- Advertisement -
31.6 C
Bangkok
Home Blog Page 115

เมอร์เซเดส-เบนซ์์ เปิดตัว The new GLC

เมอร์เซเดส-เบนซ์์ เปิดตัว The new GLC” ประเดิมส่ง GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic เขย่าตลาดปลั๊กอินไฮบริดด้วยเอสยูวีระดับลักชั่วรี่ ขับขี่ไฟฟ้าได้ไกล 120 กิโลเมตร เคาะราคา 4,180,000 บาท

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) โชว์ตัวเลขยอดขายและการเติบโตในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปี 2023 พร้อมเดินหน้าบุกตลาดครึ่งปีหลัง เริ่มด้วยการเผยโฉม The new GLC เอสยูวียอดนิยมของแบรนด์ที่เดินทางมาถึงเจเนอเรชั่นที่ 3 เปิดตัวรุ่นปลั๊กอินไฮบริด GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic ขึ้นไลน์ผลิตทำตลาดในประเทศแบบ Local production นำเสนอคอนเซ็ปต์ “READY FOR IT” ชูภาพยนตรกรรมเหนือระดับที่เหมาะกับคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิทัล โดดเด่นด้วยขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดที่พัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้นทั้งในด้านของสมรรถนะและระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้า สามารถทำระยะทางได้มากถึง 120 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP พร้อมติดตั้งเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัยมากมาย เสริมฟังก์ชั่นความปลอดภัยต่อยอดจุดแข็งด้านการเป็นยนตรกรรมรูปแบบเอสยูวีที่เหมาะกับการใช้งานและการขับขี่ทั้งในรูปแบบ On-Road และ Off-Road ตอกย้ำความสำเร็จด้วยยอดขายกว่า 2.6 ล้านคัน นับตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในตลาดโลก

มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2023 เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทำยอดขายรวมทั้งสิ้น 1,019,200 คันทั่วโลก มีอัตราการเติบโตที่ 5% โดยส่วนหนึ่งคือยอดขายในกลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทำตัวเลขสูงถึง 102,600 คัน เติบโตกว่า 121% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และสำหรับยอดขายในประเทศไทย มีการเติบโตกว่า 6% ปิดยอดจดทะเบียนครึ่งปีแรกได้กว่า 7,700 คัน เป็นผลมาจากการนำเสนอยนตรกรรมรุ่นใหม่ๆ ลงตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในการเดินหน้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าด้วยการเติมเต็ม EV Portfolio ในประเทศไทย ต่อเนื่องจาก 2 รุ่นแรกอย่าง EQS และ EQB เรามีแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% พร้อมกัน 2 รุ่น ในอีก 6 สัปดาห์นับจากนี้ และในปัจจุบัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดให้เครือข่ายผู้จำหน่ายฯ สามารถจำหน่ายและให้บริการรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ครอบคลุมมากกว่า 30 สาขาทั่วประเทศ ยกระดับความสะดวกสบายให้ลูกค้าทุกคนสามารถเป็นเจ้าของและเข้ารับบริการแบบครบวงจรได้ในทุกพื้นที่

นอกจากการนำเสนอรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังให้ความสำคัญกับรถยนต์พลังงานทางเลือกในรูปแบบปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนผ่านที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมเปลี่ยนจากรถยนต์สันดาปภายในมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% โดยรถปลั๊กอินไฮบริดเจเนเรชั่นใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ทำตลาดในประเทศไทย สามารถมอบระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้าได้มากกว่า 100 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะทางที่เพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันของคนไทย และสำหรับผู้ที่ขับขี่ระยะทางไกลก็ยังสามารถขับขี่ต่อเนื่องได้ด้วยเครื่องยนต์สันดาปโดยไม่ต้องกังวลในเรื่องระยะทางและการหาจุดชาร์จไฟฟ้าระหว่างทาง เช่นเดียวกับ The new GLC ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันนี้”

The new GLC เป็นอีกขั้นของยนตรกรรมเอสยูวีที่สืบทอดดีเอ็นเอมาจาก Mercedes-Benz GLK ที่เปิดตัวในปี 2008 ซึ่งถือเป็นเจเนอเรชั่นแรกของรถเอสยูวีขนาดกลางของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ก่อนที่จะต่อยอดมาเป็นเจเนอเรชั่นที่ 2 ในปี 2015 ภายใต้ชื่อ Mercedes-Benz GLC เอสยูวีที่ถูกพัฒนาและปรับโฉมให้มีทั้งความหรูหรา ความสปอร์ตและดีไซน์ที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยที่ยังคงจุดแข็งในด้านของการเป็นรถเอสยูวีที่เหมาะกับการขับขี่ทั้งในรูปแบบ On-Road และ Off-Road ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่และผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย จนทำให้ GLC ประสบความสำเร็จด้วยยอดขายรวมกว่า 2,600,000 คันทั่วโลก ขึ้นแท่นเป็นโมเดลที่ขายดีที่สุดตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และในปีนี้ The new GLC เจเนอเรชั่นที่ 3 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ด้วยขุมพลังแบบปลั๊กอินไฮบริด โดยขึ้นไลน์ผลิตในชื่อรุ่น “GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic”

