- Advertisement -
27.9 C
Bangkok
Home Blog Page 45

มาสด้า สร้างเซอร์ไพรส์ไม่หยุดให้ส่วนลดสูงสุด 200,000 ดอกเบี้ย 0%

มาสด้าเปิดเกมรุกตลาดหนักช่วงกลางปี จัดโปรแรงแห่งปีเอาใจคนอยากเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้า จัดงาน “Mazda Big Surprise รับข้อเสนอใหญ่ เซอร์ไพรส์ไม่หยุด” ยกทัพยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ตภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟให้ลูกค้าเลือกชอปได้ตามใจชอบ พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษและของที่ระลึกอีกเพียบ ในกิจกรรม มาสด้า เอ็กซ์โป จัดระหว่างวันที่ 23 สิงหาคม ถึงวันที่ 1 กันยายน 2567 ที่เมกา บางนา

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การจัดงาน มาสด้า เอ็กซ์โป เป็นกิจกรรมที่มาสด้าเนรมิตขึ้นเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกค้าที่พักอาศัยอยู่ตามเขตพื้นที่ต่างๆ สามารถแวะมาชมและสัมผัสรถยนต์มาสด้าหลากหลายรุ่นที่นำมาจัดแสดง พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษและเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้าได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมาเดินชอปปิงหรือทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัวตามห้างสรรพสินค้า ซึ่งการจัดอีเว้นท์ในครั้งนี้เพิ่มความพิเศษมากยิ่งขึ้น เมื่อมาสด้าได้นำรถยนต์ที่กำลังได้รับความนิยมมากที่สุดอยู่ในขณะนี้มาจัดแสดงถึง 4 รุ่น รวมถึงรถยนต์ Mazda6 20th Anniversary Edition ที่ผลิตขึ้นเป็นพิเศษเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี มาให้ลูกค้าได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด พร้อมแคมเปญ Mazda Big Surprise ให้กับผู้ที่กำลังจะออกรถมาสด้าทุกรุ่นภายในงานฯ ซึ่งเป็นข้อเสนอสุดคุ้มที่ไม่เคยจัดขึ้นที่ไหนมาก่อน เพื่อให้ลูกค้าสามารถครอบครองรถยนต์มาสด้าที่ดีที่สุดได้ในราคาคุ้มค่ามากที่สุด

ทั้งนี้ บรรยากาศกิจกรรมที่บูธมาสด้าเต็มไปด้วยความคึกคัก ตลอดทั้งวันมีลูกค้าแวะเวียนเข้าชมยนตรกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ Mazda CX-5 มาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษกับส่วนลดสูงสุด 200,000 บาท1 หรือ ดอกเบี้ย 0%1 ผ่อนนาน 60 เดือน1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง1 ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี1 หรือ ดอกเบี้ย 0%1 ฟรีกันภัยชั้นหนึ่ง1 ผ่อนนาน 72 เดือน1 สำหรับเจ้าของรถยนต์มาสด้าและครอบครัวรับฟรีบัตรน้ำมันมูลค่าสูงสุด 30,000 บาท1 ในขณะที่รถยนต์นั่ง Mazda2 รับส่วนลดสูงสุด 108,000 บาท1 หรือ ดอกเบี้ย 0%1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง1 ฟรีแพ็กเกจบำรุงรักษาตามระยะ Mazda Care 5 ปี1 และรับเพิ่มฟรีบัตรน้ำมันมูลค่า 10,000 บาท1 สำหรับเจ้าของรถยนต์มาสด้าและครอบครัว และ Mazda CX-30 Carbon Edition มาพร้อมส่วนลดสูงสุด 120,000 บาท1 หรือ ดอกเบี้ย 0.49%1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง1 ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี1 หรือ ดอกเบี้ย 0%1 ผ่อนนาน 48 เดือน1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง1 และบัตรน้ำมันมูลค่า 30,000 บาท สำหรับลูกค้ามาสด้าและครอบครัว

สำหรับลูกค้าที่จองซื้อรถยนต์มาสด้าภายในงาน รับทันที หูฟังไร้สาย JBL UNDER ARMOUR STREAK มูลค่า 2,990 บาท2 หรือ เมื่อจอง Mazda6 20th Anniversary Edition รับส่วนลดเพิ่มเติมอีก และรับฟรีลำโพงบลูทูธ BOSE SOUNDLINK COLOR II มูลค่า 5,900 บาท3 พิเศษยิ่งขึ้นสำหรับเจ้าของรถมาสด้าและครอบครัว เมื่อออกรถใหม่ รับฟรีบัตรน้ำมันมูลค่าสูงสุด 30,000 บาท4 โดยงานนี้จัดขึ้นที่ศูนย์การค้า เมกา บางนา ตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค. 67 ถึงวันที่ 1 ก.ย. 67 กิจกรรมในวันแรกมีลูกค้าให้ความสนใจอย่างคับคั่ง ทั้งนี้ มาสด้าเชิญชวนลูกค้าและผู้ที่สนใจห้ามพลาดงานนี้ด้วยประการทั้งปวง

นายวัชระ เจียรบุญ ผู้จัดการทั่วไป มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย นำทีมจัดงานเพื่อความสุขของลูกค้า

เซอร์ไพรส์ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เมื่อมาสด้าเตรียมจัดกิจกรรมสุดพิเศษนี้สำหรับลูกค้าในย่านฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ ก็สามารถแวะมาชมรถและออกรถใหม่พร้อมรับโปรโมชั่นดีๆ แบบนี้ ได้เช่นกัน เนื่องจากมาสด้าเตรียมจัดงาน มาสด้า เอ็กซ์โป ขึ้นอีกครั้งที่ศูนย์การค้า แฟชั่นไอส์แลนด์ ในระหว่างวันที่ 27 ก.ย. 67 – 6 ต.ค. 67 หรือสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.mazda.co.th

โปรโมชั่นสุดพิเศษสำหรับลูกค้ามาสด้า

-New Mazda2 (เฉพาะรุ่น S และ SP) รับส่วนลดสูงสุด 108,000 บาท1 หรือ ดอกเบี้ย 0%1 ฟรี Mazda Care แพ็กเกจฟรีค่าบำรุงรักษาตามระยะ 5 ปี1 พร้อมประกันภัยชั้นหนึ่ง รวมมูลค่าสูงสุด 66,438 บาท1 พิเศษสุดเจ้าของรถมาสด้าและครอบครัวรับเพิ่มบัตรน้ำมันมูลค่า 10,000 บาท1

-New Mazda3 (ทุกรุ่นย่อย) รับส่วนลดสูงสุด 120,000 บาท1 หรือ ดอกเบี้ย 0%1 ผ่อนนาน 48 เดือน1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง1 พิเศษสุดเจ้าของรถมาสด้าและครอบครัวรับเพิ่มบัตรน้ำมันมูลค่า 10,000 บาท1

-Mazda CX-30 ที่สุดแห่งยนตรกรรมครอสโอเวอร์เอสยูวี รับส่วนลดสูงสุด 120,000 บาท1 หรือ ดอกเบี้ย 0%1 ผ่อนนาน 48 เดือน1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง1 พิเศษสุดเจ้าของรถมาสด้าและครอบครัวรับเพิ่มบัตรน้ำมันมูลค่า 30,000 บาท1

-Mazda CX-3 (ทุกรุ่นย่อย) ครอสโอเวอร์เอสยูวีรุ่นเริ่มต้น รับส่วนลดสูงสุด 90,000 บาท1 ส่วนรุ่น Base Plus และรุ่น Comfort รับส่วนลดสูงสุด 116,000 บาท1 หรือ ดอกเบี้ย 0%1 ผ่อนนาน 84 เดือน1 พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง1 พิเศษสุดเจ้าของรถมาสด้าและครอบครัวรับเพิ่มบัตรน้ำมันมูลค่า 10,000 บาท

-Mazda CX-8 ยนตรกรรมครอสโอเวอร์อเนกประสงค์ระดับพรีเมี่ยม รับส่วนลดสูงสุด 120,000 บาท1 หรือดอกเบี้ย 1.19%1 ฟรี Mazda Ultimate Service (MUS)1 ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี รวมมูลค่าสูงสุด 100,861 บาท1 พิเศษสุดเจ้าของรถมาสด้าและครอบครัวรับเพิ่มบัตรน้ำมันมูลค่า 30,000 บาท1

-รถปิกอัพ Mazda BT-50 ดอกเบี้ย 0%1 ผ่อนนาน 48 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง1 พิเศษสุดเจ้าของรถมาสด้าและครอบครัวรับฟรีบัตรน้ำมันมูลค่า 30,000 บาท1

-New Mazda MX-5 ดอกเบี้ย 2.49%1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี1 ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service1 ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี ฟรีค่าบำรุงรักษาตามระยะ 5 ปี และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี

-Mazda6 20th Anniversary Edition รถสปอร์ตซีดานระดับไฮเอนด์ ที่เปิดให้ลูกค้าจองแล้ววันนี้ในจำนวนจำกัดเพียง 100 คัน ในประเทศไทย รับส่วนลดสูงสุด 200,000 บาท1 พร้อมข้อเสนอพิเศษ ดอกเบี้ย 1.99%1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง1 ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 7 ปี Mazda Ultimate Service (MUS)1 ขยายการรับประกันคุณภาพนานสูงสุด 7 ปี1 ฟรีค่าบำรุงรักษาตามระยะ 7 ปี ฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 7 ปี รวมมูลค่าสูงสุด 131,312 บาท โดยเฉพาะครอบครัวมาสด้ารับส่วนลดเพิ่มเมื่อลงทะเบียน

หมายเหตุ :

1 เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและเงื่อนไขสุดพิเศษนี้ได้จากที่ปรึกษาการขาย

2 เมื่อจองรถ Mazda2, Mazda3, Mazda CX-3, Mazda CX-30, Mazda CX-5, Mazda CX-8 และ Mazda BT-50 ภายในงาน 3,000 บาท และออกรถภายในวันที่ 30 ก.ย. 67 รับฟรี หูฟังไร้สาย JBL UNDER ARMOUR STREAK มูลค่า 2,990 บาท (จำกัด 1,000 ชิ้น)

3 เมื่อจองรถ Mazda6 20th Anniversary Edition ภายในงาน 10,000 บาท รับฟรี ลำโพงบลูทูธ BOSE SOUNDLINK COLOR ll (คละสี) มูลค่า 5,900 บาท (จำกัดจำนวน 20 ชิ้น)

4 เฉพาะรุ่น Mazda2, Mazda3, CX-3, CX-30, CX-5, CX-8 และ BT-50

ซูซูกิ ขยายศูนย์ซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานทั่วไทย

ซูซูกิ ขยายศูนย์ซ่อมตัวถังและสีมาตรฐาน 32 แห่ง ทั่วไทย มุ่งสร้างความมั่นใจในคุณภาพ รับประกันงานซ่อม 1 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

19 สิงหาคม 2567-กรุงเทพมหานคร- นายทาดาโอะมิ ซูซูกิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ยังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจในประเทศไทยต่อไปอย่างมั่นคง จึงเตรียมแผนการดำเนินธุรกิจให้พร้อมรองรับต่อการแข่งขันในอนาคต ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้วิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจ “Enhancing the Ability to Compete in the Upcoming Automotive Market เพิ่มขีดความสามารถสู่การแข่งขันในอนาคต” ที่ได้ทำการประกาศแก่ผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิไปในช่วงต้นปีที่ผ่านมา

นอกจากแผนการแนะนำผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป ซูซูกิยังได้ประกาศแผนการดำเนินธุรกิจรูปแบบใหม่ ผ่านแคมเปญ “SUZUKI WORRY FREE” ซึ่งจะเป็นการยกระดับงานบริการในทุกด้าน โดยเน้นย้ำถึงการดูแลลูกค้าด้วยความจริงใจ ตอบแทนความไว้วางใจที่ลูกค้ามอบให้เสมอมา ซึ่งมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า จะสามารถรองรับการดูแลลูกค้าด้วยคุณภาพและมาตรฐานของซูซูกิได้อย่างแท้จริง โดยหนึ่งในแผนงานสำคัญที่ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้แคมเปญ “SUZUKI WORRY FREE” คือ การร่วมมือกับทางผู้จำหน่ายสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ด้วยการขยายงานบริการศูนย์ซ่อมตัวถังและสีมาตรฐาน เพื่อรองรับงานบริการได้อย่างครบครัน โดยจะมุ่งเน้นมอบงานบริการที่ดีที่สุด เพราะเราเชื่อมั่นว่าลูกค้าซูซูกิ คือ คนสำคัญ  และเพื่อให้ซูซูกิสามารถดำรงอยู่ได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในประเทศไทย การปรับปรุงแผนและพัฒนาการดำเนินงานเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ แคมเปญ “SUZUKI WORRY FREE” จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราเชื่อมั่นว่าจะสามารถรองรับการดูแลลูกค้าด้วยคุณภาพและมาตรฐานของซูซูกิได้อย่างแท้จริง

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในฐานะที่เข้ามารับผิดชอบดูแลงานด้านการวางแผนบริหารงานฝ่ายบริการและอะไหล่ สิ่งที่ยึดมั่น คือ การดำเนินงานภายใต้ปรัชญา “SUZUKI Cause We Care – เหนือกว่าความใส่ใจ คือความเข้าใจทุกความต้องการ” ซึ่งในการขยายงานบริการศูนย์ซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานซูซูกินั้น จะเป็นยกระดับคุณภาพในทุกงานให้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ผ่าน 5 จุดแข็งอันสำคัญที่ทุกศูนย์บริการที่ผ่านมาตรฐานต้องมี ดังนี้

