถานีบริการน้ำมันหรือร้านค้าในเครือ พีที ที่จังหวัดเมืองรอง ตลอดระยะเวลาโปรโมชั่น จะได้รับ E-Stamp 2 ดวงต่อวัน โดยสมาชิกสามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ได้ 2 ช่องทาง ที่ แอพพลิเคชั่น Max Me และ USSD ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม ถึง 31 สิงหาคม 2567”

โปรพิเศษสุดคุ้ม! ท่องเที่ยว 72 เส้นทางสายศรัทธา 55 เมืองรอง ไปกับ ซิกท์ รถเช่า ประเทศไทย ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 สิงหาคม 2567

•Toyota Yaris และ Honda City เริ่มต้นที่ 699 บาทต่อวัน*

•Toyota Altis เริ่มต้นที่ 899 บาทต่อวัน*

•Toyota Camry เริ่มต้นที่ 1,199 บาทต่อวัน*

•Peugeot 5008 เริ่มต้นที่ 1,499 บาทต่อวัน*

•BMW 220i, BMW X1 และ MINI Countryman เริ่มต้นที่ 1,799 บาทต่อวัน*

(ราคาไม่รวมประกันชั้นหนึ่งและภาษี)

•ยอดค่าเช่า 4,000 บาทขึ้นไป รับคูปองส่วนลด 300 บาทต่อสัญญา*

•ยอดค่าเช่า 5,000 บาทขึ้นไป รับคูปองส่วนลด 500 บาทต่อสัญญา พร้อมรับสิทธิ์อัพเกรดรถเช่า 1 ระดับ*

•สามารถรับส่วนลด ผ่าน พีที Redeem App MaxCard*

ปัจจุบัน ซิกท์ รถเช่า ประเทศไทย มี 16 สาขาทั่วประเทศ คือ ลาดพร้าว, พระราม 4, พัฒนาการ-ศรีนครินทร์, ระยอง, หาดใหญ่, โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ท รวมถึงเคาน์เตอร์สนามบินต่างๆ ได้แก่ สุวรรณภูมิ, เชียงใหม่, น่าน, อุดรธานี, ขอนแก่น, อุบลราชธานี, ภูเก็ต, กระบี่, สมุย และสุราษฎร์ธานี

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.sixtthailand.com

LINE ID : @sixtthailand

Instagram : sixt_thailand

โทร. 1798

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

PTG ทุ่มงบ 300 ล้านบาท คว้าสิทธิ์ ThaiGP

PTG สะเทือนวงการมอเตอร์สปอร์ต! ทุ่ม 300 ล้าน ผงาดคว้าสิทธิ์ไตเติ้ลสปอนเซอร์ “ThaiGP” 3 ปีรวด ภายใต้ชื่อ “PT Grand Prix of Thailand” ยาวถึงปี 2026 พร้อมเผยเตรียมเปิดขายบัตรกลางเดือนมิถุนายน 2567 นี้

PTG ผงาดคว้าสิทธิ์ไตเติ้ลสปอนเซอร์ ส่งแฟนมอเตอร์สปอร์ตได้เฮกันอีกยาว กลายเป็น“ทอล์ค ออฟ เดอะทาวน์” ชั่วข้ามคืน สำหรับศึกสองล้อที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก รายการ “โมโตจีพี” ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นอีกครั้ง ในวันที่ 25-27 ตุลาคม 2567 นี้ ที่ จ.บุรีรัมย์ นับเป็นกลยุทธ์การตลาดสำคัญในการสื่อสารการตลาดสร้างการรับรู้แบรนด์ในกลุ่ม PTG แบบครบวงจรครั้งใหญ่ของ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการสถานีบริการน้ำมัน PT ผงาดคว้าสิทธิ์เป็นไตเติ้ลสปอนเซอร์ของรายการต่อเนื่อง 3 ปี ตั้งแต่ 2024-2026 เชื่อโมโตจีพี ฝีมือคนไทย จะสร้างปรากฏการณ์ความประทับใจมากขึ้น ยิ่งใหญ่ อลังการยิ่งกว่าที่เคยแน่นอน

ความเคลื่อนไหวของการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบ ชิงแชมป์โลก รายการ “โมโตจีพี” สนามประเทศไทย ประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 25-27 ตุลาคม 2567 ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เตรียมแถลงข่าวเปิดตัวไตเติ้ล สปอนเซอร์ อย่างยิ่งใหญ่ พร้อมทั้งเตรียมเปิดขายบัตรกลางเดือนมิถุนายน 2567 นี้

บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG  รู้จักกันดีในฐานะเจ้าของสถานีบริการน้ำมัน PT, ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ PT Maxnitron และยังมีธุรกิจอื่นในเครือ เช่น แบรนด์ร้านกาแฟ พันธุ์ไทย, คอฟฟี่เวิล์ด รวมถึงศูนย์บริการรถยนต์ Autobacs สร้างปรากฎการณ์ สะเทือนวงการมอเตอร์สปอร์ต กับการจรดปากกาเซ็นต์สัญญาในฐานะไตเติ้ล สปอนเซอร์ กรังด์ปรีซ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่จะระเบิดศึกบนแผ่นดินไทย“โมโตจีพี” ซีรีส์การแข่งขันสองล้อที่ดีที่สุด แข่งขันกว่า 20 สนาม ใน 5 ทวีป รายการมอเตอร์สปอร์ตอันดับหนึ่งของโลกที่มีผู้ติดตามชมทั่วโลก

ทั้งนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวการแถลงข่าวและเปิดจำหน่ายบัตร “โมโตจีพี” สนามประเทศไทย ประจำปี 2567 ช่วงกลางเดือนมิถุนายน ภายในงานจะมีการเปิดตัวไตเติ้ลสปอนเซอร์ใหม่อย่างสุดยิ่งใหญ่ อลังการ โดยมี Dorna Sports เจ้าของลิขสิทธิ์ บินลัดฟ้ามาร่วมแสดงความยินดี พร้อมผนึกกำลังกับตัวแทนภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ “PT Grand Prix of Thailand” สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ นำเสนออัตลักษณ์ความงดงามแบบไทย รองรับผู้ชมในสนามหลายแสนคน ถ่ายทอดสดความยิ่งใหญ่ 200 ประเทศ สู่ผู้ชม 800 ล้านคนทั่วโลก ตั้งเป้าเป็นโมโตจีพีที่ดีที่สุด และน่าประทับใจที่สุด

เอ็มจี เปิดราคา MG MAXUS 7 ที่ 1.769 ล้านบาท

เอ็มจี ลุยตลาด e-MPV 7 ที่นั่ง ส่ง NEW MG MAXUS 7 ราคา 1.769 ล้านบาท ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ครอบครัวสมัยใหม่ พร้อมทยอยส่งมอบปลายเดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ย้ำภาพผู้นำตลาดอีวี เดินหน้านำเสนอประสบการณ์การขับขี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ให้คนไทย เผยราคาจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ NEW MG MAXUS 7 รถ e-MPV พลังงานไฟฟ้า 100% แบบ 7 ที่นั่ง รุ่นล่าสุดของ เอ็มจี ที่คงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรถในตระกูล MG MAXUS กับความโดดเด่นอย่างมีสไตล์ มุ่งตอบโจทย์การใช้งานของกลุ่มครอบครัวสมัยใหม่ ที่มองหารถที่มาพร้อมฟังก์ชั่นรองรับไลฟ์สไตล์ของสมาชิกครอบครัวทุกเจนเนอเรชั่น แตกต่างด้วยดีไซน์อันล้ำสมัยและมั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยมาตรฐานสากลรอบคัน โดยมี ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการที่ 1,769,000 บาท พิเศษ! กับเอ็กซ์คลูซีฟแคมเปญ มูลค่ากว่า 120,000 บาท พร้อมทยอยส่งมอบรถถึงมือลูกค้าปลายเดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป

ประสบการณ์การขับขี่ครั้งใหม่ กับความสุขที่ลงตัวของครอบครัว ด้วย รถ e-MPV ไซส์กลาง NEW MG MAXUS 7

เอ็มจี ต่อยอดความสำเร็จของรถตระกูล MG MAXUS สู่ NEW MG MAXUS 7 รถ e-MPV พลังงานไฟฟ้า 100% แบบ 7 ที่นั่ง ที่จะเข้ามาเติมเต็มความต้องการและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าครอบครัวสมัยใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบมากขึ้น ทั้งดีไซน์ภายนอกที่โดดเด่นแฝงความเรียบหรูอันมีเอกลักษณ์ ทั้งกระจังหน้าใหม่ แบบ Grille less Design ประตูสไลด์ด้านข้างด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมที่เปิดประตูแบบเก็บซ่อนในตัวรถ (Hidden Door Handle) ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า และหลังคาพาโนรามิกซันรูฟแบบ One Touch ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานได้อย่างลงตัว ดีไซน์คอนโซลหน้าแบบ Double Layer พร้อมที่วางแก้ว และรองรับการชาร์จแบบไร้สาย (Wireless Charger) นั่งสบายทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลังไฟฟ้า เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง สามารถปรับระดับอุณหภูมิได้ตามความต้องการ สำหรับเบาะนั่งแถวที่สองเป็นแบบ Captain Seat ปรับแบบแมนนวล ที่ถูกออกแบบให้โอบรับกระชับทุกสรีระ มาพร้อมฟังก์ชันที่มอบความสะดวกสบายอย่างครบครัน

ทั้งจอกลางแบบสัมผัสขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android และช่องเชื่อมต่อ USB ให้เสียงรอบด้านด้วยลำโพงมากถึง 8 จุด เพิ่มความสะดวกสบายอีกระดับด้วยระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกโซนด้านหน้าและหลัง และระบบกรองอากาศ PM 2.5

นอกจากนี้ NEW MG MAXUS 7 ยังคงความโดดเด่นด้านสมรรถนะการขับขี่ที่มีประสิทธิภาพ ด้วยขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลังสูงสุดที่ 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 350 นิวตันเมตร แบตเตอรี่แบบลิเธี่ยมไอออน จัดวางแบบ Cell-To-Pack ขนาดความจุ 90 kWh ให้ระยะทางสูงสุด 570 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC แบตเตอรี่มาตรฐานความปลอดภัย IP67 ช่วยในการป้องกันน้ำและฝุ่น พร้อมรองรับการชาร์จเร็วสูงสุดที่ 120 kWh โดยชาร์จไฟจาก 30% – 80% ใช้เวลาเพียง 30 นาที และการชาร์จแบบธรรมดา รองรับการชาร์จสูงสุดที่ 11 kWh โดยชาร์จไฟจาก 5% -100% ในเวลาประมาณ 8 ชั่วโมงครึ่ง ทั้งนี้ ยังสามารถเปลี่ยนรถให้เป็นแหล่งพลังงานได้ด้วยระบบ V2L โดยสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ถึงระดับ 6.6 kW โดยสามาถชาร์จรถอีวีคันอื่นได้ในเวลาเดียวกัน พร้อมอุ่นใจในทุกการเดินทางด้วยระบบความปลอดภัยที่ครบครัน มาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM พร้อมระบบ ADAS รวมมากถึง 25 ระบบ ได้รับมาตรฐาน 5 ดาว ทั้ง Euro NCAP และ ANCAP

NEW MG MAXUS 7 นับเป็นรถ e-MPV ไซส์กลาง โดยมีสีตัวถังให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีขาว (Pearl White) สีดำ (Black Knight) มาพร้อมสีภายในดูเรียบหรูด้วยโทนสีดำและสีน้ำตาล ทั้งยังมีสีพิเศษอย่าง สีเขียว (Emerald Green) มาพร้อมสีภายในโทนสีขาว จัดจำหน่ายในราคาที่เน้นให้คนไทยเป็นเจ้าของได้ง่ายมากยิ่งขึ้นเพียง 1,769,000 บาท สีพิเศษทูโทนเทาหลังคาดำ (Grey/Black) เพิ่ม 20,000 บาท มาพร้อมข้อเสนอพิเศษมูลค่ากว่า 120,000 บาท ดังนี้

-ฟรี MG HOME CHARGER จำนวน 1 ชุด มูลค่า 42,057 บาท

-ฟรี ค่าติดตั้ง MG HOME CHARGER มูลค่า 18,692 บาท

-ฟรี อุปกรณ์จ่ายกระแสไฟ V2L (Vehicle to Load) จำนวน 1 ชุด มูลค่า 10,000 บาท

-ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. คุ้มครอง 1 ปี

-พิเศษ! เงื่อนไขการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 200,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

-พิเศษ! ขยายระยะเวลารับประกันคุณภาพรถยนต์ 5 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

-ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉินไม่จำกัดจำนวนครั้ง และไม่จำกัดระยะทาง พร้อมบริการรถ Limousine Service กรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ตลอด 5 ปี ไม่จำกัดจำนวนครั้ง 

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “เอ็มจี ได้เล็งเห็นถึงโอกาสผนวกกับความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้นในยุคปัจจุบัน เราจึงได้เพิ่ม “ตัวเลือกที่ลงตัว” อย่าง NEW MG MAXUS 7 เข้าสู่ตลาดอีวีไทย โดยได้เผยโฉมสู่สาธารณชนครั้งแรกในงานมอเตอร์โชว์ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และมีผู้ให้ความสนใจจองรถรุ่นนี้ล่วงหน้ากว่า 300 คัน

โดยเป้าหมายของรถรุ่นนี้ เอ็มจี ต้องการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าครอบครัวยุคใหม่ได้อย่างครอบคลุม มากที่สุดกับครอบครัวที่มีสมาชิกหลากหลายเจนเนอเรชั่นเพื่อให้สามารถใช้เวลาร่วมกันได้อย่างมีคุณค่า ด้วยราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดย เอ็มจี มีรถเตรียมส่งมอบ 1,500 คันภายในปีนี้ โดยเริ่มทยอย ส่งมอบในปลายเดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป ไม่เพียงเท่านั้น เอ็มจี ยังคงมุ่งมั่นสร้างความแข็งแกร่งให้ระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อรองรับการใช้งานรถอีวี ด้วยสถานี MG SUPER CHARGE STATION ซึ่งปัจจุบัน เปิดให้บริการแล้วกว่า 147 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงขยายศูนย์บริการ 150 แห่งทั่วประเทศให้สามารถรองรับบริการรถยนต์ไฟฟ้าของลูกค้า เอ็มจี เพื่อให้คนไทยอุ่นใจในการใช้รถอีวีได้ในทุกพื้นที่”