มร. บีเยิร์น กุซเทรา รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “The new GLC โมเดลปี 2023 เป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 ในตระกูลเอสยูวีขนาดกลางของเมอร์เซเดส-เบนซ์ มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “READY FOR IT” วางกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิทัลที่มองหารถเอสยูวีระดับลักชัวรี่ พร้อมนำเสนอยนตรกรรมที่มีความเพียบพร้อมและสามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในชีวิตประจำวันหรือการขับขี่ระยะทางไกล ครอบคลุมทั้งรูปแบบ On-Road และ Off-Road โดยเปิดตัวในรุ่นปลั๊กอินไฮบริด GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ตามปรัชญาการออกแบบ Sensual Purity ผสานความสปอร์ตและความหรูหราอย่างลงตัว ติดตั้งเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดเจเนอเรชั่นที่ 4 ที่ยกระดับการทำงานร่วมกันของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำให้มีสมรรถนะที่ทรงพลังมากยิ่งขึ้น รวมถึงการใช้แบตเตอรี่แรงดันสูงที่มีความจุ 31.2 kWh ซึ่งสามารถมอบระยะทางการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ได้มากถึง 120 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP โดยเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดเจเนเรชั่นล่าสุดจะรองรับการชาร์จพลังงานไฟฟ้าทั้งแบบ DC Charge สูงสุด 60 kWh และ AC Charge สูงสุด 11 kWh นอกจากนี้ GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic ยังเปี่ยมด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัยทั้งในด้านของฟังก์ชันอำนวยความสะดวก ระบบการเชื่อมต่อและการสื่อสารที่เหนือระดับ ระบบความปลอดภัยขั้นสูง ที่ถูกติดตั้งมาอย่างครบครัน พร้อมให้ทุกคนเป็นเจ้าของหนึ่งในยนตรกรรมเอสยูวีที่ดีที่สุดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ”

รุ่นเครื่องยนต์ความจุแบตเตอรี่ (kWh)แรงม้ารวมสูงสุด
 (แรงม้า)
แรงบิดรวมสูงสุด (นิวตันเมตร)อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.
(วินาที)
ความเร็วสูงสุด (กม. / ชม.)
GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamicเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร / 4 สูบแถวเรียง / 4 วาล์วต่อสูบเทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์31.23135506.7218

GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic วางจำหน่ายในราคา 4,180,000 บาท

GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic เป็นหนึ่งในรุ่นที่เข้าร่วมโปรแกรมการขยายระยะเวลาการรับประกันคุณภาพของแบตเตอรี่แรงดันสูง (High Voltage Battery) ที่ติดตั้งในรถยนต์ประเภทปลั๊กอินไฮบริดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยรับประกันคุณภาพเป็นระยะเวลา 10 ปี แบบไม่จำกัดระยะทาง (Unlimited mileage 10-year warranty for HV Battery)

GLC 350 e 4 MATIC AMG Dynamic มาพร้อมสีตัวถัง 6 สี ได้แก่ สีขาว (Polar White) สีน้ำเงิน (Nautic Blue) สีเทา (Graphite Grey) สีเงิน (Mojave Silver) สีเงิน (High-tech Silver) และสีดำ (Obsidian Black) สำหรับผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของหรือต้องการรับข้อมูลทางเทคนิคเพิ่มเติมของ The new GLC รุ่น GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic สามารถติดต่อผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ หรือติดตามรายละเอียดและจองรถยนต์ทางออนไลน์ได้ที่เว็ปไซด์ https://www.mercedes-benz.co.th รวมถึงช่องทางโซเชี่ยลมีเดียของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ทุกช่องทาง

“ไทยฮอนด้า” จับมือ “สวทอ.” เสริมทักษะขับขี่ปลอดภัย

“ไทยฮอนด้า” จับมือ “สวทอ.” เสริมสร้างทักษะขับขี่ปลอดภัยให้กับนักเรียนอาชีวศึกษาเอกชน กับโครงการ Zero Accident Society in Private Colleges

ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย ร่วมกับ สมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สวทอ.) บันทึกข้อตกลง (MOU) เริ่มต้นโครงการ ‘Zero Accident Society in Private Colleges’ เพื่อเสริมสร้างทักษะขับขี่ปลอดภัยให้กับนักเรียนอาชีวศึกษาเอกชน ผ่านการสร้างจิตสำนึกการขับขี่ปลอดภัยที่ถูกต้องและปลอดภัย

ดร.อารักษ์ พรประภา ประธาน บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด เปิดเผยถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “ความร่วมมือระหว่างไทยฮอนด้าและ สวทอ. ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของทั้งสองฝ่ายในการผลักดันให้เมืองไทยปลอดจากอุบัติเหตุบนท้องถนน และเป็นการส่งเสริมสนับสนุนนโยบายภาครัฐ ในการลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน เป็นที่มาของโครงการ “Zero Accident Society in Private Colleges” ขึ้น โดยที่ผ่านมาไทยฮอนด้าได้มีการผลักดันโครงการเมืองไทยขับขี่ปลอดภัยมาอย่างต่อเนื่องกว่า 30 ปี และยังคงมุ่งมั่นที่จะถ่ายทอดความรู้ให้กับคนไทยผ่านทั้งหลักสูตร สถานที่ฝึก และบุคลากร สำหรับครั้งนี้ ไทยฮอนด้าพร้อมจัดหลักสูตรที่ครอบคลุมการพัฒนาของเด็กนักเรียนให้มีทักษะขับขี่ปลอดภัยอย่างยั่งยืน โดยได้จัดอบรมวิทยากรขับขี่ปลอดภัยสำหรับครู อาจารย์ เพื่อนำความรู้การขับขี่ปลอดภัยกลับไปแนะนำอบรมนักเรียน และนักศึกษาในวิทยาลัย”