อะไหล่แท้ซูซูกิ : เชื่อมั่นในคุณภาพของอะไหล่แท้ที่ได้รับรองมาตรฐานของซูซูกิ

บริการอย่างมืออาชีพ : มั่นใจในบริการและการให้คำปรึกษาอย่างมืออาชีพเป็นมิตรและใส่ใจทุกรายละเอียดการซ่อมโดยช่างผู้มีความชำนาญที่ผ่านการรับรองมาตรฐานการอบรมในการซ่อมรถยนต์ซูซูกิ

เครื่องมือมาตรฐานซูซูกิ : ใช้เครื่องมือเฉพาะทางที่ได้รับการรับรองจากซูซูกิ ช่วยให้การซ่อมมีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพมั่นใจในคุณภาพงานซ่อม

สีซ่อมรถยนต์ที่ได้รับรองมาตรฐานซูซูกิ : ใช้สีซ่อมรถยนต์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานของซูซูกิ ทำให้สีรถสวยงามและทนทาน เหมือนใหม่จากโรงงาน

การรับประกันงานซ่อม : รับประกันงานซ่อมว่ามีคุณภาพและมาตรฐานสร้างความอุ่นใจและความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า โดยจะรับประกันงานซ่อม 1 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และอะไหล่รับประกัน 1 ปี 20,000 กม. (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

ปัจจุบันมีผู้จำหน่ายที่ผ่านการรับรองมาตรฐานงานบริการจาก บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 32 แห่ง  ประกอบด้วย

ลำดับชื่อบริษัทผู้จำหน่ายภาคจังหวัด
1บริษัท ซูซูกิ อินดี้ บางหว้า จำกัดกรุงเทพและปริมณฑลกรุงเทพมหานคร
2บริษัท ดี โฟร์ คาร์ซิตี้ จำกัดกรุงเทพและปริมณฑลกรุงเทพมหานคร
3บริษัท พีพี เมกะ ออโต้ จำกัดกรุงเทพและปริมณฑลกรุงเทพมหานคร
4บริษัท มาพรพาณิชย์ จำกัดกรุงเทพและปริมณฑลกรุงเทพมหานคร
5บริษัท ยูโรเปียน มอเตอร์คาร์ จำกัด (สำนักงานใหญ่)กรุงเทพและปริมณฑลกรุงเทพมหานคร
6บริษัท ยูโรเปียน มอเตอร์คาร์ จำกัด (สาขาทองหล่อ)กรุงเทพและปริมณฑลกรุงเทพมหานคร
7บริษัท บีบี ซูซูกิ ออโต้ จำกัด (สำนักงานใหญ่)กรุงเทพและปริมณฑลกรุงเทพมหานคร
8บริษัท ซูซูกิ ตงเจริญออโต้เซลส์ จำกัดกรุงเทพและปริมณฑลปทุมธานี
9บริษัท ซูซูกิ นวนคร จำกัดกรุงเทพและปริมณฑลปทุมธานี
10บริษัท นวซูซูกิ ปทุมธานี จำกัดกรุงเทพและปริมณฑลปทุมธานี
11บริษัท นวออโตโมบิล บางใหญ่ จำกัดกรุงเทพและปริมณฑลนนทบุรี
12บริษัท ยนต์ตระการ พรีเมียม คาร์ จำกัดกรุงเทพและปริมณฑลนนทบุรี
13บริษัท สุพรรณยนตการ เทรดดิ้ง จำกัดกรุงเทพและปริมณฑลนนทบุรี
14บริษัท บีบี ซูซูกิ ออโต้ จำกัด (สาขาบางบ่อ)กรุงเทพและปริมณฑลสมุทรปราการ
15บริษัท ซูซูกิ ราชบุรี จำกัด (สำนักงานใหญ่)  กลางราชบุรี
16บริษัท ซูซูกิ ราชบุรี จำกัด (สาขาบ้านโป่ง)  กลางราชบุรี
17บริษัท ซูซูกิกาญจนบุรี จำกัดกลางกาญจนบุรี
18บริษัท พ.บรรจง ออโตซัพพลาย จำกัดกลางประจวบคีรีขันธ์
19บริษัท ซูซูกิ หัวหิน (สิทธิภัณฑ์) จำกัดกลางประจวบคีรีขันธ์
20บริษัท ซูซูกิเพชรบุรี (สิทธิภัณฑ์) จำกัดกลางเพชรบุรี
21บริษัท ซูซูกิ ฉะเชิงเทรา (2555) จำกัด  ตะวันออกฉะเชิงเทรา
22บริษัท ซูซูกิ ออโต้ เชียงใหม่ จำกัดเหนือเชียงใหม่
23บริษัท ซูซูกิ ออโต้ เชียงใหม่ จำกัด (สาขาดอนจั่น)เหนือเชียงใหม่
24บริษัท บี.เค. ออโต้ โมบิล จำกัดเหนือตาก
25บริษัท คลัง ออโตโมบิลส์ จำกัด (สำนักงานใหญ่)ตะวันออกเฉียงเหนือนครราชสีมา
26บริษัท คลัง ออโตโมบิลส์ จำกัด (สาขาบายพาส)ตะวันออกเฉียงเหนือนครราชสีมา
27บริษัท คลัง ออโตโมบิลส์ จำกัด (สาขาปากช่อง)ตะวันออกเฉียงเหนือนครราชสีมา
28บริษัท ซูซูกิเจียงอุดร จำกัดตะวันออกเฉียงเหนืออุดรธานี
29บริษัท สำราญยนตรการ ชัยภูมิ จำกัดตะวันออกเฉียงเหนือชัยภูมิ
30บริษัท ซูซูกิ อุบลราชธานี จำกัด (สำนักงานใหญ่)ตะวันออกเฉียงเหนืออุบลราชธานี
31บริษัท ซูซูกิ อุบลราชธานี จำกัด (สาขาเดชอุดม)ตะวันออกเฉียงเหนืออุบลราชธานี
32บริษัท เลิศวิจิตร ออโต้เซลส์ จำกัดตะวันออกเฉียงเหนืออำนาจเจริญ

โดยในอนาคต ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ยังมีแผนงานที่จะขยายงานบริการศูนย์ซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานซูซูกิ เพิ่มอีกจำนวน 8 แห่ง เป้าหมายภายในปี 2567 จะต้องมีศูนย์ซ่อมตัวถังและสี จำนวน 40 แห่งทั่วประเทศ ทั้งนี้เพื่อรองรับการเติบโตทางธุรกิจของซูซูกิและรองรับลูกค้าด้วยบริการ ทั้งนี้เพื่ออำนวยความสะดวกได้อย่างทันท่วงที พร้อมส่งมอบบริการและประสบการณ์การใช้บริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าทุกท่านได้อย่างครบครัน

“เราพยายามในการพัฒนางานบริการหลังการขายของซูซูกิให้ยกระดับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยสำคัญ คือ เราได้พัฒนาระบบจัดการฐานข้อมูลลูกค้า (Dealer Management System หรือ DMS) ให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบเพื่อเข้าถึงข้อมูลลูกค้าได้ในแบบ Real Time ซึ่งช่วยให้ทราบถึงประวัติการเข้ารับบริการของลูกค้า และสามารถประเมินความต้องการ ไปจนถึงเรื่องของค่าใช้จ่ายในการเข้ารับบริการได้อย่างแม่นยำ ทั้งยังร่วมมือกับผู้จำหน่ายทุกรายมุ่งเน้นอบรมพนักงานในเชิงปฏิบัติอย่างมืออาชีพให้มีใจรักในการบริการลูกค้าเป็นอย่างดีอีกด้วย” นายวัลลภ กล่าว

ทั้งนี้ แม้ซูซูกิจะต้องเผชิญการแข่งขันในตลาดที่ค่อนข้างรุนแรง รวมถึงสภาวะการหดตัวลงของตลาดและความเข้มงวดของสถาบันการเงินต่างๆ แต่ในช่วงที่ผ่านมาเรายังคงรักษาระดับยอดขายรถยนต์ไว้ได้อย่างน่าพอใจ ซึ่งนอกจากต้องขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ไว้วางใจในผลิตภัณฑ์ของซูซูกิเป็นอย่างสูงแล้วนั้น ต้องขอขอบคุณผู้จำหน่ายของซูซูกิทุกรายที่ทำงานอย่างหนัก จึงขอให้ลูกค้าซูซูกิทุกท่านเชื่อมั่นได้ว่า  เราจะยังเดินหน้าพัฒนาคุณภาพในทุกด้านอย่างไม่หยุดยั้ง โดยยึดความสำคัญด้านการบริการทั้งก่อนและหลังการขายเป็นที่ตั้ง เพื่อตอบแทนความไว้วางใจที่ลูกค้ามอบให้ จนเราสามารถสร้างยอดขายสะสมนับตั้งแต่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยได้ถึง 311,268 คัน

อย่างไรก็ตาม ปรัชญา “SUZUKI Cause We Care – เหนือกว่าความใส่ใจ คือความเข้าใจทุกความต้องการ” นอกจากเป็นแนวทางในการยึดมั่นให้เราพัฒนางานบริการและผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเพื่อลูกค้าแล้ว ยังเป็นโครงการที่ต้องการสื่อสารไปยังลูกค้าและคนไทยทุกท่าน ว่าเราไม่ใช่แค่เพียงผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ แต่เราหวังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคม พร้อมกับการพัฒนาธุรกิจควบคู่ไปกับการอยู่คู่เคียงข้างชุมชนและสังคมไทยอย่างยั่งยืนอีกด้วย

GWM จับมือ Jollynn ออกโปรฯ สุดพิเศษ

เกรท วอลล์ มอเตอร์ จับมือ Jollynn บราหายใจได้ ออกโปรฯ สุดพิเศษ ลุ้นขับ ORA Good Cat ฟรี 1 ปี ในแคมเปญ Lady First เปิดอกกับสไตล์ที่ใช่!!

เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ในฐานะผู้นำรถยนต์พลังงานใหม่ในไทยที่ขับเคลื่อนโลกด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงและนวัตกรรมอัจฉริยะ เพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคตที่ตอบทุกความต้องการของผู้บริโภค  เดินหน้ามอบประสบการณ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยร่วมกับแบรนด์ Jollynn แบรนด์ที่มุ่งเน้นในด้านการพัฒนาและจัดจำหน่ายชุดชั้นในสตรีแบบไร้โครงเหล็กคุณภาพสูง จนกลายเป็นที่รู้จักกันในนาม “บราหายใจได้” เพื่อสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับผู้หญิงยุคใหม่ ให้ออกไปสนุกกับทุกเส้นทางของชีวิต เพื่อทุกความสำเร็จแบบไม่ถูกรั้ง ผ่านแคมเปญ “Lady First เปิดอกกับสไตล์ที่ใช่” โดยแคมเปญเริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม 2567 สมาชิกของ Jollynn ร่วมลุ้นขับ ORA Good Cat รุ่น ULTRA ฟรี 1 ปี เพียงซื้อสินค้าของ Jollynn ครบ 100 บาท แล้วนำคะแนนมาแลกเพื่อร่วมกิจกรรมนี้ โดยจะประกาศผู้โชคดีในแพตฟอร์มสมาชิกของ Jollynn ผ่านเว็บไซต์ https://jollynn.rocket-crm.app/welcome ในวันที่ 1 พฤษจิกายน 2567 (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด) และสมาชิกของ Jollynn ที่เข้าร่วมกิจกรรมทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่ม ผลิตภัณฑ์ GWM ORA ไม่ว่าจะเป็น รุ่น Good Cat รุ่น  Good Cat GT หรือรุ่น 07 รับฟรีคะแนน Jollynn สูงถึง 2,000 คะแนน สามารถเข้าร่วมทดลองขับได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 19 กันยายน 2567 นี้ หรือจนกว่าจะครบ 600 ท่าน

ทั้ง ORA Good Cat และ Jollynn ต่างมีแนวคิดร่วมกันเพื่อผลักดันให้ผู้หญิงทุกคนได้ออกไปใช้ชีวิตได้อย่างที่ใจต้องการเพื่อสร้างความสำเร็จในทุกๆ เส้นทางโดยไม่ถูกรั้ง โดยแคมเปญ Lady First เปิดอกกับสไตล์ที่ใช่นี้ เน้นไปที่สิทธิประโยชน์และโปรโมชันที่คาดไม่ถึง ให้ผู้หญิงทุกคนได้รับประสบการณ์สุดพิเศษนี้ได้อย่างง่ายดาย ตอกย้ำการที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ และ Jollynn ให้ความสำคัญในทุกๆ การเดินทาง ทุกๆ โมเมนต์ของผู้หญิงอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ทั้ง ORA Good Cat และ Jollynn ล้วนได้รับความนิยม และยังเป็นขวัญใจของผู้หญิงยุคใหม่ในไทย อีกทั้งยังมีความเหมือนที่เป็นเอกลักษณ์ร่วมกัน คือ ดีไซน์ Retro Futuristic ที่โดนใจผู้หญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุดสีที่ผ่านการออกแบบและคัดเลือกมาอย่างประณีตแล้วว่าตอบโจทย์ความต้องการ รวมถึงการสร้างแรงบันดาลใจและเติมเต็มไลฟ์สไตล์ในทุกๆ วันของบรรดาผู้หญิงรุ่นใหม่ให้สนุกไปกับโมเมนต์ต่างๆ ในชีวิต ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือความบังเอิญที่ตั้งใจเหมือน ทั้ง ORA Good Cat และชุดชั้นใน Jollynn มีสีสันที่สปาร์คจอยให้บรรดาผู้หญิงที่รักสนุก ได้แมตช์ลุคแฟชั่นสนุกๆ ด้วยบราหายใจได้จาก Jollynn ในทุกวัน ควบคู่ไปกับสีสันที่น่ารักโดนใจของรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ ORA Good Cat เพื่อเสริมให้ผู้หญิงมีความมั่นใจ แสดงออกถึงความขี้เล่น และขับเสน่ห์ออกมาได้จนคนต้องเหลียวหลังมามอง เช่น การแมตช์ลุคทำงานให้ดูเป็นสาวหวาน อ่อนโยน แต่ซ่อนความเซ็กซี่ด้วยบรา Jollynn สีเขียวพาสเทลสุดคิ้วท์ รุ่น Cloud Lycra V เข้ากันได้อย่างลงตัวกับรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ ORA Good Cat สีเขียวพิสตาชิโอ ที่มาพร้อมกับระบบการขับขี่ที่สนุก เร้าใจ แถมยังมอบความปลอดภัยขั้นสูงสุดตลอดทั้งเส้นทางอีกด้วย

รายละเอียดและเงื่อนไขกิจกรรม

•เพียงซื้อสินค้าของ Jollynn ครบ 100 บาท จะได้สิทธิ์ลุ้นขับ ORA Good Cat รุ่น ULTRA ฟรี 1 ปี โดยแคมเปญเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 และจับฉลากลุ้นรางวัล* บัตรกำนัลจาก Jollynn สำหรับสิทธิ์การใช้รถยนต์ไฟฟ้า ORA Good Cat รุ่น ULTRA ฟรี จำนวน 1 ปี มูลค่ารางวัลละ 300,000 บาท จำนวน 1 รางวัล รวมมูลค่า 300,000 บาท ในวันที่ 29 ตุลาคม เวลา 16.00 น.