ออโต้อัลลายแอนซ์ ฉลองผลิตรถยนต์ครบ 4 ล้านคัน

โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ผู้ผลิตรถยนต์มาสด้าและรถปิกอัพฟอร์ด ร่วมฉลองการผลิตครบ 4 ล้านคัน หลังจากที่ลงทุนอย่างต่อเนื่องมาตลอด 29 ปี ปัจจุบันรวมมูลค่าเงินลงทุนกว่า 80,000 ล้านบาท มีกำลังการผลิตสูงถึง 270,000 คันต่อปี โดยเฉพาะการผลิตรถปิกอัพขนาด 1 ตัน ซึ่งเป็นโปรดักส์แชมเปี้ยน ส่งผลทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์และส่งออกแหล่งสำคัญของโลก สะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย ขณะเดียวกันก็สร้างรายได้และเงินลงทุนมหาศาลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ

ระยอง, ประเทศไทย, 12 มิถุนายน 2567 –  มร.เคนอิจิโร ซารุวาตาริ ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “โรงงานเอเอทีเป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่ครบวงจรและทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2538 จากการร่วมทุนระหว่าง มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และ ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นศูนย์กลางการผลิตรถปิกอัพขนาด 1 ตัน สำหรับจำหน่ายภายในประเทศไทยและส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลก และในปี พ.ศ. 2550  เริ่มมีการผลิตรถยนต์นั่งสำหรับมาสด้า ทั้งนี้มาสด้าและฟอร์ดได้ลงทุนอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ทำให้ปัจจุบันมีมูลค่าการลงทุนร่วมกันของทั้ง 2 บริษัทฯ มีมูลค่าสูงถึง 2,162 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 79,000 ล้านบาท”

ปัจจุบันโรงงานเอเอทีมีกำลังการผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์และรถยนต์นั่งรวมกันทั้งสิ้น 270,000 คันต่อปี โดยผลิตเพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกไปทั่วโลกกว่า 171 ประเทศ โดยมีสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ประมาณ 65% ส่วนรถที่ผลิตในปัจจุบัน ได้แก่ มาสด้า2 มาสด้า3 มาสด้า CX-3 มาสด้า CX-30  ฟอร์ด เรนเจอร์ และเอเวอเรสต์ โดยตลาดหลักที่มียอดส่งออกมากที่สุดคือประเทศออสเตรเลีย

มร.ฮิโรโนริ ทานากะ กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคอาเซียน กล่าวว่า “มาสด้าขอใช้โอกาสในการร่วมเฉลิมฉลองกับความสำเร็จของเอเอทีครั้งนี้ ให้มั่นใจว่าเราจะเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ร่วมกันต่อไป ทั้งนี้เพื่อให้กระบวนการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยครบวงจรมากที่สุด รวมถึงการส่งเสริมให้ธุรกิจของมาสด้าให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งทั้งภายในประเทศและการส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ยังได้ก่อตั้ง บริษัท มาสด้า พาวเวอร์เทรน เมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ MPMT เพื่อทำการผลิตชุดเกียร์อัตโนมัติแห่งแรกขึ้นในประเทศไทยและเป็นครั้งแรกที่สร้างโรงงานผลิตเกียร์อัตโนมัตินอกประเทศญี่ปุ่น โดยมีกำลังการผลิต 400,000 ยูนิตต่อปี และผลิตเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ จำนวน 100,000 เครื่องต่อปี เพื่อส่งออกไปทั่วโลกและป้อนให้กับโรงงานเอเอทีด้วยศักยภาพและความพร้อมของเอเอทีและเอ็มพีเอ็มทีในการควบคุมคุณภาพของการผลิต รวมถึงความพร้อมของผู้ผลิตชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งระบบ

ทั้งนี้ มาสด้ายังคงเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย โดยมาสด้าวางแผนเพิ่มเงินลงทุนในโรงงานทั้งสองแห่งเพิ่มเติมในอนาคต เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยกลายเป็นฐานการผลิตและส่งออกที่สำคัญในภูมิภาคนี้ รวมถึงการเตรียมความพร้อมในการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่และเทคโนโลยีแห่งอนาคต

มาสด้า เสริมทัพผู้บริหาร ดันคนเก่งนำองค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน

มาสด้า ทรานส์ฟอร์มองค์กร เสริมทัพผู้บริหาร ดันคนเก่งเสริมแกร่ง เร่งเครื่องสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน เน้นสร้างประสบการณ์ลูกค้า

กรุงเทพฯ ประเทศไทย, 11 มิถุนายน 2567 – มาสด้าผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ระดับพรีเมียมสัญชาติญี่ปุ่น ประกาศเสริมทัพครั้งสำคัญเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน เพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันทางธุรกิจในปัจจุบันและอนาคต Competitive Advantage ดันผู้นำรุ่นใหม่เสริมความแข็งแกร่งการบริหารงานองค์กรแบบ 360 องศา นำแนวความคิดและเทคนิควิธีการบริหารจัดการสมัยใหม่เชิงสร้างสรรค์ ภายใต้กลยุทธ์ Retention Business Model ให้ความสำคัญด้านการขาย การบริการ การดูแลลูกค้า โดยเฉพาะการสร้างความพึงพอใจสูงสุดกับแฟนมาสด้าในประเทศไทยให้เกิดความประทับใจ ด้วยพันธสัญญาเร่งด่วนคือส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ลูกค้าสัมผัสได้ ยึดมั่นสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ตอกย้ำแบรนด์คือหัวใจสำคัญ การสร้างแบรนด์คือแนวทางสู่การเติบโตที่ยั่งยืน สร้างความมั่นใจและยกระดับประสบการณ์ลูกค้าในทุกมิติ เพื่อรองรับผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่ที่กำลังจะเข้ามาเสริพทัพนับจากปีนี้เป็นต้นไป

มร.ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การปรับโครงสร้างใหม่ครั้งนี้ มีภารกิจหลักร่วมกัน คือการสร้างธุรกิจให้ยั่งยืนภายใต้นโยบาย Retention Business Model ผ่านการสร้างประสบการณ์ลูกค้าให้ดีที่สุด ขับเคลื่อนวัฒนธรรมองค์กรด้วยการทำงานเป็นทีม “One Mazda” รองรับ New Business Landscape ในอนาคต ตลอดจนการ Empowerment ดึงคนรุ่นใหม่เข้าร่วมทีม และดันผู้บริหารรุ่นใหม่ขององค์กรร่วมสร้างวัฒนธรรมการทำงานแบบ AGILE ให้เกิดความคล่องตัว เป็นมืออาชีพ และไร้รอยต่อ จากพนักงานภายในองค์กรสู่ผู้แทนจำหน่ายถ่ายทอดถึงลูกค้า ผ่านคุณค่าหลัก 3 แกน คือ ให้ความสำคัญกับมนุษย์อย่างแท้จริง มีสปิริตของนักสู้ แบบวัฒนธรรมญี่ปุ่น Omotenashi มอบประสบการณ์ความประทับใจด้วยความใส่ใจและเป็นมิตร ตามวิสัยทัศน์การมุ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่จะสร้างความสุขที่มากกว่าแค่ความสุขในการขับรถ สร้างคุณค่าและเติมเต็มชีวิตให้กับผู้คนที่ได้สัมผัสแบรนด์มาสด้าในทุกประสบการณ์และทุกช่วงเวลาของชีวิต