นอกจากนี้ เรายังได้รับความร่วมมือจากร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ในพื้นที่ใกล้เคียงสถานศึกษานั้นๆ นำวิทยากร ครูฝึกและอุปกรณ์การฝึกขับขี่ปลอดภัย มาร่วมสนับสนุนการฝึกสอน รวมถึงจัดแผนอบรมขับขี่ปลอดภัยด้วย

พร้อมกันนี้ เพื่อให้การพัฒนาทักษะขับขี่ปลอดภัยสัมฤทธิ์ผลมากที่สุด ทางไทยฮอนด้ายังได้เตรียมจัดการแข่งขัน Honda Student Safety Riding Skill Contest สำหรับนักเรียนอาชีวศึกษาเอกชน เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกการขับขี่ปลอดภัย โดยผู้ชนะเลิศระดับประเทศ จะได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันทักษะขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า ระดับนานาชาติ (เอเชียและโอเชียเนีย) ในลำดับต่อไปอีกด้วย

ยามาฮ่า ส่งฟินน์ สีใหม่ สุดพรีเมียม กระตุ้นยอดขาย

ไทยยามาฮ่า ส่งรถครอบครัวระดับพรีเมียม ยามาฮ่า ฟินน์ ใหม่! #กล้าที่จะฟินน์ 9 สีใหม่ มั่นใจทนทาน ประหยัดน้ำมัน พร้อมรับประกัน 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ส่งรถครอบครัวยุคใหม่ระดับพรีเมี่ยม ยามาฮ่าฟินน์ ใหม่! ฟินน์แบบไร้ขีดจำกัด กับยามาฮ่าฟินน์รถครอบครัวระดับพรีเมียม สีสันกราฟิกใหม่ สวยล้ำสไตล์โมเดิร์นพร้อม 9 สีใหม่ สุดพรีเมียม พิเศษ! รุ่น UBS มาพร้อมล้อแม็กสีทอง สวยโดดเด่น ไม่เหมือนใคร และเครื่องยนต์แรง ทนทาน มีสมองกลอัจฉริยะ ECU ควบคุมการสั่งจ่ายน้ำมันทำให้ประหยัด พร้อมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขับขี่ง่าย ไม่จุกจิก คุ้มค่าด้วยการรับประกันมากถึง 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง*

ยามาฮ่าฟินน์ ใหม่! แรงดี ทนทาน…ฟินน์จัด ประหยัดจริง มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 115 ซีซี ลูกสูบเดี่ยว SOHC จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีดอัจฉริยะ ควบคุมด้วยสมองกล ECU สั่งจ่ายน้ำมันได้อย่างประหยัด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมรองรับการใช้น้ำมัน E20 ได้เป็นอย่างดี

ยามาฮ่าฟินน์ ใหม่! สะดวกสบายกับกุญแจ Multi-function ควบคุมการใช้งานในจุดเดียว จะล็อก สตาร์ต หรือเปิดเบาะ ก็ฟินน์

ยามาฮ่าฟินน์ ใหม่! ดีไซน์สวยโดนใจมาพร้อมกับช่องใส่ของด้านหน้า ใส่ของอเนกประสงค์ สะดวกสบายในการใช้งาน หยิบง่าย ใส่คล่อง ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน

ยามาฮ่าฟินน์ ใหม่! มาพร้อมกับไฟหน้าแบบฮาโลเจนสุดโมเดิร์นสว่างชัด ดีไซน์โฉบเฉี่ยวกลมกลืนกับแฟริ่ง ไฟท้ายหรูสะดุดตา ดีไซน์เข้ากับบอดี้ช่วงท้ายสว่างจัด ชัดเจนทั้งกลางวัน และกลางคืน

ยามาฮ่าฟินน์ ใหม่! หน้าจอเรือนไมล์ดีไซน์สวยโดนใจ กราฟิกสวยทันสมัย แสดงชัดครบทุกฟังก์ชันการใช้งาน

ยามาฮ่าฟินน์ ใหม่! พร้อมที่เก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่ ขนาด 9.7 ลิตร ใส่หมวกกันน็อกครึ่งใบได้

ยามาฮ่าฟินน์ ใหม่! มั่นใจด้วยระบบเบรก UBS (UNIFIED BRAKE SYSTEM) มั่นใจปลอดภัยขณะขับขี่ เมื่อใช้งานเบรกเท้า ระบบกลไกจะกระจายแรงเบรกไปทั้งล้อหน้าและล้อหลัง ทำให้การหยุดรถมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น *เฉพาะรุ่น UBS