•สามารถสมัครเป็นสมาชิก Jollynn ได้ที่ https://jollynn.rocket-crm.app/welcome และสมาชิก 50 ท่านแรกในแต่ละสัปดาห์ (ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2567 ทุกวันศุกร์ ถึง วันพฤหัสบดี เวลา 23.59 น.) จะได้รับสายจาก เจ้าหน้าที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ เพื่อนัดหมายวันและเวลาทดลองขับ) จนกว่าจะครบ 600 ท่านที่ได้ทำการเข้าร่วมกิจกรรมทดลองขับ GWM ORA

•รางวัลของกิจกรรมคือสมาชิก 50 ท่านแรกในแต่ละสัปดาห์ที่ทำการเข้าร่วมกิจกรรมทดลองขับ GWM ORA เสร็จสิ้น จะได้รับคะแนน Jollynn 2,000 คะแนน ระยะเวลากิจกรรม ตั้งแต่วันนี้ถึง 19 กันยายน 2567 หรือจนกว่าจะครบ 600 ท่าน

•วิธีการเข้าร่วมกิจกรรม สมาชิกของ Jollynn สแกน QR Code ของโปสเตอร์ทดลองขับเพื่อไปยังหน้ากิจกรรมทดลองขับ GWM ORA ที่ https://forms.gle/gFAyvmy9PUqJ1skMA แล้วกรอกข้อมูลที่เกี่ยวข้อง หลังจากกรอกเสร็จจะได้รับสิทธิ์ทดลองขับผู้ที่สนใจร่วมกิจกรรมทดลองขับนี้

•สามารถเข้าร่วมได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ดูเงื่อนไขการเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ https://drive.google.com/…/1YfxoNqMFwoTdUVndkeN…/view…

*หมายเหตุ : สัญญาในการใช้รถจะเป็นสัญญาที่ทำระหว่างบริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (ผู้ให้เช่า) กับ ผู้โชคดี (ผู้เช่า) เงื่อนไขเป็นไปตาม ที่บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กำหนด และเมื่อสิ้นสุดสัญญาผู้โชคดีจะต้องนำกลับมาคืนตามกำหนดสัญญา เมื่อสัญญาครบ 1 ปี

เกรท วอลล์ มอเตอร์ มุ่งมั่นที่จะส่งมอบประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์ ในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า (xEV Leader) และบริษัทที่ให้บริการเทคโนโลยีระดับโลก (Global Intelligent Technology Company) ด้วยการเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยในปี 2567 รวมถึงปีถัดๆ ไป เพื่อเติมเต็มระบบนิเวศและอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้ทัดเทียมระดับสากลควบคู่ไปกับการตอบสนองความต้องการอันหลากหลายของผู้บริโภคชาวไทย

เอ็มจี เปิดราคา MG3 HYBRID+ ส่งลุยตลาดซิตี้คาร์

เอ็มจี เปิดตัว ALL NEW MG3 HYBRID+ ยกระดับมาตรฐานไฮบริดยุคใหม่ ในราคาพิเศษเริ่มต้นที่ 559,900 บาท

•ALL NEW MG3 HYBRID+ ยนตรกรรมไฮบริดรุ่นล่าสุดของ เอ็มจี สะท้อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้รถในราคาที่เข้าถึงได้

•ประหยัดกว่าและแรงกว่า ด้วยอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน 26.2 Km/L

•ขับสนุกกว่า ฉลาดกว่า ปลอดภัยกว่า เทคโนโลยีไฮบริดใหม่ ด้วยมาตรฐาน Global Model

•กว้างกว่า พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังที่จุได้ถึง 293 ลิตร และขยายได้สูงสุดถึง 1,037 ลิตร พร้อมดีไซน์โฉบเฉี่ยว ทันสมัย

กรุงเทพฯ – 20 สิงหาคม 2567 – บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย จุดประกายตลาดรถยนต์ไทยครึ่งปีหลังด้วยการเปิดตัว พร้อมกันทุกภูมิภาคเป็นครั้งแรก กับรถรุ่นล่าสุด ALL NEW MG3 HYBRID+ เพื่อบุกตลาด B-Segment พร้อมสร้างจุดเปลี่ยนให้กับวงการไฮบริด ในฐานะรถยนต์ไฮบริดที่มีสมรรถนะสูงภายใต้คอนเซ็ปต์ “อิสระพลัสเวล” ยนตรกรรมที่พลัสมาให้ครบ แรง ขับสนุก ประหยัดเหนือชั้น ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีไฮบริดอัจฉริยะ อีกระดับของประสบการณ์การขับขี่ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ในราคาครอบครองได้ง่าย พร้อมสัมผัสตัวจริงและทดลองขับได้ที่งาน BIG MOTOR SALE 2024 และ โชว์รูม เอ็มจี กว่า 150 แห่งทั่วประเทศ 

ALL NEW MG3 HYBRID+ มีความโดดเด่นด้วยระบบ HYBRID+ ที่ใช้เทคโนโลยีล่าสุดจาก SAIC MOTOR เพื่อพัฒนายนตรกรรมที่มาพร้อมสมรรถนะและความประหยัดที่เหนือชั้น โดยระบบ HYBRID+ เป็นการผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายในและมอเตอร์ไฟฟ้า ทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาดเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงในทุกสภาวะการขับขี่ อีกทั้งรถรุ่นนี้ยังถือเป็น Global Model ที่พัฒนาและปรับจูนทุกระบบโดยทีมวิศวกรระดับโลก เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานจริงบนถนนทั่วโลก โดยผ่านการทดสอบในทุกสภาพเส้นทาง สภาพอากาศ รวมถึงวิ่งทดสอบในสถานการณ์ที่หลากหลาย สำหรับในประเทศไทย ALL NEW MG3 HYBRID+ มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “อิสระพลัสเวล” นำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่ครบครัน ทั้งความประหยัด ความสนุกเร้าใจ เป็นการยกระดับระบบการทำงานของเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้มีการทำงานที่อิสระ ครอบคลุมโหมดการขับเคลื่อนที่หลากหลาย มอบความคล่องตัว ให้ความรู้สึกเหมือนขับรถไฟฟ้าโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จ เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ที่กำลังมองหารถยนต์ในกลุ่ม City Car ที่มาพร้อมฟังก์ชันครบครัน พรัอมสมรรถนะ และเทคโนโลยีที่โดดเด่นในระดับราคาที่คนไทยเป็นเจ้าของได้ง่าย

การเปิดตัว ALL NEW MG3 HYBRID+ ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการนำเสนอยานยนต์รุ่นใหม่สู่ตลาดเท่านั้น แต่ยังเป็นการตอกย้ำวิสัยทัศน์ของ เอ็มจี ในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในวงการยานยนต์ไทยและระดับโลก ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย ความคุ้มค่า และการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างลงตัว ALL NEW MG3 HYBRID+ จึงไม่เพียงแต่เป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่มองหายานพาหนะที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นก้าวสำคัญของ เอ็มจี ในการก้าวสู่อนาคตแห่งการขับเคลื่อนที่ยั่งยืน

นายซู๋ว์ หยิ่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นอกจาก ALL NEW MG3 HYBRID+ จะเป็น The Best-in-Class ใน B-Segment ด้วยการยกระดับผลิตภัณฑ์ในหลายๆ ด้านแล้วนั้น ครั้งนี้ เอ็มจี ยังได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ แตกต่างจากการเปิดตัวรถยนต์ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น การเปิดโอกาสให้ผู้สนใจลงทะเบียนทดลองขับรถรุ่นใหม่นี้ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 4 ภาคทั่วไทย เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสสมรรถนะของ ALL NEW MG3 HYBRID+ รวมไปถึงการทดสอบขับจริงบนท้องถนน ผ่านกิจกรรมขับทางไกล “กรุงเทพฯ – เชียงใหม่ ด้วยน้ำมันถังเดียว” ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของรถเมื่อขับขี่บนถนนจริง สามารถวิ่งได้ไกลถึง 800 กิโลเมตร ต่อน้ำมันหนึ่งถัง

“เพื่อยืนยันความเชื่อมั่นและพิสูจน์คุณภาพของรถ เอ็มจี ในทุกการเดินทาง และยังเป็นครั้งแรกที่ เอ็มจี ได้ทำการเปิดตัว ALL NEW MG3 HYBRID+ พร้อมกันในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ (Nationwide launch) โดยมีกรุงเทพฯ  เป็นศูนย์กลางการประกาศราคาอย่างเป็นทางการ ซึ่งจัดขึ้นที่ สยามสแควร์วัน นอกจากนี้ ในภูมิภาคต่างๆ ได้มีการจัดงานเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในย่านสำคัญของแต่ละพื้นที่ อาทิ ภาคเหนือ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ศูนย์การค้าเดอะมอลล์โคราช และภาคใต้ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล หาดใหญ่ โดยในทุกสถานที่จะมีกิจกรรมพิเศษต่อเนื่องจากการเปิดตัว เพื่อให้ผู้สนใจเข้ามาได้สัมผัสประสบการณ์อย่างใกล้ชิด โดย เอ็มจี พร้อมให้ผู้ที่สนใจสามารถจองและทดลองขับได้ที่ งาน BIG MOTOR SALE 2024 และศูนย์บริการของ เอ็มจี 150 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่ปลายเดือนนี้ เป็นต้นไป” นายซู๋ว์ หยิ่น กล่าวปิดท้าย

ฮุนได มุ่งสร้างเส้นทางแห่งความยั่งยืน ครีเอตผลงานอาร์ตตอกย้ำ “ขยะไม่เคยไร้ค่า”

ฮุนได มุ่งสร้างเส้นทางแห่งความยั่งยืน คอลแลบ “WISHULADA” ครีเอตผลงานอาร์ตตอกย้ำ “ขยะไม่เคยไร้ค่า” พร้อมจัด IONIQ Talk “IONIQ Waste to Wonder” ร่วมกับสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ณ IONIQ Lab

กรุงเทพฯ 17 สิงหาคม 2567 – บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าพันธกิจสร้างสรรค์เส้นทางสู่โลกที่ยั่งยืน จับมือศิลปินชื่อดัง “วิชชุลดา ปัณฑรานุวงศ์” ศิลปินสาวผู้สร้างสรรค์ผลงานจากวัสดุเหลือใช้มาอย่างยาวนาน พร้อมจับมือสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย เปิดบ้านรับเชิญวิทยากรสุดพิเศษ ดร.ฉัตรตรี ภูรัต ผู้อำนวยการฝ่ายฉลากเขียวและฉลากสิ่งแวดล้อม ร่วมเปิดตัวกิจกรรมเพื่อความยั่งยืนครั้งสำคัญ “IONIQ Waste to Wonder” ณ IONIQ Lab ทรู ดิจิทัล พาร์ค

“ขยะเหลือใช้” ถือเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่โลกทั้งใบ รวมถึงประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ ซึ่งหากไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมก็อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ก่อให้เกิดมลภาวะรูปแบบต่าง ๆ เช่น กลิ่นเหม็น สัตว์พาหะนำโรค ตลอดจนนำไปสู่ภาวะโลกร้อน รายงานสถานการณ์ขยะในประเทศไทยประจำปี 2566 ระบุว่าประเทศไทยสร้างขยะมูลฝอยเกิดขึ้น ประมาณ 26.95 ล้านตันต่อปี หรือราว 73,840 ตันต่อวัน คิดเป็นเฉลี่ย 1.12 กิโลกรัมต่อวันต่อคน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2565 ที่มีปริมาณขยะมูลฝอยอยู่ที่ 25.70 ล้านตัน พบว่าเราสร้างมลภาวะเพิ่มขึ้นถึง 5% ต่อปี