บรรยายภาพ : บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด (จากซ้ายไปขวา) นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานกรรมการบริหาร, นายพิเชษฐ์ ปุณณารักษ์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขาย, มร.ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร, นายวัชระ เจียรบุญ ผู้จัดการทั่วไปแผนกการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์, นายศราวุฒิ บรรยงค์กุล ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายบริการหลังการขาย และมร.ทาเคชิ มิคามิ รองประธานบริหารส่วนวางแผนกลยุทธ์และปฏิบัติการ

การปรับโครงสร้างการบริหารงานองค์กรใหม่ในครั้งนี้ ครอบคลุมการบริหารงานภายในองค์กรครบทุกฟังก์ชัน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2567

-สายงานกำหนดยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจ นำทัพโดย นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส ขยับขึ้นมาดำรงตำแหน่ง รองประธานกรรมการบริหาร หรือ Executive Vice President กำกับดูแลการดำเนินธุรกิจมาสด้าแบบครบวงจร ขับเคลื่อนองค์กรและผลักดันความสำเร็จของ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ให้เป็นแบรนด์ที่สร้างความรักความผูกพันอย่างเหนียวแน่นในใจของลูกค้าตลอดไป

-สายงานวางแผนกลยุทธ์และปฏิบัติการ นำโดย มร.ทาเคชิ มิคามิ รองประธานบริหารส่วนวางแผนกลยุทธ์และปฏิบัติการ ขึ้นดำรงตำแหน่งรองประธานบริหาร CFT Operations หรือ Vice President ผ่านวิสัยทัศน์ที่ให้ความสำคัญกับระบบปฏิบัติงาน การพัฒนาศักยภาพบุคลากร รวมถึงทำงานร่วมกันด้วยความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างวัฒนธรรมญี่ปุ่นผนวกกับความแข็งแกร่งของบุคลากรคนไทย

-สายงานขาย นำโดย นายพิเชษฐ์ ปุณณารักษ์ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขาย หรือ General Manager กำกับดูแลส่วนงานขายทั่วประเทศ ประสานงานกับผู้จำหน่ายแบบไร้รอยต่อ เนื่องจากปัจจุบันรูปแบบการดำเนินธุรกิจรถยนต์เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปและมีทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้น

-สายงานบริการหลังการขาย ดึง นายศราวุฒิ บรรยงค์กุล เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปฝ่ายบริการหลังการขาย หรือ General Manager กำกับดูแลส่วนงานบริการหลังการขายทั่วประเทศ การวางระบบหลังบ้านเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลลูกค้า เพราะการบริการคือหัวใจสำคัญของการสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า

-สายงานการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ นำทีมโดย นายวัชระ เจียรบุญ ดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการทั่วไปแผนกการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ กำกับดูแลส่วนงานวางแผนกลยุทธ์การตลาด การสื่อสารแบรนด์ การวางแผนผลิตภัณฑ์ และสร้างสรรค์ประสบการณ์ลูกค้า รวมถึงติดต่อประสานงานกับภาครัฐ

จากสถานการณ์ในปัจจุบัน ทำให้หลายองค์กรต้องปรับตัวให้เหมาะสมกับภาวะตลาดรถยนต์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เพื่อพัฒนาธุรกิจให้สามารถเดินหน้าและเติบโตมั่นคงได้นั้น การเตรียมพร้อมตั้งแต่กระบวนการในการจัดการบริหารองค์กร และการพัฒนาองค์กรยุคใหม่ให้เหมาะสม จึงเป็นสิ่งสำคัญที่หลาย ๆ องค์กรหันมาใส่ใจกันมากขึ้น การปรับทัพผู้บริหารมาสด้าในจังหวะที่ตลาดรถยนต์มีการแข่งขันที่รุนแรงเป็นที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง ถือเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายมากที่สุดที่มาสด้ากำลังก้าวข้ามไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนในอนาคต โดยเฉพาะการเตรียมพร้อมรองรับเทคโนโลยีใหม่และรถยนต์รุ่นใหม่ที่กำลังจ่อคิวลงตลาดในเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและกระตุ้นตลาดรถยนต์ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งผู้บริหารทั้งหมดจะนำเอาความรู้ความเชี่ยวชาญ ความสามารถอันเต็มเปี่ยม และประสบการณ์การทำงานที่สั่งสมมายาวนานมาบริหารองค์กรเพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จของบริษัทร่วมกัน โดยเฉพาะการส่งมอบผลิตภัณฑ์และการบริการที่เป็นเลิศให้ลูกค้า นำพาให้มาสด้าก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงยั่งยืน

อีซูซุ เปิดตัว ใหม่! MU-X “THE NEXT PEAK” สุดยอดรถอเนกประสงค์

อีซูซุ เปิดตัว ใหม่! MU-X “THE NEXT PEAK” จุดสูงสุดใหม่…กับชีวิตที่เหนือกว่า ส่งสุดยอดรถอเนกประสงค์ สู่ตลาดเมืองไทย

อีซูซุ รุกตลาดรถเอนกประสงค์พีพีวี เดินหน้าเปิดตัวสุดยอดรถอเนกประสงค์ ใหม่! MU-X “THE NEXT PEAK” (มิว-เอ็กซ์ “เดอะ เน็คซ์พีค”) ภายใต้นิยาม “จุดสูงสุดใหม่…กับชีวิตที่เหนือกว่า” ดีไซน์ใหม่ทั้งภายนอกจดภายใน พร้อมสีใหม่! สีเทา ไอเกอร์ โอเพค (Eiger Gray Opaque) เร้าใจด้วยชุดกันชนหน้าใหม่! แบบ Fighter Jet มาพร้อมกล้องรอบคัน 360 องศา (360° Surround View Camera) ภาพคมชัดระดับพรีเมี่ยม เพิ่มความมั่นใจเหนือกว่าด้วยมุมมองใต้ท้องรถ ขับสบายด้วยพวงมาลัยไฟฟ้า และเสริมความปลอดภัยเหนือขั้น ด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS Generation ล่าสุด! พร้อมการอัพเกรดครั้งใหม่เพื่อมอบประสบการณ์ความพีคที่เหนือกว่า ให้ทุกคนใช้ชีวิตไปถึงขีดสุดในทุกด้าน   ด้วยราคาคุ้มค่าเงิน ตั้งแต่ 1,184,000 –  1,771,000 บาท