ยามาฮ่าฟินน์ ใหม่! มีให้เลือก 9 สี 4 รุ่นได้แก่ รุ่น UBS ล้อแม็กซ์สีทองสุดหรูมีให้เลือก 3 สีได้แก่ สีแดง สีเทา และสีดำ พร้อมราคาแนะนำที่ 48,700 บาท รุ่น ล้อแม็ก / สตาร์ทมือ กับ 3 สีใหม่ ได้แก่สีเขียว สีเทา และสีแดง พร้อมราคาแนะนำที่ 46,900 บาท และรุ่น ล้อซี่ลวด /สตาร์ทมือ กับ 2 สีโดนใจได้แก่สีฟ้า และสีดำ พร้อมราคาแนะนำที่ 44,900 บาท และรุ่นสุดประหยัดสีดำในรุ่น ล้อซี่ลวด / สตาร์ทมือ / ดรัมเบรก พร้อมราคาแนะนำที่ 41,200 บาท

พบกับ ยามาฮ่าฟินน์ ใหม่! ได้แล้ววันนี้ที่ร้านยามาฮ่าสแควร์ และร้านผู้จำหน่ายยามาฮ่าทั่วประเทศ ลงทะเบียนรับประกัน 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ตั้งแต่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป โปรดศึกษาเงื่อนไขการรับประกันจากสมุดคู่มือรับประกัน *รับประกันคุณภาพชิ้นส่วนใน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มเครื่องยนต์ กลุ่มโครงรถ และกลุ่มระบบไฟฟ้า โดย บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด

สามารถติดตามความเคลื่อนไหวและข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์ได้ที่ www.yamaha-motor.co.th 

Facebook    :         Yamaha Society Thailand 

Instagram    :         @YamahaSocietyThailand

YouTube     :         Yamaha Society Thailand 

Line OA       :         @yamahasociety

MODEL LINE UP

UBS (B6FR) ราคา 48,700 บาท
                 สีแดง                       สีเทา                       สีดำ         

ล้อแม็ก / สตาร์ทมือ (B6FP) ราคา 46,900 บาท
           สีเขียว                          สีเทา                      สีแดง                    
  

ล้อซี่ลวด /สตาร์ทมือ (B6FN) ราคา 44,900 บาท
           สีฟ้า                               สีดำ                

ล้อซี่ลวด / สตาร์ทมือ / ดรัมเบรก (B6FM) ราคา 41,200 บาท
          สีดำ

(Specifications)

เครื่องยนต์แบบ                                       4 จังหวะ สูบเดี่ยว SOHC ระบายความร้อนด้วยอากาศ   
ปริมาตรกระบอกสูบ                                  114 ซีซี
อัตราส่วนกำลังอัด                                    9.3 : 1
กระบอกสูบ x ระยะชัก                               50.0 x 57.9 มม.
ระบบหล่อลื่น                                           แบบอ่างน้ำมันเครื่อง
ระบบจ่ายน้ำมัน                                        หัวฉีด
ระบบจุดระเบิด                                         T.C.I.
ระบบคลัตช์                                             แบบเปียกชนิดหลายแผ่น
ระบบเกียร์                                              แบบเฟืองขบกันคงที่ เกียร์วน 4 ระดับ                       
ระบบสตาร์ท                                           สตาร์ทมือไฟฟ้า และสตาร์ทเท้า    
น้ำมันเชื้อเพลิง                                        น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วหรือน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10 ถึง E20
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง                               4.0 ลิตร
ความจุน้ำมันเครื่อง                                   0.80 ลิตร 
                                                          0.85 ลิตร (เปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง)
หัวเทียน                                                 NGK / CR6HSA
แบตเตอรี่                                               YTZ4V / 12 V, 3.0 Ah

โครงรถ

ชนิดโครงรถ                                            แบบแบ็คโบน
มุมคาสเตอร์ / ระยะเทรล                           26.2  / 73 มม.
กว้าง x ยาว x สูง                                     710 x 1,940 x 1,095  มม.
ความสูงจากพื้นถึงเบาะ                             775 มม.

ระยะห่างจากพื้นถึงเครื่อง                          155 มม.            

ช่วงศูนย์กลางระหว่างล้อ                           1,235 มม.                     

น้ำหนัก (รวมน้ำมันเครื่อง                           (B6FR)  100 กก.

และน้ำมันเชื้อเพลิงเต็มถัง)                        (B6FP)  99 กก.

                                                     (B6FN) 98 กก.  

                                                     (B6FM) 97 กก.  

รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด                                  1,800 มม.

ระบบกันสะเทือน

หน้า                                               เทเลสโคปิค                   

หลัง                                               สวิงอาร์ม โช้คอัพคู่

ระบบเบรก (หน้า / หลัง)

หน้า                                               (B6FR)  ดิสก์เบรก          
(B6FP / B6FN) ดิสก์เบรก
(B6FM) ดรัมเบรก

หลัง                                               (B6FR)ดรัมเบรก UBS

                                                     (B6FP / B6FN / B6FM) ดรัมเบรก

ล้อ

ล้อซี่ลวด                                         B6FN, B6FM

ล้อแม็ก                                           B6FR, B6FP

ยาง

หน้า                                               70/90 – 17MC / 38 P                             

หลัง                                               80/90 – 17MC / 50 P

“ชิพ-นครินทร์” บิด Honda CBR1000RR-R ครองแชมป์ 2 ปีซ้อน

Honda CBR1000RR-R ประกาศความยิ่งใหญ่ครองแชมป์ 2 ปีซ้อน พร้อมเหมาโพเดียม “ชิพ-นครินทร์” ร่วม Honda Asia-Dream Racing with SHOWA ทีม คว้า Top 8 Suzuka 8 Hours ครั้งที่ 44