วัลลภ เฉลิมวงศาเวช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “บริษัทฯ ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสังคมสู่ความยั่งยืน ท่ามกลางความท้าทายของปัญหาขยะที่เพิ่มขึ้น การริเริ่มจัดงาน IONIQ Waste to Wonder ที่ IONIQ Lab ไม่เพียงแค่เพื่อปฏิวัติรูปแบบการเดินทาง แต่ยังเปลี่ยนแปลงแนวคิดการเดินทางทั่วโลก ไปสู่อนาคตที่ใสสะอาดและมีความรับผิดชอบมากยิ่งขึ้น ความร่วมมือด้านศิลปะที่สร้างแรงบันดาลใจกับ WISHULADA ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการสร้างความตระหนักรู้ และส่งเสริมการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม การจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ และการนำกลับมาใช้ใหม่อย่างจริงจัง โดยจัดงานขึ้นที่ IONIQ Lab ซึ่งยังเป็นศูนย์กลางแห่งการสร้างสรรค์ การทำงานร่วมกัน และการพัฒนานวัตกรรมที่ล้ำสมัย ให้ลูกค้าฮุนไดได้มีส่วนร่วมโดยตรงในการสร้างสรรค์สังคมที่ยั่งยืน”

“IONIQ Waste to Wonder” แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก ผ่านการส่งเสริมการเดินทางที่ยั่งยืน และกระตุ้นจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมผ่านพลังแห่งงานศิลป์ การนำเสนอความสวยงามของศิลปะ และศักยภาพของวัสดุรีไซเคิลในกิจกรรมครั้งนี้ ยังช่วยเน้นย้ำความสำคัญของระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ไปพร้อมกับการแสวงหาแนวทางใหม่ ในการจัดการขยะในอนาคต

ผู้เข้าชมงานสามารถสัมผัสถึง ศักยภาพเชิงสร้างสรรค์ของกระบวนการรีไซเคิล นับตั้งแต่การสรรค์สร้างหมีขนมสุดน่ารัก ไฮไลต์ของงานซึ่งประดิษฐ์จากขวดพลาสติก 10,000 ขวด และบรรจุภัณฑ์ขนม 10,500 ชิ้น ไปจนถึงกิจกรรมเวิร์คช็อปการประดิษฐ์ของจากวัสดุเหลือใช้ ซึ่งผู้เข้าร่วมงานจะได้ซึมซับสาระสำคัญของงานที่ว่า “ไม่มีสิ่งใดไร้ค่า” และ “เราทุกคนทำได้” นอกจากนั้น ยังมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นใน IONIQ Talk สร้างแรงบันดาลใจและการตระหนักรู้ และกระตุ้นการมีส่วนร่วมในการจัดการขยะ เพื่อสร้างสรรค์อนาคตที่สดใสกว่า สะอาดยิ่งกว่า และยั่งยืนยิ่งกว่าสำหรับทุกคน

วิชชุลดา ปัณฑรานุวงศ์ ศิลปินนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมและกิจกรรมเพื่อสังคม กล่าวว่า “เรามีความเชื่อมั่นว่าการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และการใช้แผนงานเชิงกลยุทธ์ ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตไปจนถึงระดับการบริโภค ถือเป็นสิ่งสำคัญในการลดขยะ และสร้างความก้าวหน้าด้านความยั่งยืน ส่วนการหมุนเวียนวัสดุเหลือใช้ กลับมาใช้งานใหม่ในแนวทางที่ครอบคลุม ซึ่งจะช่วยลดปริมาณขยะได้อย่างมากและนำไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน การจัดการขยะเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของเราทุกคน เพราะถือเป็นปัญหาที่มีความท้าทายอย่างมากในปัจจุบัน สิ่งสำคัญคือเราทุกคนต้องรับรู้ว่าตัวเอง ต่างมีบทบาทในการอนุรักษ์ และใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งถ้าเราร่วมมือกันและใช้ทรัพยากรอย่างมีสติ ก็จะสามารถสร้างความแตกต่างเชิงบวก ให้กับโลกใบนี้ได้อย่างแน่นอน”

ดร.ฉัตรตรี ภูรัต ผู้อำนวยการฝ่ายฉลากเขียวและฉลากสิ่งแวดล้อม สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย กล่าวว่า “ความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนของเรา ไม่ใช่เป็นเพราะหน้าที่รับผิดชอบเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลก และให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสู่ความรับผิดชอบ ของทั้งผู้ผลิตและบริโภคที่สู่ความยั่งยืนยิ่งขึ้น จากการทำงานวิจัยด้านสิ่งแวดล้อม การผลักดันนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นโยบายเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) และ ESG (Environment, Social, และ Governance) รวมทั้งการเสริมสร้างศักยภาพให้กับองค์กรและบุคลากรด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อเตรียมรับมือกับความท้าท้ายในการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว รวมทั้งการร่วมมือกับพันธมิตรอีกหลายฝ่าย ซึ่งไม่เพียงร่วมกันกำหนดนโยบายเท่านั้น แต่ยังช่วยกันปูทางไปสู่ความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการดูแลสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืนของเมืองไทยต่อไป”

IONIQ Lab ไม่ได้เป็นเพียงศูนย์รวมนวัตกรรม หากยังเป็นพื้นที่แห่งแรงบันดาลใจและการทำงานร่วมกันอันเปี่ยมด้วยพลังของคนรุ่นใหม่ ผู้ที่สนใจร่วมกิจกรรม IONIQ Waste to Wonder สามารถเข้าชมงานศิลปะสุดสร้างสรรค์ เพื่อร่วมกันกำหนดอนาคตที่ยั่งยืนไปพร้อมกัน ในวันที่ 17 สิงหาคม 2567 นอกจากนี้ ยังมีเวิร์คช็อปสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “The Art of Upcycling” เปลี่ยนขยะเป็นงานศิลป์สุดยูนีค ในวันเสาร์ที่ 24, 31, สิงหาคม และ 7 กันยายน 2567 โดยลูกค้าสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่หน้าโชว์รูมในวันที่มีกิจกรรม เพื่อร่วมเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันสู่การเปลี่ยนแปลงโลก ผ่านผลงานศิลปะและการเดินทางที่ยั่งยืน

เอ็มจี เปิดไลน์การผลิต MG3 HYBRID+ ในไทย

เอ็มจี เปิดไลน์การผลิต ALL NEW MG3 HYBRID+ สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานทางเลือกอย่างยั่งยืน

ชลบุรี – 15 สิงหาคม 2567 – บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ได้รับเกียรติจาก นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รักษาการรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม นายณัฐกร อุเทนสุต ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาระบบการควบคุมทางสรรพสามิต และ นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) พร้อมคณะและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมเปิดไลน์การผลิตรถไฮบริดรุ่นล่าสุด ALL NEW MG3 HYBRID+ ก่อนเปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการในไทย วันที่ 20 สิงหาคม 2567 นี้ พร้อมเยี่ยมชมฐานการผลิตรถยนต์เอ็มจีในไทย ที่ครอบคลุมการผลิตรถยนต์ในทุกรูปแบบการขับเคลื่อน ทั้งรถยนต์สันดาปภายใน รถยนต์พลังงานทางเลือก และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า รวมถึงโรงงานประกอบแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าแห่งแรกในประเทศไทย พร้อมแสดงศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ที่ครอบคลุมทุกการขับเคลื่อนอย่างครบวงจร มุ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันได้อย่างครอบคลุมที่สุด

นับเป็นโอกาสครั้งสำคัญของ เอ็มจี ในการต้อนรับ นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายณัฐกร อุเทนสุต ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต และ นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) พร้อมคณะผู้บริหาร และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้ให้เกียรติร่วมเปิดไลน์การผลิตรถยนต์ไฮบริดรุ่นล่าสุด ALL NEW MG3 HYBRID+ ก่อนเปิดตัว อย่างเป็นทางการในไทย วันที่ 20 สิงหาคม 2567 นี้ พร้อมเยี่ยมชมโรงงานผลิตรถยนต์แบบครบวงจรของ เอ็มจี ซึ่งตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเออีสเทิร์นซีบอร์ด 2 (WHA ESIE 2) จังหวัดชลบุรี บนพื้นที่ทั้งหมด 437.5 ไร่ ที่พัฒนาขึ้นภายใต้งบการลงทุนที่สูงถึงกว่า 30,000 ล้านบาท โดย เอ็มจี ถือเป็นแบรนด์รถยนต์จีนที่มีการลงทุนตั้งฐานการผลิตในไทยสูงเป็นอันดับต้นๆ กับจุดเด่นของโรงงานที่สามารถผลิตและประกอบรถยนต์ครอบคลุมทุกรูปแบบการขับเคลื่อนด้วยกำลังการผลิตสูงสุด 100,000 คันต่อปี โดยมีพื้นที่ของโรงประกอบตัวถัง (Body Shop) โรงพ่นสีรถยนต์ (Paint Shop) โรงประกอบรถ (General Assembly Shop) ครอบคลุม ไปถึงส่วนของคลังจัดเก็บอะไหล่เพื่อรองรับรถยนต์ของเอ็มจีทุกรุ่น รวมถึงพื้นที่ NEW ENERGY INDUSTRIAL PARK ซึ่งประกอบด้วย โรงประกอบแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าแห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน ภายในโรงงานมีการจัดสรรพื้นที่เป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่ ส่วนการประกอบแบตเตอรี่ ประกอบด้วยสายการผลิตอัตโนมัติที่ทันสมัยอย่างการนำหุ่นยนต์ (Robotic) เข้ามาช่วยในการผลิตเพื่อให้ได้มาตรฐานที่แม่นยำสามารถประกอบแบตเตอรี่ Cell-To Pack ได้สูงสุดมากกว่า 50,000 แพ็คต่อปี

ตลอดระยะเวลาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยกว่า 10 ปี เอ็มจี ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาแบรนด์อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยอย่างครอบคลุม ในฐานะผู้บุกเบิกยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ เอ็มจี ได้พัฒนาและขยาย MG EV ECOSYSTEM เพื่อรองรับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต พร้อมทั้งให้ความร่วมมือกับภาครัฐในนโยบายส่งเสริมต่างๆ โดยมีเป้าหมายให้คนไทยได้ใช้ยานยนต์คุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้ ล่าสุด เอ็มจี ได้เริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ เริ่มต้นด้วยโกลบอลโมเดลอย่าง NEW MG4 ELECTRIC นอกจากนี้ ยังพร้อมตอบรับ การสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานทางเลือกอย่างยั่งยืน ด้วยการขยายไลน์การผลิตเพื่อรองรับการผลิตรถไฮบริดอย่าง ALL NEW MG3 HYBRID+ ซึ่งการดำเนินการเหล่านี้ตอกย้ำให้เห็นถึงเทคโนโลยียานยนต์ที่ผสมผสานทั้งระบบเครื่องยนต์สันดาปภายใน และระบบไฟฟ้า เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ ให้สามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่ยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสอดรับกับทิศทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ เป็นอีกหนึ่งเซ็กเมนต์ ที่ไทยมีโอกาสเป็นฐานการผลิตระดับโลกได้

นายจ้าว เฟิง กรรมการผู้จัดการบริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด กล่าวว่า “การเข้าเยี่ยมชมโรงงานผลิตรถยนต์ เอ็มจี ในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการแสดงศักยภาพและความพร้อมของ เอ็มจี ในการลงทุนและทำการตลาดในประเทศไทย ยังมีอีกหนึ่งความสำคัญที่ เอ็มจี ได้รับเกียรติจากคณะผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐร่วมเป็นสักขีพยานในการพิธีปล่อยรถ ALL NEW MG3 HYBRID+ รถไฮบริดคุณภาพสูง รุ่นล่าสุดออกจากสายการผลิต เพื่อเตรียมพร้อมเปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ในวันที่ 20 สิงหาคมนี้ โดยรถยนต์รุ่นนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นเรือธงที่ เอ็มจี มุ่งมั่นให้เป็นหนึ่งในยนตรกรรมที่สะท้อนถึงแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ เอ็มจี ที่พร้อมผลักดันการผลิตรถไฮบริดแทนที่รถยนต์สันดาปภายใน เพื่อเดินหน้าสู่การเป็น Green mobility และสอดคล้องกับเทรนด์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมพร้อมรองรับการเปลี่ยนผ่านสังคมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มขั้นตามแนวทางของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก”

มิตซูบิชิ ชวนวิ่งการกุศล “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ชวนกันวิ่ง ชวนกันให้ ครั้งที่ 5”

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมงานวิ่งการกุศล “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ชวนกันวิ่ง ชวนกันให้ ครั้งที่ 5” ณ วิหารเซียน/เขาชีจรรย์ จ.ชลบุรี 17 พ.ย.นี้ พร้อมนำรายได้สมทบทุนจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ สนับสนุนโรงพยาบาลที่ขาดแคลน

กรุงเทพฯ – 16 สิงหาคม 2567 : บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ มูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมงานวิ่งการกุศล  “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ชวนกันวิ่ง ชวนกันให้ ครั้งที่ 5” (Mitsubishi Motors Charity Run 2024 #5 ‘Together We Run, Together We Share’) ในวันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2567 พร้อมเปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2567 โดยรายได้ส่วนหนึ่งจะนำไปสมทบทุนจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของโรงพยาบาลที่ขาดแคลน สอดคล้องกับความมุ่งมั่นในการดำเนินโครงการเพื่อสังคมภายใต้วิสัยทัศน์ “สรรค์สร้าง เคียงข้าง สังคมไทย” ใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ สิ่งแวดล้อม การศึกษา และสุขภาพ