กลุ่มตรีเพชร โดย มร.ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบันผู้บริโภคเลือกซื้อรถโดยพิจารณาจากอรรถประโยชน์ของรถที่สามารถตอบสนอง ไลฟ์สไตล์และการใช้งานได้อย่างหลากหลาย จึงทำให้รถอเนกประสงค์เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ครบทุกด้าน ตลอดจนความสะดวกสบาย เทคโนโลยีล้ำสมัย รวมถึงพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์ที่มากกว่า อีซูซุจึงขอแนะนำ ใหม่! MU-X “THE NEXT PEAK” โดยมีเป้าหมายให้ MU-X “THE NEXT PEAK” เป็นรถอเนกประสงค์ที่ดีที่สุดในคลาส ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่ที่เหนือกว่าในทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะ ใหม่! MU-X “THE NEXT PEAK” รุ่น RS ที่ออกแบบพลิกโฉม MU-X ให้โดดเด่น มาพร้อมชุดแต่ง RS Design รอบคัน ผ่านเส้นสายที่มีความ Dynamic สปอร์ต หรูหรา กับสีใหม่! สีเทา ไอเกอร์ โอเพค (Eiger Gray Opaque) เร้าใจด้วยชุดกันชนหน้าใหม่! แบบ Fighter Jet และครั้งแรกใน MU-X กับพวงมาลัยไฟฟ้า และ 360° Surround View Camera กล้อง 360 องศา มั่นใจเหนือกว่าด้วยมุมมองใต้ท้องรถ พร้อมอัพเกรดระบบความปลอดภัยที่เหนือไปอีกขั้นกับ ADAS Generation ล่าสุด! ด้วยราคาคุ้มค่าเงิน ตั้งแต่ 1,184,000 – 1,771,000 บาท ไตรมาส 1 ที่ผ่านมาในปีนี้ อีซูซุสามารถสร้างยอดขายที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก เราจึงมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า MU-X “THE NEXT PEAK” รุ่นใหม่นี้ จะตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครบครัน และสามารถครองใจผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี”

งานแนะนำรถอเนกประสงค์ MU-X “THE NEXT PEAK” ได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ โดยการใช้เทคนิคคาไลโดสโคป (Kaleidoscope) และโชว์สุดพิเศษที่มีความโมเดิร์นมาแสดง เพื่อสะท้อนทุกมุมมองผ่านแรงบันดาลใจสู่จุดสูงสุดใหม่ของการออกแบบที่พลิกโฉม MU-X ให้โดดเด่นและเหนือกว่า ให้ทุกคนใช้ชีวิตไปถึงขีดสุดในทุกด้าน พร้อมกับการเปิดตัวรถเอนกประสงค์ใหม่! หลากหลายรุ่น ถึง 8 คัน นำทีมโดย MU-X “THE NEXT PEAK” รุ่น RS จุดสูงสุดใหม่…ของดีไซน์สปอร์ตที่เหนือกว่า สร้างความแตกต่างอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยมีเป้าหมายให้ MU-X “THE NEXT PEAK” เป็นรถอเนกประสงค์ที่ดีที่สุดในคลาส

ใหม่! MU-X “THE NEXT PEAK” จุดสูงสุดใหม่…กับชีวิตที่เหนือกว่า มาพร้อมความพีคที่เหนือกว่า ดังนี้

The PEAK of DESIGN จุดสูงสุดใหม่…ของความโดดเด่น ที่เหนือกว่า

•ใหม่! MU-X “THE NEXT PEAK” รุ่น RS จุดสูงสุดใหม่…ของดีไซน์สปอร์ตที่เหนือกว่า กับการออกแบบครั้งใหม่! ของ THE PEAK OF RS DESIGN ที่พลิกโฉม MU-X ให้โดดเด่น และสปอร์ต ผ่านเส้นสายที่มีความ Dynamic รอบคันมาพร้อมสีสันอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ทําให้ทุกจังหวะพีค…ชัดเจนสูงสุด

ดีไซน์ภายนอก (Exterior)

~ทรงพลังด้วยกระจังหน้าใหม่! Black Diamond Grille พร้อมสะท้อนความพีคด้วยสัญลักษณ์ RS ด้วยวัสดุ Black Chrome

~โฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้าและไฟท้ายใหม่! Dynamic Blade พร้อมผสานดีไซน์สปอร์ตของชุดไฟท้ายด้วยเส้น Embrace Line

~สปอร์ตด้วยล้ออัลลอยใหม่! RS Design ขนาด 20 นิ้ว เพิ่มความสปอร์ตด้วย Fender Garnish สีดำ และ Side Garnish สัญลักษณ์ RS    

~เร้าใจด้วยชุดกันชนหน้าใหม่! แบบ Fighter Jet ดุดันพร้อม Air Curtain เพิ่มประสิทธิภาพอากาศพลศาสตร์

~ดีไซน์ใหม่! เร้าใจอารมณ์สปอร์ต กับสีใหม่ล่าสุด! Eiger Gray Opaque และหลังคาดำ Black Roof พร้อมสัญลักษณ์ RS โดดเด่นเท่สะดุดตาด้วยสี Lime Green

ดีไซน์ภายใน (Interior)

การออกแบบครั้งใหม่! ที่ช่วยยกระดับบรรยากาศภายในห้องโดยสารให้พีคกว่าเดิมด้วยโทนสีดำใหม่! พร้อมตกแต่งด้วย Matte Silver Garnish

~เพอร์เฟกต์ทุกองศา ด้วยเบาะนั่งดีไซน์สปอร์ตใหม่! นั่งสบายโอบรับสรีระ พร้อมโดดเด่น ด้วยการเดินด้ายสี Lime Green และสัญลักษณ์ RS บนหัวเบาะ

~เร้าใจด้วยบรรยากาศภายใน Red Ambient Light

~คอนโซลสีดำดีไซน์ใหม่เหนือระดับทุกรายละเอียด ตกแต่งด้วย Matte Silver

•ใหม่! MU-X “THE NEXT PEAK” รุ่น ULTIMATE จุดสูงสุดใหม่… ของความพรีเมี่ยม กับการออกแบบครั้งใหม่! ของ THE PEAK OF ULTIMATE DESIGN ที่พลิกโฉม MU-X ให้โดดเด่น และพรีเมี่ยม ผ่านเส้นสายภายนอกที่มีความ Dynamic สู่ภายในที่ หรูล้ำหน้า กับเทคโนโลยีใหม่ ทําให้ทุกจังหวะความสำเร็จ…พีคได้สูงสุด

ดีไซน์ภายนอก (Exterior)

~กระจังหน้าดีไซน์ใหม่! Dynamic Grille หรูหราด้วยวัสดุสีดำ Titanium Carbide

~โฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้าและไฟท้ายใหม่! Dynamic Blade พร้อมผสานดีไซน์สปอร์ตของชุดไฟท้ายด้วยเส้น Embrace Line

~ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ Dynamic Turbine ขนาด 20 นิ้ว สี Magnetite II พร้อม    ดีเทลก้านแม็กแบบ 3D

ดีไซน์ภายใน (Interior)

การออกแบบครั้งใหม่! ที่ยกระดับความหรูหรา ภายในห้องโดยสาร ด้วยโทนสี Truffle Brown – Black ให้ความรู้สึกอบอุ่น High Class

~เบาะ 7 ที่นั่ง ดีไซน์ใหม่! สี Truffle Brown ที่นั่งสบายเหนือกว่า โอบรับสรีระ ด้วยวัสดุ Cool Max ช่วยลดการสะสมความร้อน 