Honda CBR1000RR-R ประกาศความยิ่งใหญ่ ครองแชมป์เหมาโพเดียมทั้งสามอันดับในศึกทรหดในตำนานอย่าง Suzuka 8 Hours ครั้งที่ 44

ด้าน “ชิพ” นครินทร์ ยอดนักบิดไทยจากโครงการ “เรซ ทู เดอะ แชมเปี้ยน” ที่ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนไทยเข้าร่วม ลงแข่งขันในภายใต้ทีม Honda Asia-Dream Racing with SHOWA ด้วยตัวแข่ง CBR1000RR-R สร้างผลงานทะลุเป้า ร่วมกับทีมเมทเอเชียอย่าง โมฮัมหมัด ซัควาน ไซดี้ นักบิดมาเลเซีย และ แอนดี้ ฟาริด อิซดิฮาร์ นักบิดอินโดนีเซีย โดย CBR1000RR-R หมายเลข 88 ก่อนที่จะคว้าอันดับที่ 8 มาครองได้สำเร็จ หลังจากที่ต่อสู้กันอย่างยาวนานถึง 8 ชั่วโมงเต็มในการแข่งขันศึกสองล้อในตำนานอย่าง Suzuka 8 Hours ครั้งที่ 44 ที่สนามซูซูกะ ประเทศญี่ปุ่น

“ชิพ-นครินทร์” ลงสนามด้วยการทำหน้าที่เป็นนักแข่งปลอกแขนสีแดง ซึ่งรับช่วงต่อจาก โมฮัมหมัด ซัควาน ไซดี้ ปลอกแขนสีน้ำเงิน และ แอนดี้ ฟาริด อิซดิฮาร์ ปลอกแขนสีเหลือง โดยมีบทบาทสำคัญอย่างมากกับผลงานของทีม ซึ่งการลงครั้งแรกขณะเข้าชั่วโมงที่ 3 “ชิพ-นครินทร์” และรถแข่ง Honda CBR1000RR-R หมายเลข 88 ได้ขยับจากอันดับที่ 13 มาถึงอันดับที่ 8 จากการต่อสู้กับนักแข่งระดับท็อปของโลกที่มาจากรายการ เอ็นดูรานซ์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ, ซูเปอร์ไบค์เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ และโมโตจีพี หลายคน นับเป็นการข้ามขีดจำกัด ยกระดับผลงานการทำงานของทีมอย่างยอดเยี่ยม จากฤดูกาลที่แล้วที่คว้าอันดับที่ 11 และสูงกว่าตั้งเป้าหมายในการแข่งขันฤดูกาลนี้ที่วางไว้ที่ท็อป 10 ได้สำเร็จ

นอกจากนั้น ฮอนด้า CBR1000RR-R ยังตอกย้ำศักยภาพที่เหนือกว่าคู่แข่ง ด้วยการครองแชมป์ 2 ปีซ้อน และ เหมาโพเดียม เมื่อทีม Team HRC with Japan Post หมายเลข 33 คว้าชัยชนะในการแข่งขัน  Suzuka 8 Hours ครั้งนี้ไปครอง ทำระยะทางตลอดการแข่งขัน 8 ชั่วโมงได้ถึง 216 รอบ ตามมาด้วยทีม TOHO Racing หมายเลข 104 ในอันดับที่ 2 และทีม SDG Honda Racing หมายเลข 73 ในอันดับ 3 ตามลำดับ

นอกจากผลงานล่าสุดใน Suzuka 8 Hours แล้ว “ชิพ-นครินทร์” ยังสร้างผลงานอันสุดแข่งแกร่งในรายการระดับท็อปของประเทศไทยและเอเชียกับยอดรถแข่ง Honda CBR Series หมายเลข 41 ด้วยการนำเป็นจ่าฝูงในตารางคะแนนสะสมรุ่นซูเปอร์ไบค์ 1000 ซีซี เอสบี1โปร รายการ OR BRIC Superbike 2023 ด้วยตัวแข่ง Honda CBR1000RR-R และทำผลงานรั้งกลุ่มนำลุ้นโพเดียมอย่างต่อเนื่องในการแข่งขัน Asia Road Racing Championship 2023 รุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี (SS600) ด้วยตัวแข่ง Honda CBR600RR

แฟนมอเตอร์สปอร์ตสามารถติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวของนักบิดไทยในโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” และ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ แชมเปี้ยน” รวมถึงส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าทุกคนได้ที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : www.facebook.com/HondaRacingTeamTH

#WhatStopsYou #มุ่งไปอย่าให้อะไรมาหยุด #RaceToTheChampion #HondaRacingThailand #HondaBigBike #CBR1000RRR #FIMEWC #EWC #ExcitesTheWorld #Hondaasiadreamracingwithshowa #Chip_Nakarin