งานวิ่งครั้งนี้ (Mitsubishi Motors Charity Run 2024 #5) จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ชวนกันวิ่ง ชวนกันให้” โดยเชิญชวนผู้ที่สนใจทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นนักวิ่งที่มีประสบการณ์หรือผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย เข้าร่วมงาน โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ Fun Run ระยะทาง 5 กิโลเมตร ซึ่งพิเศษ! สำหรับปีนี้ ผู้ที่ต้องการชมจุดสำคัญ (Highlight) สามารถวิ่งตามเส้นทางเพิ่มอีก 2 กิโลเมตร เพื่อไปถึงพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์ และ Mini Marathon ระยะทาง 10 กิโลเมตร โดยผู้เข้าร่วมงานทุกท่านจะได้รับเสื้อ หมายเลขวิ่ง เหรียญรางวัล ของที่ระลึก พร้อมบริการอาหารและเครื่องดื่ม โดยสามารถรับเสื้อ หมายเลขวิ่งได้ที่ วิหารเซียน จ.ชลบุรี ระหว่างวันที่ 15 – 16 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.00 – 18.00 น. โดยผู้สนใจสามารถลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมงานและดูรายละเอียดเพิ่มเติม ที่เว็บไซต์ www.mitsubishimotorscharityrun.com ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 30 กันยายน 2567

สำหรับนักวิ่งชายและหญิงที่วิ่งเข้าเส้นชัยเป็นอันดับแรกในประเภท Fun Run ระยะทาง 5 กิโลเมตร จะได้รับถ้วยรางวัลและเงินรางวัลมูลค่า 1,500 บาท ส่วนนักวิ่งชายและหญิงที่วิ่งเข้าเส้นชัยเป็นอันดับแรกในประเภท Mini Marathon ระยะทาง 10 กิโลเมตร จะได้รับถ้วยรางวัลและเงินรางวัลมูลค่า 4,000 บาท พร้อมกันนี้ ผู้วิ่งเข้าเส้นชัยเป็นอันดับแรกในแต่ละกลุ่มอายุ ของการวิ่งประเภท Mini Marathon ระยะทาง 10 กิโลเมตร จะได้รับเงินรางวัลมูลค่า 2,000 บาท โดยผู้เข้าเส้นชัยที่รองชนะเลิศอันดับ 1 และ รองชนะเลิศอันดับ 2 จะได้รับเงินรางวัลมูลค่า 1,000 บาท และ 500 บาท ตามลำดับ อีกทั้ง พิเศษสำหรับปีนี้ผู้เข้าเส้นชัยที่รองชนะเลิศอันดับ 3 และ 4 จะได้รับถ้วยรางวัลกลับบ้านอีกด้วย

เกรท วอลล์ มอเตอร์ จัดบิ๊กแคมเปญกระตุ้นการตัดสินใจ

เกรท วอลล์ มอเตอร์ จัดหนักแคมเปญดอกเบี้ย 0% ดาวน์ต่ำ พร้อมส่วนลดและช่วยผ่อนแบบจัดเต็ม

กรุงเทพฯ 13 สิงหาคม 2567 – เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ตอกย้ำการใช้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (User-Centric) ศึกษาความต้องการของลูกค้าชาวไทยในช่วงสถานการณ์ที่ท้าทาย เพื่อออกแบบข้อเสนอและสิทธิพิเศษต่างๆ ที่ตอบโจทย์แบบตรงจุดให้แก่ลูกค้า ผ่านโปรโมชันดอกเบี้ย 0% พร้อมช่วยผ่อน หรือส่วนลดเมื่อจ่ายเงินสดสำหรับรถยนต์พลังงานใหม่ทุกรุ่นจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ เพื่อให้ลูกค้าได้สามารถเป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานใหม่ที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีอัจฉริยะที่มาพร้อมความคุ้มค่าจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ห้ามพลาด  ตั้งแต่ 1-31 สิงหาคม 2567 นี้ ที่ GWM Application หรือเว็บไซต์ https://www.gwm.co.th และ พาร์ทเนอร์ สโตร์ ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ทุกสาขาทั่วประเทศไทย

ข้อเสนอจัดหนักจัดเต็มแบบเกินพิกัด กับดอกเบี้ย 0% พร้อมโปรแกรมช่วยผ่อน หรือส่วนลดเมื่อชำระด้วยเงินสด

•All New GWM HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV ดอกเบี้ย 0%** ผ่อนนาน 48 เดือน เมื่อดาวน์ 25% มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 126,000 บาท หรือให้ ช่วยผ่อนนาน 10 เดือน เดือนละ 10,000 บาท รวมมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท** หรือรับส่วนลดมูลค่าสูงสุด 200,000 บาท* เมื่อชำระด้วยเงินสด

•New GWM HAVAL H6 Hybrid SUV รุ่น ULTRA รับดอกเบี้ย 0%** ผ่อนนาน 48 เดือน เมื่อดาวน์ 25% มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท และช่วยผ่อนนาน 10 เดือน เดือนละ 5,000 บาท รวมมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท** และรุ่น PRO รับดอกเบี้ยพิเศษ 0%** ผ่อนนาน 48 เดือน เมื่อดาวน์ 25% มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 82,000 บาท** สำหรับลูกค้าที่ซื้อเงินสด รับส่วนลดมูลค่า 120,000 บาท* สำหรับรุ่น ULTRA และ 50,000 บาท* สำหรับรับรุ่น PRO

•New GWM HAVAL JOLION Hybrid SUV รุ่น Sport เลือกได้ตามใจกับส่วนลดเงินสดมูลค่าสูงสุด 40,000 บาท* หรือดอกเบี้ยพิเศษ 0%** ผ่อนนาน 48 เดือน เมื่อดาวน์ 25% มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 59,000 บาท** หรือดอกเบี้ย 2.15%** ผ่อนนาน 48 เดือน เมื่อดาวน์ 25% มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 8,000 บาท พร้อมช่วยผ่อนเดือนละ 2,000 บาทนาน 12 เดือน รวมมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 24,000 บาท**  สำหรับรุ่น ULTRA รับส่วนลดเงินสดมูลค่าสูงสุด 50,000 บาท หรือ ดอกเบี้ยพิเศษ 0%** ผ่อนนาน 48 เดือน เมื่อดาวน์ 25% มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 74,000 บาท** หรือ ดอกเบี้ย 2.15%** ผ่อนนาน 48 เดือน เมื่อดาวน์ 25% มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท พร้อมการช่วยผ่อนนาน 12 เดือน เดือนละ 2,500 รวมมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท** นอกจากนี้ New GWM HAVAL JOLION Hybrid SUV ทั้งสองรุ่น แถมฟรี ฟิล์มกรองแสง ลามิน่า รุ่น CM ONE รวมมูลค่าสูงสุด 16,500 บาท และฟรีชุดอุปกรณ์ฝาท้ายไฟฟ้าพร้อมติดตั้ง รวมมูลค่าสูงสุด 18,200 บาท

•GWM New ORA Good Cat รุ่น PRO และ ULTRA กับข้อเสนอดาวน์ต่ำ ดอกเบี้ยพิเศษ 0% หรือช่วยผ่อนนานสูงสุด 12 เดือน มูลค่ารวม 190,000 บาท และ 220,000 บาท ตามลำดับ รุ่น PRO เลือกรับสิทธิพิเศษ ดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน 48 เดือน ดาวน์เพียง 20% หรือดอกเบี้ย 1.95% เมื่อดาวน์ 25% และผ่อนได้สูงสุด 48 เดือน* พร้อมช่วยผ่อนนาน 12 เดือน เดือนละ 5,000 บาท มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 60,000 บาท** และรุ่น ULTRA ลูกค้าสามารถเลือกรับข้อเสนอ ดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน 48 เดือน เมื่อดาวน์เพียง 10% หรือดอกเบี้ย 1.95% เมื่อดาวน์ 25% และผ่อนได้สูงสุด 48 เดือน* พร้อมช่วยผ่อนนาน 12 เดือน เดือนละ 7,500 บาท มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 90,000 บาท** หรือหากเลือกดอกเบี้ยพิเศษ 0% เมื่อดาวน์ 25% สามารถผ่อนได้สูงสุดถึง 60 เดือน* มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 77,000 บาท สำหรับรุ่น PRO และ 108,000 บาทสำหรับรุ่น ULTRA นอกจากนี้ สำหรับรุ่น GT รับข้อเสนอมูลค่ารวมสูงสุดถึง 290,000 บาทกับดอกเบี้ยพิเศษ 0% เมื่อดาวน์ 25% และผ่อน 48 เดือน* มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 82,000 บาท พร้อมกับ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ช่วยผ่อนนาน 12 เดือน เดือนละ 7,500 บาท สูงสุดไม่เกิน 90,000 บาท**

•GWM ORA 07 รุ่น PERFORMANCE รุ่น LONG RANGE และรุ่น LONG RANGE ULTRA กับข้อเสนอมูลค่ารวม 180,000 บาท 210,000 บาท และ 180,000 บาท ตามลำดับ พิเศษ! ด้วยดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% เมื่อดาวน์ 25% และผ่อน 48 เดือน* มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 67,000 บาท สำหรับรุ่น PERFORMANCE และดอกเบี้ยพิเศษ 0% เมื่อดาวน์ 25% และ ผ่อน 48 เดือน* มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 97,000 บาท สำหรับรุ่น LONG RANGE สำหรับ LONG RANGE ULTRA รับข้อเสนอดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% เมื่อดาวน์ 25% และ ผ่อน 48 เดือน* มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 62,000 บาท

สำหรับนักผจญภัยสายลุย ก็สามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ภายใต้กลุ่มผลิตภัณฑ์ GWM TANK อย่างคุ้มเกินคุ้ม กับข้อเสนอเกินห้ามใจ

•ALL NEW GWM TANK 300 HEV มาพร้อมข้อเสนอมูลค่ารวม 260,000 บาท สำหรับรุ่น PRO และ 270,000 บาท สำหรับรุ่น ULTRA เลือกรับส่วนลดเงินสดมูลค่าสูงสุด 100,000 บาท* เมื่อชำระด้วยเงินสด หรือดอกเบี้ยพิเศษ 0%** ผ่อนนาน 48 เดือน เมื่อดาวน์ 25% ที่มาพร้อมข้อเสนอที่สามารถเลือกได้ตามต้องการ ระหว่างการช่วยผ่อน นาน 10 เดือนๆ ละ 5,000 บาท รวมมูลค่า 50,000 บาท หรือวอยเชอร์สำหรับแลกซื้ออุปกรณ์ตกแต่งมูลค่า 50,000 บาท**

•ALL NEW GWM TANK 500 HEV กับข้อเสนอมูลค่ารวม 250,000 บาท สำหรับรุ่น PRO และ 260,000 บาท สำหรับรุ่น ULTRA ทั้งสองรุ่นมาพร้อมดอกเบี้ยพิเศษ 0%* นาน 48 เดือน เมื่อดาวน์ 25% มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 153,000 บาท สำหรับรุ่น PRO และ 169,000 บาท สำหรับรุ่น ULTRA และรับฟรี Central Gift Voucher มูลค่า 50,000 บาท สำหรับการซื้อเงินสด

ยิ่งไปกว่านั้น รถยนต์ทุกรุ่นและทุกคันของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังมาพร้อมกับสิทธิประโยชน์ที่สร้างความอุ่นใจไร้กังวลให้กับลูกค้า กับการบริการหลังการขายที่ครอบคลุมและคุ้มค่า ได้แก่

•ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง เป็นระยะเวลานาน 1 ปีเต็ม โดย บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ บริษัท คุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน)  หรือ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นระยะเวลา 1 ปี มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท

•ฟรี ค่าแรงและค่าอะไหล่งานบำรุงรักษาตามระยะทาง (GWM PRO Service Inclusive : GPSI) สูงสุดไม่เกิน 10 ครั้ง ภายในระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 100,000 กิโลเมตร หรือระยะทาง 75,000 กิโลเมตร สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า 100%  (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน และไม่รวมอะไหล่สิ้นเปลือง) มูลค่ารวมสูงถึง 45,000 บาท**

•ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลานานถึง 5 ปี มูลค่า 10,000 บาท**

•ฟรี บริการระบบตรวจสอบและสั่งการรถผ่านอินเทอร์เน็ต** (Telematic Service) พร้อมแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตภายในรถ ระยะเวลา 3 ปี สำหรับรถยนต์ทุกรุ่น และระยะเวลา 5 ปี สำหรับ All New HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV และ New HAVAL H6 Hybrid SUV รุ่น ULTRA

•ฟรี GWM โฮมชาร์จเจอร์พร้อมติดตั้งสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า GWM ORA ทุกรุ่นและสำหรับ All New HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV ในระยะสายไฟยาวไม่เกิน 15 เมตร 1 ครั้ง จากตู้ควบคุมไฟฟ้าในบ้าน (ตู้เมน) (ไม่รวมแท่นชาร์จ หากต้องการติดตั้งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและผู้รับการติดตั้งต้องตรวจสอบและเตรียมมิเตอร์ไฟที่สามารถใช้กับโฮมชาร์จเจอร์ด้วยตนเอง) มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 60,000 บาท

รถยนต์ทุกคันของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ มาพร้อมการรับประกันคุณภาพรถใหม่ ครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร** (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดเป็นระยะเวลา 8 ปี ไม่จำกัดระยะทาง** สำหรับรถยนต์ไฮบริดทุกรุ่น รวมถึง การรับประกันแบตเตอรี่ เป็นระยะเวลา 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร** (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) สำหรับ All New GWM HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV, GWM New ORA Good Cat, GWM New ORA Good Cat รุ่น GT และ GWM ORA 07

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและดีไซน์ แต่ยังมอบข้อเสนอสุดพิเศษให้คุณได้เป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานใหม่คุณภาพสูงในราคาที่คุ้มค่า โปรโมชันสุดพิเศษขนาดนี้ อย่าพลาดโอกาสดีๆ ในการเป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานใหม่ด้วยนวัตกรรมยานยนต์ล้ำสมัยจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่ของคุณ เพียงแค่ลงทะเบียน และวางเงินมัดจำเพื่อรับข้อเสนอพิเศษได้ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2567 ถึง 31 สิงหาคม 2567 ผ่านช่องทาง GWM Application หรือเว็บไซต์ https://www.gwm.co.th และโชว์รูม เกรท วอลล์ มอเตอร์ ทุกสาขาทั่วประเทศไทย และต้องรับรถยนต์ภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2567 เท่านั้น เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

* เนื่องจากสถานการณ์ดอกเบี้ยลอยตัวในปัจจุบัน บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษ เฉพาะเมื่อจองและส่งเอกสารทำสัญญาตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนดเท่านั้น หลังจากช่วงเวลาดังกล่าว อัตราดอกเบี้ยพิเศษจะเป็นไปตามที่บริษัทฯ และสถาบันการเงินที่ร่วมรายการกำหนด

** เงื่อนไขการให้บริการเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ดูรายละเอียดได้ที่ GWM Thailand – Service

เปิดจุดเด่น ORA 07 LONG RANGE ULTRA และ ORA 07 LONG RANGE ต่างตรงไหน..?