~คอนโซลดีไซน์ใหม่! สี Truffle Brown-Black พรีเมี่ยมด้วยวัสดุ Piano Black – Satin Silver

~บรรยากาศภายในหรูหราด้วย White Ambient Light

The PEAK of LIFESTYLE จุดสูงสุดใหม่…ของความสบาย ที่เหนือกว่า

การอัพเกรดครั้งใหม่! ที่ทำให้ทุกคนใช้ชีวิตไปถึงขีดสุดในทุกด้าน ด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้าที่เหนือไปอีกขั้น พร้อมพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์ ที่ปรับให้เข้าได้กับทุกไลฟ์สไตล์ ทําให้ทุกจังหวะพีค…ตอบทุกความต้องการสูงสุด

•ใหม่! กล้อง 360 องศา (360° Surround View Camera) มั่นใจเหนือกว่าด้วยมุมมองใต้ท้องรถ ใน ใหม่! MU-X “THE NEXT PEAK” รุ่น RS

•ใหม่! พวงมาลัยไฟฟ้า (Electric Power Steering) ขับสบายเหนือกว่าคล่องตัวทั้งในเมือง และนอกเมือง ในรุ่น RS และ Ultimate

•ใหม่! Infotainment Display ขนาด 9 นิ้ว แบบสัมผัส รองรับ Wireless Android Auto & Wireless Apple CarPlay พร้อม Multitasking System เชื่อมต่อข้อมูลกับ Integrated MID แสดงผลได้หลากหลายฟังก์ชัน เช่น ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ระบบแสดงองศามุมปีนไต่ ลาดเอียง และทิศทางการเลี้ยวของล้อ ในรุ่น RS และ Ultimate

•Smart Tailgate with Step Sensor ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าและหยุดเมื่อมีสิ่งกีดขวางด้วยระบบ Jam Protection

•ที่นั่งโดยสาร 7 ที่นั่ง เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า ฝั่งคนขับปรับได้ 8 ทิศทาง และเบาะนั่งตอน 2 และตอน 3 ปรับเอนได้พร้อมพับได้ราบสนิท เพิ่มพื้นที่เก็บของ เข้าออกที่นั่งตอน 3 แบบ One Touch

•ดีไซน์ใหม่! เร้าใจอารมณ์สปอร์ต กับสีใหม่ล่าสุด! Eiger Gray Opaque และหลังคาดำ Black Roof พร้อมสัญลักษณ์ RS โดดเด่นเท่สะดุดตาด้วย สี Lime Green ในรุ่น RS

The PEAK of CONFIDENCE จุดสูงสุดใหม่…ของระบบความปลอดภัย ที่เหนือกว่า

ระบบความปลอดภัยที่เหนือไปอีกขั้น ด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่ ADAS Generation ล่าสุด! กล้องหน้าคู่ พร้อมเรดาร์ 2 จุด และ เซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคัน มั่นใจด้วยเทคโนโลยีเพื่อระบบความปลอดภัย Active & Passive Safety ทำให้ทุกจังหวะพีค…มั่นใจสูงสุด ใน ใหม่! MU-X “THE NEXT PEAK” รุ่น RS และ ใหม่! MU-X “THE NEXT PEAK” รุ่น Ultimate

ADAS Generation ล่าสุด! เพิ่มเติมใหม่ 5 ระบบ กล้องหน้าคู่ พร้อมเรดาร์ 2 จุด และ เซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคัน

-ใหม่! ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKAS (Lane Keep Assist System)

-ใหม่! ระบบช่วยควบคุมทิศทางของรถตามรถคันหน้า TJA (Traffic Jam Assist)

-ใหม่! ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ELK (Emergency Lane Keeping)

-ใหม่! ระบบช่วยควบคุมรถไม่ให้ออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention) พร้อม ระแบบแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)

-ใหม่! ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Brake) พร้อม ระบบช่วยเตือนขณะถอย RCTA (Rear Cross Traffic Alert)

-ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชัน Stop and GO ACC (Full Speed Range Adaptive Cruise Control)

-ระบบช่วยแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า FCW (Forward Collision Warning) พร้อมระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)

-ระบบช่วยแจ้งเตือนจุดอับสายตา BSM (Blind Spot Monitoring)

-ระบบเซ็นเซอร์ช่วยจอดรถยนต์ Parking Aid System

-ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อมีรถสวนทางขณะเลี้ยวขวา TA-AEB (Turn Assist with Autonomous Emergency Braking)

-ระบบช่วยควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ AHB (Automatic High Beam)

-ระบบช่วยตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด PMM (Pedal Misapplication Mitigation)

-ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุ MCB (Multi-Collision Brake)

-ระบบช่วยตั้งค่าจำกัดความเร็วสูงสุดด้วยตัวเอง MSL (Manual Speed Limiter)

•เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย Active & Passive Safety

-ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก ABS (Anti-Lock Brake System) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-Force Distribution) ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist) และระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก BOS (Brake Override System)

-ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีขณะออกตัว TCS (Traction Control System)

-ระบบควบคุมการทรงตัว ESC (Electronic Stability Control)

-ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA (Hill Start Assist)

-ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control)

-ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย TSC (Trailer Sway Control)

-โครงสร้างห้องโดยสาร Ultra-High Tensile แกร่ง และทนทาน

The PEAK of PERFORMANCE จุดสูงสุดใหม่…ของสมรรถนะ ที่เหนือกว่า

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่! ที่ไม่หยุดพัฒนาขีดสุดสมรรถนะ พร้อมท้าทายทุกอุปสรรค ด้วยขุมพลังเหนือชั้น ทําให้ทุกจังหวะพีค…ลุยได้สูงสุด

Professional 4WD

~ระบบ Terrain Command ลุยได้ทุกสภาพถนนด้วยระบบขับเคลื่อนที่สามารถเลือกได้ทั้งแบบ 2 ล้อ และ 4 ล้อ ทนทาน และประหยัดน้ำมันกว่า

~ระบบ Rough Terrain Mode ช่วยควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์และเบรกให้เหมาะสม เพื่อสามารถผ่านอุปสรรคได้ดีขึ้น ใช้ได้ทั้งในโหมดขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ

•ทรงตัวเยี่ยม นุ่มนวลนั่งสบาย ด้วย ช่วงล่างหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น Double Wishbone และช่วงล่างหลังแบบ 5-Link Suspension เอกสิทธิ์เฉพาะ MU-X

•ตำแหน่งเครื่องยนต์เยื้องหลังเพลาหน้าแบบ Semi-Midship กระจายน้ำหนัก เกาะถนน ทรงตัวดียิ่งขึ้น

•คล่องตัวทุกการขับขี่ ด้วยรัศมีวงเลี้ยวเพียง 5.6 เมตร

ใหม่! MU-X “THE NEXT PEAK” มาพร้อมทางเลือกที่หลากหลายถึง 4 รุ่น ได้แก่ RS, Ultimate, Elegant และ Active มีให้เลือกถึง 6 สี ได้แก่ สีเทา ไอเกอร์ โอเพค (Eiger Gray Opaque), ขาวมุกโดโลไมท์ (Dolomite White Pearl), แดง เอทนา ไมก้า (Etna Mica), ดำ บาวาเรียน ไมก้า (Bavarian Black Mica), เงินไอซ์เบิร์ก ไมก้า (Iceberg Silver Mica) และ เงินโบฮีเมียน เมทัลลิก (Bohemian Silver Metallic) แตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น ด้วยราคาคุ้มค่าเงิน ตั้งแต่ 1,184,000 – 1,771,000 บาท