“ก้อง-สมเกียรติ” ไล่แซงคว้าท็อป 9 บวกแต้ม โมโตทู สนาม 9

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” โชว์ผลงานระดับโลกไล่แซงคู่แข่งสุดโหด ทะยานคว้าอันดับ 9 ในศึก โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2023 สนาม 9 บริติช กรังด์ปรีซ์ บวกเพิ่ม 7 แต้มบนตารางคะแนนสะสมตามเป้า จากเรซสุดมันส์ที่ ซิลเวอร์สโตน เซอร์กิต สหราชอาณาจักร เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

Somkiat Chantra, Moto2, British MotoGP 4 August 2023

โดยเรซนี้ยอดนักบิดขวัญใจชาวไทยอย่าง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา เจ้าของหมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ได้ออกสตาร์ตจากกริดที่ 14 นับเป็นอีกหนึ่งเรซที่มีความหมายอย่างมากต่อการไล่ล่าอันดับบนตารางแชมเปี้ยนชิพ

จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในรอบแรกที่โค้ง 3 หลังจากที่มีนักบิดถึง 4 คันล้มตัดขวางแทร็ก ทำให้ สมเกียรติ เสียจังหวะร่วงลงไปถึงอันดับ 16 ก่อนจะค่อยๆ ไล่แซงคู่แข่งขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่ง 2 รอบสุดท้ายเจ้าของรถแข่งหมายเลข 35 ขยับผ่านจ่าฝูงบนตารางคะแนนสะสมขึ้นมาคว้าอันดับ 9 ได้อย่างสุดมันส์ ตามหลังผู้ชนะเพียง 12.280 วินาที

Somkiat Chantra, Moto2, British MotoGP 4 August 2023

จากผลงานยอดเยี่ยมดังกล่าว ส่งผลให้ สมเกียรติ เก็บเพิ่ม 7 คะแนน รวมเป็น 66 คะแนนรั้งอันดับ 9 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ โมโตทู หลังผ่านไป 9 สนามของปี โดยนับเป็นอีกหนึ่งเรซที่นักบิดไทยทำได้ตามเป้าจากสถานการณ์สุดหินที่ ซิลเวอร์สโตน

ทั้งนี้ ศึก โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2023 สนามถัดไปจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 18-20 สิงหาคมนีั้ ที่ เรดบูล ริง ประเทศออสเตรีย ในรายการ ออสเตรียน กรังด์ปรีซ์

แฟนความเร็วชาวไทยสามารถติดตามข่าวสารของ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา พร้อมส่งกำลังใจเชียร์ยอดนักบิดไทยในศึก โมโตจีพี รุ่นโมโตทู ตลอดทั้งฤดูกาล 2023 และติดตามความเคลื่อนไหวของนักบิดฮอนด้าได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : www.facebook.com/HondaRacingTeamTH

#WhatStopsYou #มุ่งไปอย่าให้อะไรมาหยุด #SC35 #Moto2 #HondaRaceToTheDream #HondaRacingThailand #IdemitsuHondaTeamAsia #RaceToTheOne

มาสด้า ประกาศหนุน “สวาทแคท” สู้ศึกไทยลีก 2

ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า นครราชสีมา, 7 สิงหาคม 2566 – มาสด้ายังคงเชื่อมั่นในสปิริตความเป็นนักสู้ของทีม ประกาศหนุน “สวาทแคท” เพื่อลงสู้ศึกไทยลีก 2 ฤดูกาล 2023-2024 พร้อมด้วยผู้สนับสนุนหลักที่ร่วมกันปลุกปั้นทีมด้วยกันมาตั้งแต่ต้นยังคงกลมเกลียวเหนียวแน่นร่วมกันสนับสนุนทีมต่อไป เพื่อให้ทีมกลับมาประสบความสำเร็จให้เร็วที่สุด โดยภายในงานมีแฟนๆ เดินทางมาให้กำลังใจกันอย่างล้นหลาม

หลังจากที่มาสด้าเริ่มให้การส่งเสริมและสนับสนุนกีฬาฟุตบอลของประเทศไทย ด้วยการเข้ามาสนับสนุนทีมฟุตบอล “สวาทแคท” สโมสรฟุตบอลนครราชสี มาสด้า เอฟซี มาตั้งแต่สมัยที่ยังเล่นอยู่ในไทยลีก 2 จนทีมสามารถก้าวขึ้นสู่ไทยลีกซึ่งเป็นลีกสูงสุดของประเทศในฐานะแชมป์ลีก รวมระยะเวลากว่า 11 ปี และโลดแล่นอยู่ในไทยลีกได้นานถึง 9 ปี แต่เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ทีมในไทยลีกต่างขับเคี่ยวกันอย่างสนุกสุดมันส์มีลุ้นกันแทบทุกเกมส์โดยเฉพาะช่วงท้ายของฤดูกาล บรรดาทีมที่กำลังดิ้นรนหนีการตกชั้นต่างต้องการเก็บแต้มให้ได้มากที่สุด และสู้กันมันส์หยดจนแมตช์สุดท้าย ส่งผลให้ทีม “สวาทแคท” หล่นลงมาเล่นในไทยลีก 2 แต่ทั้งนี้ทางผู้บริหารสโมสรฯ ประกาศชัดเจนเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับบรรดาแฟนๆ แมวพิฆาตว่าปีนี้จะต้องกลับขึ้นสู่ไทยลีกให้ได้อีกครั้ง