เปิดข้อสรุป 5 ความต่างของ ‘ORA 07 LONG RANGE ULTRA’ และ ‘ORA 07 LONG RANGE’ อัปเกรดสู่การขับขี่ที่เหนือกว่า ครบครันทั้งความสะดวกสบาย ความบันเทิงเต็มขั้น และความปลอดภัยขั้นสุด

กรุงเทพฯ 1 สิงหาคม 2567 – หลังจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) เปิดตัว ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA รถยนต์ไฟฟ้าสปอร์ตคูเป้สมรรถนะสูงอีกหนึ่งรุ่นออกมา ทำให้ ORA 07 ในปัจจุบันมีทั้งหมดถึง 3 รุ่น เพื่อเป็นทางเลือกที่หลากหลายและตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ใช้งาน ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นอย่าง ORA 07 รุ่น LONG RANGE ราคา 1,299,000 บาท สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความคุ้มค่าคุ้มราคากับระยะทางการขับขี่ที่ไกลถึง 640 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน NEDC) รุ่น LONG RANGE ULTRA ราคา 1,399,000 บาท สำหรับผู้ที่ชอบระยะทางการขับขี่ที่ไกลพร้อมความสะดวกสบายแบบจัดเต็มจากเทคโนโลยีล้ำสมัยต่างๆ และรุ่น PERFORMANCE ในราคา 1,499,000 บาท สำหรับผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบสมรรถนะจากมอเตอร์คู่และต้องการไปสุดทุกทางแบบไร้ขีดจำกัด

สำหรับ ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA รถยนต์รุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวให้คนไทยได้สัมผัสกันนั้น มาจากกลยุทธ์การยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง (User-centric) ที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ รับฟังเสียงของผู้บริโภคเพื่อนำมาพัฒนารถยนต์รุ่นนี้ออกมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการอ็อปชันล้นแต่ยังต้องการระยะทางการขับขี่ที่ไกล โดยมี 5 ความต่างที่อัปเกรดจากรุ่น LONG RANGE เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การขับขี่ที่สนุก โดดเด่น และแตกต่างอย่างมีสไตล์

•รถติดหรือขับทางไกลก็ไม่หวั่นกับความผ่อนคลายขั้นสุดจากเบาะนั่งสุดอัจฉริยะเหนือใคร

เทคโนโลยีเบาะนั่งสุดล้ำจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่จะทำให้ลืมภาพการขับขี่ในอดีตที่ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารเกิดความเมื่อยล้าเมื่อต้องนั่งภายในรถเป็นเวลานานเนื่องจากสถานการณ์รถติดหรือการขับขี่ระยะทางไกล ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA จึงเพิ่มความสะดวกสบายขั้นสุดด้วยเบาะนั่งคนขับพร้อมระบบจดจำตำแหน่งอย่าง Memory Seat และ Welcome Seat อำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่ในการขึ้นและลงจากรถได้เป็นอย่างดี เบาะนั่งคนขับและผู้โดยสารด้านหน้ามาพร้อมระบบระบายอากาศ ที่จะทำให้รู้สึกสบายและผ่อนคลายเมื่อร่างกายได้สัมผัสกับพื้นผิวของเบาะขณะนั่งตลอดทั้งเส้นทาง อีกทั้งยังมีระบบเบาะนวดไฟฟ้า ลดความปวดเมื่อยและสร้างความเพลิดเพลินและผ่อนคลายไปในตัวได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องนั่งภายในรถเป็นเวลานาน นอกจากนี้ อำนวยความสะดวกไปอีกขั้นกับเบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลังไฟฟ้า เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าสามารถปรับไฟฟ้าได้ถึง 4 ทิศทาง เพิ่มความสบายในการปรับเบาะนั่งให้เข้ากับสรีระและวิสัยทัศน์ขณะเดินทางให้ได้มากที่สุด เพิ่มความสะดวกสบายได้อย่างตรงจุดและตรงใจในทุกมิติ

•ครบครันด้วยความบันเทิงแบบขั้นสุดกับ Infotainment สุดล้ำ ให้ทุกการเดินทางมีแต่เรื่องราวของความสนุก

พร้อมเข้ามาเปลี่ยนทุกๆ การเดินทางให้ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป ด้วยระบบความบันเทิงของ ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA เพิ่มความสนุกและความล้ำยิ่งกว่าเคย ด้วยลำโพง Infinity จำนวน 11 ตัว พร้อมระบบแอมพลิฟายเออร์อิสระที่ให้คุณภาพเสียงระดับสูง มอบประสบการณ์ความบันเทิงกระตุ้นโสตประสาทแบบรอบทิศทาง อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามความเร็ว ทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารเพลิดเพลินไปกับเสียงดนตรีได้อย่างไม่มีสะดุด ลื่นไหล เพิ่มความสนุกในทุกการเดินทาง นอกจากนี้ ยังเพิ่มฟังก์ชันหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกด้านหน้า (Head-up display) ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถดูข้อมูลได้โดยไม่ต้องละสายตาจากถนนและช่วยให้ไม่เสียสมาธิในการขับขี่ โดยช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้อย่างมากอีกด้วย

•แม้จะช็อปปิงจนของล้นมือก็หมดห่วง กับประตูท้ายเปิด-ปิดไฟฟ้าพร้อมระบบแฮนด์ฟรี

ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA ยังมีเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ให้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น กับประตูท้ายเปิด-ปิดไฟฟ้าพร้อมระบบแฮนด์ฟรี ซึ่งจะทำให้ผู้ขับขี่หมดห่วงหากช็อปปิงจนของล้นมือ หรือสัมภาระเยอะจากการทำงาน จนทำให้ไม่สามารถใช้มือเปิดประตูท้ายรถได้ เพียงแค่ยกเท้าผ่านระบบเซนเซอร์ใต้กันชนท้าย ประตูท้ายรถก็จะทำการเปิดโดยอัตโนมัติในทันทีในระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที หมดปัญหาและตอบโจทย์ผู้ใช้งานทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งสายช็อป สายเที่ยว หรือสายงานล้นมือ

•อัปลุคเอาใจสายสปอร์ต เพิ่มความโดดเด่นด้วยสปอยเลอร์หลังไฟฟ้าสุดไฮเทค

ORA 07 ทุกรุ่นยังคงเน้นดีไซน์สปอร์ตคูเป้ ออกแบบให้โฉบเฉี่ยว โดดเด่นเหนือใคร โดย ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA มีความแตกต่างแบบเฉพาะด้านไม่เหมือนใคร ในด้านความปราดเปรียวด้วยสปอยเลอร์หลังไฟฟ้า ที่ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ดีไซน์ของรถมีความเป็นเอกลักษณ์ ผสมผสานความสปอร์ตและความสง่างามได้อย่างลงตัว แต่ยังช่วยเพิ่มแรงกดที่ส่วนท้ายของรถ ทำให้รถสามารถยึดเกาะถนนได้เป็นอย่างดี สร้างความสมดุลและความปลอดภัยให้กับรถในขณะที่มีการขับขี่ด้วยความเร็วสูง นอกจากนี้สปอยเลอร์หลังไฟฟ้ายังมาพร้อมกับฟังก์ชันเปิด-ปิดอัตโนมัติ ที่สามารถตั้งให้เปิดเมื่อปลดล็อกรถ หรือเมื่อความเร็วถึง 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพิ่มความปลอดภัยและความมั่นใจให้แก่ผู้ขับขี่ถึงแม้จะขับขี่ด้วยความเร็วสูง

เซนเซอร์กะระยะด้านหลัง 6 จุด        

กล้องแสดงภาพ รอบทิศทาง 360 องศา

ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (IIP)

ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA)

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent ACC)

•ปลอดภัย สะดวกสบายขั้นสุดกับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัยสุดล้ำ

เพราะความปลอดภัยในทุกการเดินทาง คือสิ่งสำคัญอันดับแรกที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ มุ่งมั่นพัฒนา ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA ได้เพิ่มฟังก์ชันด้านความปลอดภัย หมดกังวลในทุกการเดินทาง ทั้งการเพิ่มเซนเซอร์กะระยะด้านหน้าและด้านหลังเป็น 6 ตำแหน่ง รวม 12 ตำแหน่ง ที่จะช่วยให้การประมวลผลข้อมูลของรถยนต์ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของรถมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น ช่วยแจ้งเตือนเมื่อตำแหน่งรถอยู่ในสภาวะเสี่ยง และระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA – Auto Reversing Assistance) หมดห่วงเรื่องการลืมเส้นทางหรือการขับขี่ที่ต้องการถอยหลังกลับมา เช่น ทางตัน เป็นต้น เพราะระบบจะช่วยจดจำเส้นทางเมื่อรถขับเคลื่อนด้วยความเร็วต่ำกว่า 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และจะสามารถถอยหลังกลับได้โดยอัตโนมัติในระยะ 50 เมตร รวมถึงระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IIP – Integration Intelligent Parking) โดยออกแบบให้ตรวจจับวัตถุและเส้นบริเวณช่องจอดหรือจุดจอดรถ เมื่อผู้ขับขี่ระบุช่องจอด รถจะทำการจอดให้เองโดยอัตโนมัติ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถจอดรถในพื้นที่ที่ไม่คุ้นเคย รวมถึงพื้นที่จำกัดในเมืองได้อย่างง่ายดายและปลอดภัยอีกด้วย

นี่คือบทสรุป 5 ความต่างของรถยนต์ไฟฟ้าสปอร์ตคูเป้ ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA ที่มีการอัปเกรดและเพิ่มเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยแบบเต็มพิกัดจากรุ่น LONG RANGE ให้เทียบเท่ารุ่น PERFORMANCE พร้อมสีภายนอก 2 สี ได้แก่ สีขาว (Jade White) และสีเทา (Amethyst Grey) ที่ไม่ว่าจะผู้ขับขี่จะเป็นใคร หรือเพศไหน ต่างยอมรับว่าเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เติมเต็มไลฟ์สไตล์ และช่วยมอบลุคพรีเมียมที่ใครๆ ต้องมองแทบเหลียวหลัง

โดย ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA จำหน่ายแล้วในราคา 1,399,000 บาท มาพร้อมกับโปรโมชันสุดพิเศษมากมายจากทาง เกรท วอล มอเตอร์ ระยะเวลาโปรโมชันตั้งแต่ 1 – 31 สิงหาคม 2567 รวมมูลค่าสูงสุดถึง 180,000 บาท ได้แก่

•ดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% เมื่อดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน* มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 62,000 บาท

•ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง นาน 1 ปีเต็ม มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท (ข้อกำหนดและเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด)

•ฟรี GWM โฮมชาร์จเจอร์ พร้อมติดตั้งในระยะสายไฟยาวไม่เกิน 15 เมตร 1 ครั้ง จากตู้ควบคุมไฟฟ้าในบ้าน (ตู้เมน) (ไม่รวมแท่นชาร์จ) มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 60,000 บาท

•ฟรี ค่าอะไหล่และค่าแรงบำรุงรักษาตามระยะทาง (GWM Pro Service Inclusive – GPSI) สูงสุดไม่เกิน 5 ครั้ง ภายในระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 75,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน และไม่รวมอะไหล่สิ้นเปลือง) มูลค่า 13,000 บาท**

•ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 5 ปี มูลค่า 10,000 บาท**

•ฟรี บริการระบบตรวจสอบและสั่งการรถผ่านอินเทอร์เน็ต* (Telematic Service) พร้อมแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตภายในรถ (Internet in Vehicle) ระยะเวลา 3 ปี มูลค่า 10,500 บาท

•ฟรี ม่านบังแดดหลังคา GWM มูลค่า 1,200 บาท

•ฟรี กรอบป้ายทะเบียนและพรม GWM มูลค่ารวม 2,000 บาท

•ด้านการรับประกันคุณภาพ ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA มาพร้อมการรับประกันคุณภาพรถใหม่ ครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร** (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และการรับประกันแบตเตอรี่ EV เป็นระยะเวลา 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร** (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