สัมผัสความพีคของรถอเนกประสงค์ ใหม่! MU-X “THE NEXT PEAK” ได้ที่โชว์รูมอีซูซุทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน 2567 หรือติดตามข่าวสารของอีซูซุเพิ่มเติมได้ที่ www.isuzu-tis.com หรือ LINE: @isuzuthai

มิตซูบิชิ จัดการแข่งขันทักษะรถยนต์มิตซูบิชิ ครั้งที่ 23 ยกระดับบริการต่อเนื่อง

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จัดการแข่งขันทักษะรถยนต์มิตซูบิชิ ครั้งที่ 23 ยกระดับบริการทุกด้านอย่างต่อเนื่อง เน้นสร้างความประทับใจสูงสุดให้กับลูกค้า

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จัดการแข่งขันทักษะรถยนต์ประจำปี ครั้งที่ 23 มุ่งเฟ้นหาสุดยอดบุคลากรใน 7 สายงานบริการ จากผู้จำหน่ายทั่วประเทศ ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการรับฟังเสียงของลูกค้า เพื่อนำมาพัฒนาและยกระดับความเป็นเลิศด้านบริการและกระตุ้นยอดขาย สะท้อนถึงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในการพัฒนาคุณภาพการขายและบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง มุ่งสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า เพื่อมอบประสบการณ์อันน่าประทับใจที่สุดให้แก่ลูกค้า ในทุกๆ ครั้งที่ลูกค้าเข้ามารับบริการ

นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและบริการหลังการขาย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การแข่งขันทักษะรถยนต์ มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาความรู้ ทักษะ และความสามารถของ ที่ปรึกษาการขาย ที่ปรึกษางานบริการ เจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่อะไหล่ ช่างเทคนิคเช็กระยะ ช่างเทคนิควิเคราะห์ปัญหา และที่ปรึกษางานบริการศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง ซึ่งเป็นพนักงานของผู้จำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิทุกสาขาทั่วประเทศ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมติวเข้มจากสถาบันการศึกษาและฝึกอบรม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย (Mitsubishi Motors Education Academy) โดยเรายังคงให้ความสำคัญกับการดำเนินงานที่ได้มาตรฐาน ขณะเดียวกันก็นำแนวคิด ‘รับฟังเสียงจากลูกค้า’ ด้วยความใส่ใจ มาใช้พัฒนาศักยภาพของพนักงานของผู้จำหน่าย เนื่องจากในท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาจะเป็นผู้สร้างความประทับใจสูงสุดให้กับลูกค้าในทุกๆ ครั้งที่ลูกค้าเข้ามารับบริการ ทุกขั้นตอนของการขาย และหลังการขาย”

การแข่งขันทักษะรถยนต์มิตซูบิชิ ประจำปีงบประมาณ 2566 ครอบคลุมบริการทุกประเภทใน 7 สายงาน โดยเริ่มจาก เมื่อลูกค้าแสดงความสนใจซื้อรถ พนักงานที่ปรึกษาการขาย (SC) จะเป็นผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ สอบถามความต้องการ และให้คำปรึกษาการใช้งานด้านต่าง ๆ แก่ลูกค้า รวมถึงเชิญชวนให้ลูกค้าทดลองขับรถ หลังจากนั้นเมื่อถึงกำหนดนำรถเข้ารับบริการเช็กระยะ เจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์ (CRO) จะทำการโทรนัดหมายกับลูกค้า จากนั้น ที่ปรึกษางานบริการ (SA) จะเป็นผู้มาต้อนรับ พร้อมกับรับฟังความต้องการของลูกค้าและให้คำแนะนำ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้องเหมาะสม ตรงตามความต้องการของลูกค้า

จากนั้น เมื่อต้องตรวจเช็คตัวรถ จะมีการประสานงานกับช่างเทคนิคเช็กระยะ (PM Technician) หรือช่างเทคนิควิเคราะห์ปัญหา (Diagnostic Technician) ในศูนย์บริการ รวมถึงเจ้าหน้าที่อะไหล่ (Parts Officer) เพื่อจัดเตรียมอะไหล่ให้พร้อมสำหรับการซ่อมบำรุงรถยนต์ให้ได้คุณภาพภายในเวลาที่เหมาะสมตามที่ได้ตกลงไว้กับลูกค้า กรณีที่ตัวรถได้รับความเสียหายจากการเฉี่ยวชน จะมีที่ปรึกษางานบริการศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง (SA-BP) ช่วยวิเคราะห์และให้คำแนะนำได้อย่างถูกต้องตามมาตรฐาน และสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในคุณภาพการซ่อมสี และตัวถังอย่างดีที่สุด

ก่อนหน้านี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้จัดการแข่งขันรอบคัดเลือกรวมทั้งหมด 3 รอบ โดยในรอบแรกได้เฟ้นหาเจ้าหน้าที่ทั้ง 7 สายงาน จากผู้จำหน่ายทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 3,051 คน เข้าสู่การทดสอบเพื่อผ่านเข้าสู่รอบสอง 325 คน ตามด้วยการคัดเลือกเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ เพียง 65 คน ซึ่งผู้เข้าแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ ณ สถาบันการศึกษาและฝึกอบรมของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ถือว่าเป็นบุคลากรที่มีความสามารถสูงสุด ที่มาเข้าแข่งขันภายใต้สถานการณ์จำลองที่กำหนดขึ้น โดยมุ่งสร้างความประทับใจสูงสุดให้กับลูกค้า ด้วยการรับฟังความคิดเห็นของลูกค้า วิเคราะห์ปัญหา ช่วยคิดหาแนวทางแก้ไข และให้บริการด้วยความใส่ใจ ในทุกขั้นตอนของการขาย และหลังการขาย

 ผู้ชนะเลิศ รางวัลที่ปรึกษาการขาย นายศราวุฒิ รินทร จากบริษัท มิตซูรุ่งเจริญ จำกัด (สำนักงานใหญ่) ให้ความเห็นว่า “ความมุ่งมั่น ความตั้งใจ และความพยายามอย่างไม่ย่อท้อ นำมาสู่ความภาคภูมิใจในรางวัลแห่งชัยชนะครั้งนี้ แม้ว่าตัวผมจะมีอายุงานเพียง 1 ปีเศษ แต่ผมเชื่อมั่นในแบรนด์รถยนต์มิตซูบิชิ และค้นหาข้อมูลเพื่อนำเสนอลูกค้าอย่างใส่ใจ รวมไปถึงสะสมความรู้เกี่ยวกับข้อมูลตัวสินค้า และให้คำแนะนำลูกค้าโดยคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่น และเป็นปัจจัยความสำเร็จที่ทำให้ผมได้รับชัยชนะในวันนี้ ผมขอขอบคุณ บริษัท มิตซูรุ่งเจริญ และมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ที่ให้โอกาสในการพัฒนาความรู้ ทักษะความสามารถ และศักยภาพของผู้เข้าแข่งขันทุกคนให้บรรลุเป้าหมายในสายอาชีพ อีกทั้งเป็นการปลดล็อคความกล้าในตัวเองไปอีกขั้นครับ”