ทางด้านผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ มร.ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้าให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาวงการฟุตบอลไทย ด้วยการเข้ามาสนับสนุนฟุตบอลทีม “สวาทแคท” หรือ สโมสรฟุตบอลนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี เมื่อ 11 ปีที่แล้ว ส่งผลให้วงการฟุตบอลไทยคึกคักทันตาเห็น โดยเฉพาะจำนวนแฟนบอลที่หลั่งไหลเข้าชมการแข่งขัน วันนี้ทีม “สวาทแคท” ยังคงครองสถิติอันดับหนึ่งที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในไทยลีก ที่สำคัญ มาสด้ายังคงให้การสนับสนุนทีม “สวาทแคท” อย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับทุกปีที่ผ่านมา วันนี้ทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจกันลุกขึ้นสู้อีกครั้ง เพื่อก้าวขึ้นสู่ลีกสูงสุดของประเทศให้เร็วที่สุด ทุกคนต้องศรัทธาและเชื่อมั่นในสปิริตความเป็นนักสู้ของทีม ซึ่งมี DNA เช่นเดียวกับชาวมาสด้า เราไม่เคยยอมแพ้ต่ออุปสรรค เราเชื่อมั่นในสปิริตความเป็นนักสู้ เราฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มามากมายกว่า 100 ปี และอยู่เคียงข้างคนไทยมา 73 ปี และเราจะยังคงอยู่เคียงข้างคนไทยตลอดไป

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการต่อสัญญากับสโมสรในครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนวงการฟุตบอลของประเทศไทยสู่การพัฒนาและการยกระดับคุณภาพอย่างยั่งยืน ฟุตบอลเป็นเสมือนสะพานที่เชื่อมความสัมพันธ์อันดี ไม่ใช่เฉพาะกับชาวโคราชเท่านั้น แต่รวมไปถึงคนไทยทั่วทั้งประเทศ นับตั้งแต่เรามีแฟนบอลเข้าชมในสนามไม่ถึง 500 คน วันหนึ่งเราก็สร้างปรากฏการณ์ให้คนไทยทั้งประเทศได้ประจักษ์และจารึกในประวัติศาสตร์ ว่าเป็นทีมที่มีแฟนบอลเข้าชมสูงสุดในไทยลีก วันนี้ เราได้เปลี่ยนจากทีมเล็กๆ ในระดับท้องถิ่น ให้กลายเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่ในระดับประเทศ สวาทแคทกับมาสด้า เราเดินเคียงข้างกันมาตลอด 11 ปี และเราจะยังคงเดินเคียงข้างกันตลอดไป แม้ในยามที่ทีมต้องการกำลังใจและสร้างความมุ่งมั่น

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาสโมสรฯ กล่าวว่า ผมขอขอบคุณแฟนคลับสวาทแคท และคณะผู้บริหารทีมสโมสรฟุตบอลนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ชุดใหม่ ที่เชิญผมให้มาเป็นประธานในการเปิดตัวสโมสรฯ ไทยลีก 2 ฤดูกาล 2023-2024 ชูสโลแกน “START UP” กลับมาสู้ ก้าวสู่ไทยลีก ผมมั่นใจว่าฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ สวาทแคทต้องกลับขึ้นสู่ไทยลีก 1 ให้ได้อีกครั้ง เพราะวันนี้เรามีความพร้อมในด้านต่างๆ ทั้งการเตรียมทีม ตัวนักฟุตบอล ทีมงานสตาฟโค้ช และเหล่าผู้สนับสนุนของทีม ที่จะมาร่วมมือกันต่อสู้เพื่อบรรลุไปสู่เป้าหมายคือ ไทยลีก

พร้อมกันนี้ ภายในงานยังได้มีการเปิดตัวนักฟุตบอล “สวาทแคท” ที่มีความพร้อมอย่างเต็มเปี่ยมในการสู้ศึก ไทยลีก 2 ฤดูกาล 2023-2024 พร้อมเปิดตัวชุดแข่งขันใหม่ภายใต้แบรนด์ไทย “VOLT” โดย บริษัท โวลท์ เอนเนอร์จี แวร์ จำกัด ซึ่งบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ชุดออกกำลังกายมาตราฐานระดับสากล ที่เข้ามาเป็นพันธมิตรกับสโมสรฯ ในปีนี้

สำหรับไทยลีก 2 มีทีมที่ร่วมการแข่งขันทั้งหมด 18 ทีม โดยนัดเปิดฤดูกาลทีม “สวาทแคท” จะต้อนรับการมาเยือนของทีมจันทบุรี ในวันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 เวลา 18.00 น. ณ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ขอเชิญชวนแฟนบอลร่วมชมและเชียร์เจ้าแมวพิฆาต หรือ สวาทแคท พร้อมกัน

มิตซูบิชิ ทุ่มงบลงทุนเปิดสายการผลิตใหม่

มิตซูบิชิ ทุ่มงบลงทุนเปิดสายการผลิตใหม่ ควบคุมการผลิต ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ด้วยหุ่นยนต์สุดไฮเทคและแม่นยำ ตอกย้ำประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของรถยนต์แบรนด์มิตซูบิชิ รองรับการส่งออกไปทั่วโลก