* เนื่องจากสถานการณ์ดอกเบี้ยลอยตัวในปัจจุบัน บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษ เฉพาะเมื่อจองและส่งเอกสารทำสัญญาตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนดเท่านั้น หลังจากช่วงเวลาดังกล่าว อัตราดอกเบี้ยพิเศษจะเป็นไปตามที่บริษัทฯ และสถาบันการเงินที่ร่วมรายการกำหนด

** เงื่อนไขการให้บริการเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ดูรายละเอียดได้ที่ GWM Thailand – Service

###

ข้อมูลผลิตภัณฑ์ของ ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA

ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA รถยนต์ไฟฟ้าสปอร์ตคูเป้สมรรถนะสูงที่ถูกอัปเกรดขึ้นจาก ORA 07 รุ่น LONG RANGE มาพร้อมเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ที่แข็งแกร่งเหนือชั้น เหนือกว่าในทุกการขับขี่ ร่วมกับรูปร่างซูเปอร์สตรีมไลน์ที่ครองใจชาวไทยมาแล้วทั่วประเทศ เปรียบเสมือนผลงานศิลปะชิ้นเอกที่โลดแล่นอยู่บนท้องถนน สะกดทุกคู่สายตาสมกับคำนิยาย “More Than Stunning” กับดีไซน์ภายนอกที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความพลิ้วไหวของสายน้ำ กระจังหน้าที่มีความวับวาวยามแสงตกกระทบ ความโค้งมนรอบตัวรถมอบความรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวของธรรมชาติและความนิ่งสงบ นอกจากนี้ ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA ยังมาพร้อมกับดีไซน์ภายในที่ถูกออกแบบให้มีความสง่างามผสมผสานกับความทันสมัยได้อย่างลงตัว รวมถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมสุดล้ำมากมายที่จะเข้ามามอบประสบการณ์อันสมบูรณ์แบบให้คนไทยได้สัมผัส ตอบสนองทุกความต้องการด้านการขับขี่ที่มีความหลากหลายได้อย่างครบครับ สู่การปลุกกระแสวงการยานยนต์ไฟฟ้าในไทยให้กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง

รุ่นและสีรถยนต์

•ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA

●สีรถภายนอก : มีด้วยกันทั้งหมด 2 สี ได้แก่ ขาว (Jade White) และเทา (Amethyst Grey)

●สีรถภายใน : สีดำ

สมรรถนะ ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA

•ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 150 กิโลวัตต์ หรือ 204 แรงม้า แรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 340 นิวตัน-เมตร วิ่งได้ระยะสูงสุด 640 กิโลเมตร (NEDC Standard)

โครงสร้าง ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA

เสา A และ B ซึ่งภายในของเสา B จะรวมเอาวัสดุคอมโพสิตที่เสริมด้วยไฟเบอร์เข้าไว้ด้วยกัน ช่วยให้มั่นใจถึงความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพการโค้งงอที่ยอดเยี่ยม ปกป้องความปลอดภัยของผู้โดยสารจากการกระแทกจากด้านหน้า ด้านข้าง และหลังคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การออกแบบภายนอก (Exterior Design)

ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA เป็นรถซีดานที่สรรค์สร้างมาด้วยรูปร่างซูเปอร์สตรีมไลน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการไหลของน้ำที่มีความงดงาม ตามปรากฏการณ์ธรรมชาติ “การไหลแบบลามินาร์” ซึ่งเมื่อน้ำนิ่งพบกับก้อนกรวดหินในลำธาร มันจะไม่เกิดการชนกัน แต่จะโอบอุ้มหินเหล่านั้นด้วยความอ่อนโยนและนุ่มนวล

•ดีไซน์ด้านหน้า ใช้การออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ของรถซูเปอร์คาร์เพื่อเพิ่มแรงกด ฝากระโปรงหน้าทรงหยดน้ำที่เว้าลงและนูนขึ้นทั้งสองด้าน เมื่อรวมกับไฟหน้าทรงกลมแบบเรโทรทำให้เกิดเป็นความสปอร์ตอย่างเต็มพิกัด

•ไฟหน้า Intelligent LED ทรงกลมดีไซน์โดดเด่น ให้ความสว่างชัดเจน เพื่อความปลอดภัยในทุกเส้นทางด้วยระบบอัจฉริยะ เช่น ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ และฟังก์ชันหน่วงเวลาไฟส่องทางหลังดับเครื่อง

(Follow Me Home) พร้อม Daytime Running Light และไฟตัดหมอกหลัง LED

•ดีไซน์ด้านข้าง ได้รับการออกแบบให้หน้าต่างด้านข้างโค้งสูง มีเส้นโดยรอบทั้งคัน เน้นความหรูหราและความสปอร์ตเร้าใจ มาพร้อมหน้าต่างไร้กรอบที่เป็นกระจกแบบ 2 ชั้น (กระจกข้างคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า) เพื่อช่วยในเรื่องการซับเสียง โดยจะเลื่อนลงเมื่อเปิดประตู และเลื่อนปิดโดยอัตโนมัติเมื่อปิดประตู เพิ่มความสปอร์ตไปอีกขั้น

•ดีไซน์ด้านหลัง ถูกออกแบบด้วยดีไซน์ Slip-Back ทำให้ตัวรถดูสปอร์ตขึ้น ด้วยรูปทรงที่ดูเพรียวบางจะช่วยลดแรงต้านลมและช่วยเสริมสมรรถนะของรถยนต์ ซุ้มล้อที่ยื่นออกมาเสริมให้ตัวรถดูหรูหราและมีมิติมากขึ้น เพิ่มความรู้สึกแข็งแกร่ง สปอยเลอร์ไฟฟ้ายังมาจากการออกแบบของรถสปอร์ต ผสานกับรูปทรงด้านหลังที่โค้งมนอย่างลงตัว ให้ความรู้สึกของเทคโนโลยีอันล้ำสมัย แต่ยังคงความอ่อนเยาว์ไว้ได้อย่างชัดเจน

•ไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์โดดเด่นสะดุดตามาในรูปทรงวงรี ให้ความหรูหราและความสปอร์ตในเวลาเดียวกัน

•หลังคาแก้วแบบพาโนรามิคขนาดใหญ่ (Panoramic Glass Roof) หลังคากระจกยาวตั้งแต่ด้านหน้าจรดท้าย ทำให้ภายในห้องโดยสารดูโปร่ง และกว้างขวางขึ้น ประกอบกับตัวหลังคาเป็นกระจกที่ช่วยลดแสงและความร้อน

•สปอยเลอร์ไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชันเปิด-ปิดอัตโนมัติที่สามารถตั้งให้เปิดเมื่อปลดล็อกรถ หรือเมื่อความเร็วถึง 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

•ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว มาพร้อมยางขนาด 235/50 R18 ล้อสปอร์ต ลาย double spoke

•มิติตัวรถขนาดกว้างขวาง ถูกออกแบบด้วยลายเส้นโค้งที่พลิ้วไหว รวมความอิสระ ความสมบูรณ์ ที่มีมิติและสง่างามสร้างความเพลิดเพลินในการขับขี่รวมกับความงดงามที่สมดุลกับความสปอร์ต ความหรูหราและความทรงพลังอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยมิติตัวรถ 1,862 x 4,871 x 1,500 มม. (กว้าง x ยาว x สูง) ระยะฐานล้อ 2,870 มม. ระยะความสูงใต้ท้องรถ (Ground Clearance) 125 มม. การออกแบบระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สัน และระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงก์ ให้การขับขี่ที่ยึดเกาะถนนและนั่งสบายเพื่อตอบสนองการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมือง ตอบโจทย์ความต้องการของทุกคนในครอบครัว

การออกแบบภายใน (Interior Design)

ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA ได้รับการตกแต่งภายในเป็นแบบเรโทรที่แฝงความลักซ์ชัวรี และรูปทรงปราดเปรียวสง่างามแต่ยังมีความน่ารัก การผสมผสานระหว่างเส้นโค้งและเหลี่ยมมุมได้อย่างสมบูรณ์ พร้อมมอบความสุนทรีย์ในทุกช่วงเวลาการขับขี่ด้วยลำโพง Infinity และการตกแต่งห้องโดยสารด้วย Ambient Light แบบ Super I Space และวัสดุสีเงิน ดำ (Silver, Black)

•การเชื่อมต่อของหน้าจอทั้ง 3 ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและปลอดภัย

oหน้าจอกลางอัจฉริยะแบบสัมผัส ขนาด 12.3 นิ้ว รองรับความบันเทิงแบบ Wireless ได้ทั้ง Apple CarPlay, Android Auto, MP5, Bluetooth, ระบบนำทาง, และแสดงข้อมูลการขับขี่ต่างๆ

oหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัล ขนาด 10.25 นิ้ว

oหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกด้านหน้า (Head-up display)

•ระบบความบันเทิงพร้อมลำโพง Infinity จำนวน 11 ตัว พร้อมระบบแอมพลิฟายเออร์อิสระ และระบบปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามความเร็วรถ ให้คุณภาพเสียงระดับสูง เพิ่มความสนุกในทุกการเดินทาง

•พวงมาลัยปรับแบบ 4 ทิศทาง เพิ่มความสะดวกสบายและคล่องตัวในการขับขี่ พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงและสวิตช์ควบคุมจอแสดงข้อมูลการขับขี่

•ไฟตกแต่งห้องโดยสาร พร้อมฟังก์ชันแบบหลายสีและเป็นจังหวะ ช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารให้เพลิดเพลินในทุกการขับขี่และการผจญภัย

•เบาะนั่งไฟฟ้าคู่หน้า พร้อมระบบเบาะนวดไฟฟ้า ระบบระบายอากาศ เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง และระบบดันหลังปรับด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบ Memory Seat และระบบ Welcome Seat เพื่อความสะดวกสบายในการขึ้น-ลงจากรถ เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง

•เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 มาพร้อมที่พักแขนตอนกลาง ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง พร้อมช่องเสียบ USB A และ USB C

•พื้นที่ห้องโดยสารอเนกประสงค์ มีพื้นที่เก็บของมากมาย ตอบสนองความต้องการในการจัดเก็บสิ่งของของผู้ใช้งานเป็นอย่างดี ทั้งกล่องใส่แว่นตาที่อยู่บนเพดานด้านหน้า พื้นที่จัดเก็บที่หลากหลาย บริเวณแผงคอนโซลกลางที่สามารถใส่ของใช้ส่วนตัว พร้อมกับที่วางแก้วน้ำ และบริเวณด้านข้างประตูยังมีช่องเก็บของสำหรับวางขวดน้ำ ร่ม และสิ่งของอื่น ๆ ในขณะที่ด้านหลังเบาะนั่งด้านหน้ามีกระเป๋าเก็บของ มอบความสะดวกสำหรับผู้โดยสารในการเก็บของและง่ายต่อการหยิบใช้ ยิ่งไปกว่านั้น เบาะผู้โดยสารด้านหลังสามารถพับเบาะแยกได้แบบ 60:40 ช่วยเพิ่มพื้นที่สำหรับเก็บสัมภาระด้านหลังได้

•แผงควบคุมที่คอนโซลกลาง พร้อมฟังก์ชันควบคุมการขับขี่ ช่วยให้การปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ทั้ง 5 โหมดเป็นไปอย่างง่ายดาย ได้แก่ โหมดประหยัด โหมด WELL BEING โหมดปกติ โหมดสปอร์ต และโหมดส่วนบุคคล

•เกียร์แบบ Electronic Shifter ก้านเปลี่ยนเกียร์ไฟฟ้าด้านหลังพวงมาลัย

•ระบบ Intelligent Quick Start System เพิ่มความสะดวกสบาย ให้พร้อมออกเดินทางทันทีเมื่อขึ้นมานั่งที่เบาะคนขับ คาดเข็มขัดนิรภัย และเหยียบเบรก

•ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อม PM2.5 filter

•ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ช่วยให้การชาร์จสมาร์ตโฟนสะดวกและรวดเร็ว (50W)

ฟังก์ชันอัจฉริยะ (Intelligent Functions)

•การอัปเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA) ระบบดังกล่าวมาพร้อมกับความสามารถในการอัปเกรดเฟิร์มแวร์สำหรับการควบคุมระบบขับเคลื่อน ระบบส่งกำลัง ระบบการขับขี่อัจฉริยะต่างๆ รวมถึงระบบ Infotainment และระบบควบคุมอื่นๆ ภายในรถยนต์ได้อย่างง่ายดาย

•การสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Command) มีความสามารถในการจดจำเสียงได้เป็นอย่างดี จึงสามารถช่วยลดการใช้งานจากการกดปุ่ม เป็นการเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ โดยผู้ขับขี่สามารถสั่งการและโต้ตอบด้วยเสียงเพื่อใช้งานฟังก์ชันต่างๆ รวมไปถึงการเข้าถึงระบบเอนเทอร์เทนเมนต์ภายในรถ

•GWM Application ระบบที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมและเชื่อมต่อฟังก์ชันของรถยนต์ได้ แม้ผู้ขับขี่จะอยู่ในระยะที่ไกลจากตัวรถ เช่น การควบคุมระบบปรับอากาศ การล็อกและปลดล็อกประตู การค้นหารถยนต์ การปิดหน้าต่าง การควบคุมระบบการระบายอากาศของเบาะ การแสดงตำแหน่งรถยนต์ และระบบตรวจสอบสถานะอื่นๆ

•Intelligent One Pedal เทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะผู้ขับขี่สามารถเร่งหรือชะลอความเร็วได้เพียงคันเร่งเดียว

ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัย

ORA 07 รุ่น LONG RANGE ULTRA มาพร้อมเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยให้คุณและครอบครัวเดินทางอย่างปลอดภัยไร้กังวล

•ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent ACC) มาพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS ช่วยควบคุมในช่วงความเร็วเต็มพิกัดที่กำหนดไว้ รวมถึงการหยุดและรีสตาร์ทกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้า เมื่อระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ทำงาน กล้องจะทำการตรวจสอบความโค้งของถนน และความเร็วจะถูกปรับอัตโนมัติหากจำเป็นต้องลดความเร็วในขณะเข้าโค้งเพื่อความปลอดภัย และเมื่อผ่านโค้งไปแล้วรถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่ตั้งไว้

•ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) เป็นระบบควบคุมความเร็ว ที่ช่วยควบคุมรถให้ติดตามรถด้านหน้า หรือขับต่อไปด้วยความเร็วคงที่เพื่อลดภาระของผู้ขับขี่

•ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IIP) ใช้เซนเซอร์และกล้องในการตรวจสอบเพื่อตรวจจับวัตถุและเส้นบริเวณช่องจอดหรือจุดจอดรถ และช่วยทำงานอย่างเต็มรูปแบบเพื่อเข้าจอด ทั้งแนวตรง แนวจอดเทียบข้าง และแนวเฉียง โดยเมื่อระบุช่องว่างที่จะนำรถเข้าจอดแล้ว รถจะทำการจอดด้วยตัวเองด้วยการควบคุมพวงมาลัย เบรก และคันเร่ง

•ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA) ในขณะที่ขับรถต่ำกว่า 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบจะบันทึกเส้นทางและสามารถถอยหลังกลับได้ในระยะ 50 เมตรโดยอัตโนมัติ ในเส้นทางที่ถูกบันทึกไว้

•กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ประกอบไปด้วยกล้องที่มองได้รอบ 4 ตัว มีความละเอียดคมชัด 4 Megapixel โดยระบบจะรวมเอามุมมองภาพทั้ง 4 กล้องมาสร้างภาพที่มีมุมมอง 360 องศา เพื่อแสดงให้เห็นมุมมองของรถจากมุมบน ระบบทำงานอัตโนมัติเมื่อเข้าสู่โหมดการถอยหลัง โดยสามารถดูได้เมื่อขับรถที่ความเร็ว 15 หรือ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และตอนสตาร์ทรถ

•ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) ช่วยตรวจจับรถยนต์ทั้งทางตรงและทางแยก เมื่อเสี่ยงต่อการชน ระบบจะส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียงและการเบรกอัตโนมัติ ช่วยหลีกเลี่ยงการชนหรือลดแรงกระแทก

•ระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA&RCTB) เซนเซอร์ช่วยตรวจสอบจุดอับสายตาด้านหลังของตัวรถทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของช่องทางเดินรถในขณะถอยหลัง เมื่อกำลังถอยหลังออกจากช่องจอด เซนเซอร์หลังของรถจะทำการเช็กด้านซ้ายและขวาของช่องจราจร และส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียง หากผู้ขับขี่ยังเพิกเฉย ไม่หยุดรถ ระบบเบรกอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉินจะเริ่มทำงานเพื่อหลีกเลี่ยงการชน

•เซนเซอร์กะระยะ 6 จุดด้านหน้า และ 6 จุดด้านหลัง

•ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) โดยระบบจะตรวจสอบรถบรรทุกขนาดใหญ่หรือรถที่มีขนาดยาว ในระหว่างการแซง ระบบจะรักษาช่องว่างระหว่างรถตามระยะที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และกลับสู่เลนเดิมอัตโนมัติ

•ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ระบบตรวจจับเส้นถนนและช่วยประคองพวงมาลัยให้รถอยู่ในเลน

•ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ระบบตรวจจับเส้นถนนและช่วยแจ้งเตือนเมื่อรถกำลังออกนอกเลน

•ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ระบบตรวจจับเส้นถนนและช่วยประคองรถให้อยู่กึ่งกลางเลน

•ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) โดยหากมีการตรวจสอบพบรถอีกคันกำลังแล่นมา หรือมีรถแซงขึ้นมาจากอีกเลนหนึ่ง ระบบจะทำการแทรกแซงการทำงานมากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดการชน

•ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 (SCM) โดยรถจะพยายามรักษาเสถียรภาพเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน

•ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) เมื่อออกจากจุดที่หยุดนิ่งบนเนินสูงชัน เบรกจะยังคงค้างอยู่ราว 2 วินาที จนกระทั่งคันเร่งทำงานเพื่อป้องกันการถอยหลัง

•ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW) หลังจากจอดรถยนต์แล้ว ระบบจะแจ้งเตือนหากระบบตรวจพบเป้าหมายที่เสี่ยง

•ต่อการชนหากเปิดประตูรถยนต์ระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS) โดยรถจะทำการวัดแรงดันลมยางอย่างต่อเนื่องและเตือนผู้ขับขี่หากมีแรงดันลมยางล้อใดลดลง

การเปรียบเทียบข้อมูลจำเพาะระหว่างรุ่น LONG RANGE, LONG RANGE ULTRA และรุ่น PERFORMANCE

 รุ่น LONG RANGEรุ่น LONG RANGE ULTRAรุ่น PERFORMANCE
กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด150 กิโลวัตต์ (204 แรงม้า)150 กิโลวัตต์ (204 แรงม้า)300 กิโลวัตต์ (408 แรงม้า)
แรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด340 นิวตัน-เมตร340 นิวตัน-เมตร680 นิวตัน-เมตร
ระยะทางวิ่งสูงสุด (NEDC Standard)640 กิโลเมตร640 กิโลเมตร550 กิโลเมตร
การขับแบบ 4 ล้อ (4WD)l
ขนาดล้อและยางล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว
 ยางขนาด 235/50 R18
ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว
 ยางขนาด 235/50 R18
ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว
 ยางขนาด 235/45 R19
ที่จับประตูเปิดอัตโนมัติแบบไฟฟ้าlll
เซนเซอร์กะระยะหน้าและหลังด้านหน้า 4 ตำแหน่ง ด้านหลัง 4 ตำแหน่งด้านหน้า 6 ตำแหน่ง ด้านหลัง 6 ตำแหน่งด้านหน้า 6 ตำแหน่ง ด้านหลัง 6 ตำแหน่ง
หลังคาแบบ Panoramic Glass Rooflll
เบาะนั่งคนขับพร้อมระบบ Memory Seat และ Welcome Seatll
เบาะนั่งคนขับและผู้โดยสารด้านหน้าพร้อมระบบระบายอากาศll
เบาะนั่งคนขับและผู้โดยสารด้านหน้าพร้อมระบบเบาะนวดไฟฟ้าll
เบาะนั่งคนขับ ปรับไฟฟ้า6 ทิศทาง6 ทิศทาง6 ทิศทาง
เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้า ปรับไฟฟ้า4 ทิศทาง4 ทิศทาง
หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกด้านหน้าll
จำนวนลำโพง11 ตำแหน่งInfinity® 11 ตำแหน่งInfinity® 11 ตำแหน่ง
ประตูท้ายเปิด-ปิดไฟฟ้าพร้อมระบบแฮนด์ฟรีll
สปอยเลอร์หลังไฟฟ้าll
ระบบจ่ายกระแสไฟ (V2L)lll
ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IIP)ll
ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA)ll
ราคา1,299,000 บาท1,399,000 บาท1,499,000 บาท

NETA จัดแคมเปญ “NETA V-II Festival” ส่วนลดสูงสุด 120,000 บาท

NETA มอบข้อเสนอสุดคุ้มสำหรับลูกค้า NETA V-II รับส่วนลดสูงสุด 120,000 บาท ด้วยแคมเปญ “NETA V-II Festival” เฉพาะลูกค้าที่จองและรับรถตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม ถึง 30 กันยายนนี้เท่านั้น

NETA จัดโปรโมชั่นสุดพิเศษต้อนรับครบรอบ 2 ปีในประเทศไทย ภายใต้แคมเปญ “NETA V-II Festival” มอบส่วนลดสูงสุด 120,000 บาท พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับลูกค้าที่สนใจ NETA V-II ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม ถึง 30 กันยายน 2567 นี้เท่านั้น สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ผู้จำหน่าย NETA ทั่วประเทศ  หรือพบกันในงาน BIG MOTOR SALE และงาน NETA Roadshow ตลอดเดือนสิงหาคม 2567 นี้

มร.ชู กังจื้อ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่าในเดือนสิงหาคมนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่ NETA ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยครบรอบ 2 ปี ทั้งนี้เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าคนไทยที่ให้ความไว้วางในแบรนด์ NETA รวมไปถึงสานต่อพันธกิจหลักของ NETA ในการเป็นผู้สรรสร้างนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ และสร้างการเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างเท่าเทียมสําหรับทุกคน บริษัทฯ จึงได้จัดทำข้อเสนอพิเศษด้วยแคมเปญ “NETA V-II Festival” เพื่อให้ลูกค้าคนไทยได้เป็นเจ้าของ NETA V-II รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% สไตล์ City Car ซึ่งเป็นรถรุ่นแรกที่ผลิตจากโรงงาน NETA ในประเทศไทย โดยรถรุ่นดังกล่าวมาพร้อมแนวคิด “Smart & Play” ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบาย ด้วยฟังก์ชันอัจฉริยะ และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัยที่ครบครัน โดยผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลรวมไปถึงทดลองขับได้ที่ผู้จำหน่าย NETA ซึ่งปัจจุบันมีอยู่กว่า 50 แห่งทั่วประเทศ หรือในงาน NETA Roadshow ตลอดเดือนสิงหาคมนี้

ข้อเสนอพิเศษ “NETA V-II Festival”

สำหรับผู้ที่จองและรับรถ NETA V-II ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม – 30 กันยายน 2567 และรับรถยนต์ภายในวันที่ 26 กรกฎาคม – 30 กันยายน 2567

รับส่วนลดสูงสุด 120,000 บาท

NETA V-II รุ่น Lite รับส่วนลด 120,000 บาท จากราคาปกติ 549,000 บาท

NETA V-II รุ่น Smart รับส่วนลด 110,000 บาท จากราคาปกติ 569,000 บาท

•ฟรี! เครื่องชาร์จ NETA WALLBOX พร้อมค่าติดตั้ง จำนวน 1 ชุด

•ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. คุ้มครอง 1 ปี

•ฟรี! รับประกันมอเตอร์และแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

•ฟรี! รับประกันคุณภาพรถยนต์ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

•ฟรี! ค่าแรงและค่าอะไหล่รถยนต์เมื่อเช็คระยะครั้งแรกที่ 5,000 กิโลเมตร หรือ 6 เดือน(แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

•ฟรี! ชุดพรมปูพื้น

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนเปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ผู้จำหน่าย NETA ทั่วประเทศ  หรือ ชมและทดลองขับ NETA V-II ได้ที่งาน BIG MOTOR SALE หรือในงาน NETA Roadshow ตลอดเดือนสิงหาคม 2567 นี้

•Central พิษณุโลก                     วันที่ 12-18 สิงหาคม 2567

•Central ชลบุรี                           วันที่ 16-22 สิงหาคม 2567

•งาน BIG MOTOR SALE          วันที่ 23 สิงหาคม – 1 กันยายน 2567

•Central อุดรธานี                       วันที่ 23 สิงหาคม – 1 กันยายน 2567

•แฟชั่นไอส์แลนด์                        วันที่ 30 สิงหาคม – 8 กันยายน 2567

NETA V-II” SMART & PLAY สมาร์ตให้สุด สนุกให้เหนือใคร” 

NETA V-II รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% สไตล์ City Car มาพร้อมแนวคิด “SMART & PLAY” “สมาร์ตให้สุด สนุกให้เหนือใคร” ลงตัวกับทุกไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ด้วยดีไซน์โฉบเฉี่ยว พร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครันยิ่งขึ้น พร้อมระบบความปลอดภัยและช่วยในการขับขี่ให้ทุกการเดินทางเต็มไปด้วยความสนุกและมั่นใจ โดยมีให้เลือก 2 รุ่น คือ NETA V-II รุ่น LITE และ รุ่น SMART

NETA V-II ได้รับการออกแบบภายนอกที่ลงตัวตามหลักอากาศพลศาสตร์ พร้อมเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ภายในโดดเด่นด้วยหน้าจอ Infotainment ระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 14.6 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlayTM พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบดิจิตอล ขนาด 12 นิ้ว ระบบชาร์จมือถือแบบไร้สาย และกุญแจแบบสมาร์ทคีย์พร้อมระบบ Ride & Go ให้รถพร้อมสำหรับการขับขี่ทันทีที่เปิดประตูรถ

NETA V-II ให้สมรรถนะที่เพียงพอต่อการใช้งานด้วยมอเตอร์ขนาด 95 แรงม้า แรงบิด 150 นิวตัน-เมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ให้ระยะทางในการวิ่งสูงสุด 382 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟเต็มตามมาตรฐาน NEDC

สำหรับ NETA V-II รุ่น SMART เพิ่มความมั่นใจด้วยระบบช่วยในการขับขี่ ADAS รวม 8 ระบบ ได้แก่ ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบช่วยเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ รวมไปถึงระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน อีกทั้งยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ด้วยฟังก์ชัน V2L (Vehicle to Load) จ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า ด้วยกำลังสูงสุดถึง 3,300 วัตต์ พร้อมการติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และเทคโนโลยีความปลอดภัยอย่างครบครัน

NETA V-II มีสีมาตรฐานให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีขาว White Storm สีเทา Midnight Gray สีชานม Milk Tea สีฟ้า Baby Blue

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save