ทางด้าน นางสาวภคพร จำปา ที่ปรึกษางานบริการ บริษัท มิตซูออโต้ ซิตี้ จำกัด ผู้ชนะเลิศ รางวัลที่ปรึกษางานบริการ  บอกเล่าถึงความรู้สึกในการเข้าแข่งขันครั้งนี้ว่า “ดิฉันรู้สึกดีใจและตื่นเต้นมาก ๆ เพราะเป็นครั้งแรกที่เข้าร่วมการแข่งขัน โดยก่อนที่จะมาแข่งขันได้ทำการฝึกซ้อมทุกวัน การเข้าร่วมแข่งขันในครั้งนี้ทำให้ได้รับความรู้และประสบการณ์ที่สามารถนำกลับไปพัฒนางานได้ เช่น ทำให้เรามีความละเอียดขึ้นในการตรวจรถและสังเกตอาการของรถเบื้องต้น อาทิ รอยรั่วซึม  เราสามารถอธิบายให้ลูกค้าฟังได้ว่าถ้าไม่ได้รับการแก้ไขจะมีผลตามมาอย่างไร ทำให้ได้รับความเชื่อถือไว้วางใจจากลูกค้ามากขึ้นในฐานะมืออาชีพที่รู้จริง ซึ่งดิฉันมีเคล็ดลับในการทำงานคือ ต้อนรับลูกค้าเป็นอย่างดี ทำให้ลูกค้าให้มีความสุข และมีความประทับใจกลับไป รวมถึงการรับฟังเสียงของลูกค้า สังเกตสีหน้าของลูกค้าว่ารู้สึกอย่างไร และพยายามตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด เช่น ปัญหาที่ลูกค้าแจ้งมาทุกข้อ ต้องได้รับการแก้ไขอย่างครบถ้วน”

 ขณะเดียวกัน ผู้ชนะเลิศ รางวัลช่างเทคนิควิเคราะห์ปัญหา นายตะวัน ใหม่คามิ จากบริษัท มิตซูนานามหาสารคาม จำกัด (สำนักงานใหญ่) กล่าวถึงประสบการณ์ที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันทักษะรถยนต์มิตซูบิชิ ครั้งที่ 23 ว่า “ผมได้รับความประทับใจในหลายๆ ด้านจากการแข่งขันในครั้งนี้ ผมได้ฝึกซ้อมและนำเอาความรู้จากการฝึกอบรมที่อาจารย์สอน นำมาปฏิบัติจนได้รับรางวัลในวันนี้ โดยในการปฏิบัติงาน ถ้าลูกค้าแจ้งปัญหาเข้ามา เราจะทำการยืนยัน-สอบถามปัญหาตามขั้นตอนที่ได้ฝึกมา จากนั้นนำมาวางแผนและวิเคราะห์ปัญหาเพื่อจะได้ซ่อมบำรุงได้อย่างถูกขั้นตอน ผมทำงานกับมิตซู นานา มากว่า 13 ปีแล้ว รู้สึกภาคภูมิใจกับรางวัลที่ได้รับในวันนี้มาก และจะนำความรู้ที่ได้ในวันนี้ไปสานต่อ แนะนำน้องๆ ให้ตั้งใจพัฒนา และผมจะเป็นกำลังใจให้น้องรุ่นต่อๆ ไป”

นอกจากการแข่งขันภายในประเทศ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ณ ประเทศญี่ปุ่น ยังจัดการแข่งขันทักษะการบริการระดับโลก “Global Service Skills Contest 2024” เพื่อเฟ้นหาสุดยอดที่ปรึกษางานบริการและช่างเทคนิค โดยล่าสุด ตัวแทนจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย นายจิรศักดิ์ ศิริพงษ์ จาก บริษัท คำวาลุย ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง ในการแข่งขันประเภทช่างเทคนิควิเคราะห์ปัญหา และนายวรเชษฐ์ สาโรจน์ จากบริษัท มิตซูออโต้ ซิตี้ จำกัด ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง ในการแข่งขันประเภทที่ปรึกษางานบริการ โดยก่อนหน้านี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ประสบความสำเร็จจากการส่งตัวแทนจากประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขัน โดยทำผลงานสูงสุดด้วยการคว้ารางวัลชนะเลิศที่ปรึกษางานบริการมาได้ในปี 2559 และรางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่งช่างเทคนิควิเคราะห์ปัญหาในปี 2562 อีกด้วย

บรรยายภาพ : บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย มร. เรียวอิจิ อินาบะ (กลาง) กรรมการผู้จัดการใหญ่ และ นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ (ที่ 4 จากซ้าย) กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและบริการหลังการขาย ร่วมฉลองความสำเร็จให้แก่ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ การแข่งขันทักษะรถยนต์ประจำปี ครั้งที่ 23 ทั้ง 7 สายงาน ณ สถาบันการศึกษาและฝึกอบรม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย

ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ การแข่งขันทักษะรถยนต์ประจำปี ครั้งที่ 23 ทั้ง 7 สายงาน ได้แก่ (จากซ้ายไปขวา)

-นางสาวสุรีพร หงส์คำ บริษัท มิตซูชลบุรี จำกัด (สาขาห้วยกะปิ) ผู้ชนะเลิศรางวัล ที่ปรึกษางานบริการศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง

-นายศุภชัย แดนโคกสูง บริษัท คำวาลุย ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด (สำนักงานใหญ่) ผู้ชนะเลิศรางวัล ช่างเทคนิคเช็กระยะ

-นายตะวัน ใหม่คามิ บริษัท มิตซูนานามหาสารคาม จำกัด (สำนักงานใหญ่) ผู้ชนะเลิศรางวัล ช่างเทคนิควิเคราะห์ปัญหา

-นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและบริการหลังการขาย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด

-มร. เรียวอิจิ อินาบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด

-นายศราวุฒิ รินทร บริษัท มิตซูรุ่งเจริญ จำกัด (สำนักงานใหญ่) ผู้ชนะเลิศรางวัล ที่ปรึกษาการขาย

-นางสาวภคพร จำปา บริษัท มิตซูออโต้ ซิตี้ จำกัด ผู้ชนะเลิศรางวัล ที่ปรึกษางานบริการ

-นางสาวเนตรนภิส หลิมรักษ์ บริษัท อาร์.เอ็ม.เอ.เทรดดิ้ง จำกัด (มิตซู อาร์เอ็มเอ ลุมพินี) ผู้ชนะเลิศรางวัล เจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์

-นายเชวง ดังสท้าน บริษัท มิตซู ออโต้เฮ้าส์ จำกัด ผู้ชนะเลิศรางวัล เจ้าหน้าที่อะไหล่

บรรยากาศการแข่งขันทักษะรถยนต์มิตซูบิชิ ประจำปีงบประมาณ 2566

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save