7 สิงหาคม 2566 : บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งด้านการลงทุนและการเติบโตในประเทศไทย โดยเพิ่มการลงทุนในสายการผลิตใหม่สำหรับออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน หรือ แอล 200 (L200) ที่โรงงานแหลมฉบังเพื่อรองรับการส่งออกไปทั่วโลก สายการผลิตใหม่ของออล-นิว ไทรทัน ประกอบด้วยสายการผลิตเชื่อมประกอบตัวถังรถยนต์ที่ควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติ “สุดไฮเทค” เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย โดยมีสัดส่วนกระบวนการอัตโนมัติถึงร้อยละ 95 จากการใช้หุ่นยนต์อัจฉริยะมากกว่า 250 ตัว เพื่อทำงานในจุดที่มีความเสี่ยงสูงหรือต้องการความแม่นยำสูงเกินความสามารถของมนุษย์

มร.เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ในฐานะผู้นำด้านการผลิตและส่งออกรถยนต์ของประเทศไทย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส รู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนให้ประเทศไทยเติบโตขึ้นเป็นศูนย์กลางการส่งออกรถยนต์แห่งภูมิภาคมาอย่างยาวนาน เรามองว่าประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ จึงดำเนินการผลิตรถยนต์รุ่นสำคัญๆ ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่นี่ เพื่อจำหน่ายส่งออกไปยังนานาประเทศทั่วโลก ซึ่งที่ผ่านมาเราได้ทุ่มงบลงทุนในหลากหลายภาคส่วนเพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยี โดยหนึ่งในการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดนั่นก็คือการทุ่มงบประมาณ 3,000 ล้านบาท ในการก่อสร้างโรงงานพ่นสีแห่งใหม่ในปี 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเป็นโรงงานพ่นสีที่มีคุณภาพสูง โดยผสานการทำงานที่แม่นยำของเครื่องจักรหรือหุ่นยนต์อัตโนมัติเข้ากับความพิถีพิถันของบุคลากรที่บรรจงสร้างสรรค์ชิ้นงานด้วยความประณีต ทั้งยังมีระบบการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังได้ส่งเสริมการผลิตรถยนต์ด้วยพลังงานสะอาดโดยใช้ระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังผลิตไฟฟ้าที่ 7 เมกะวัตต์ และมีแผนที่จะลงทุนในโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง”

การเปิดตัว “ออล-นิว ไทรทัน” ช่วยขับเคลื่อนให้เกิดความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีสายการผลิตรถกระบะอย่างเป็นรูปธรรมไปอีกขั้น โดย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ยกระดับสายการผลิตใหม่ โดยใช้หุ่นยนต์อันทันสมัยมากกว่า 250 ตัว ทำหน้าที่ในการเชื่อมประกอบตัวถังรถยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพดีเยี่ยมและมีความแม่นยำสูง โดยมีกำลังผลิตราว 200,000 คันต่อปี

“สายการผลิตอัตโนมัติที่ใช้หุ่นยนต์นี้ มีมาตรฐานสูงเทียบเท่าโรงงานของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสะท้อนเจตนารมณ์ของบริษัทฯ ที่มุ่งมั่นส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นหัวใจแห่งยุทธศาสตร์สู่การเติบโต ด้วยการลงทุนที่ล้ำสมัย โดยในวันข้างหน้า เราจะยังคงมุ่งมั่นสร้างความเติบโตในระดับภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ผ่านการลงทุน การผลิต การส่งออก และส่งต่อความรู้และเทคโนโลยี โดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสำคัญ” มร.โคอิโตะ กล่าวเสริม

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยกระดับสายการผลิตแบบอัตโนมัติสำหรับออล-นิว ไทรทัน ด้วยมุ่งหวังที่จะส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตให้ดียิ่งขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีและหุ่นยนต์ที่มีความแม่นยำสูงเข้ามาทำหน้าที่ที่หลากหลาย อาทิ หุ่นยนต์ขนาดใหญ่ที่สามารถยกวัตถุที่มีน้ำหนักมากได้ถึง 900 กิโลกรัม หุ่นยนต์เคลื่อนย้ายชิ้นงาน แขนกลที่มีความยืดหยุ่นซึ่งสามารถหยิบจับชิ้นงานได้อย่างรวดเร็วและคล่องแคล่ว หุ่นยนต์พร้อมระบบตรวจสอบหัวเชื่อมอัตโนมัติ กล้องตรวจคุณภาพแนวซีลตะเข็บรถยนต์แบบอัตโนมัติ อุปกรณ์ขันยึดแบบไฟฟ้าที่มีความแม่นยำสูง และระบบบันทึกข้อมูลการตรวจสอบแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อลดการใช้กระดาษ

มร.เออิจิ โอกาวะ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานผลิต บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ระบบควบคุมอัตโนมัติรุ่นใหม่ทั้งหมดถูกนำมาใช้เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการทำงานและความปลอดภัยให้กับพนักงานของเรา พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ในด้านการควบคุมคุณภาพ เพิ่มประสิทธิภาพในการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเสริมสร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพการผลิตออล-นิว ไทรทัน เรารู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่รถระดับโลกอย่างออล-นิว ไทรทัน มีต้นกำเนิดจากโรงงานแหลมฉบังของเราแห่งนี้ และตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งกับเสียงตอบรับจากลูกค้า เราหวังว่าเทคโนโลยีการผลิตใหม่ล่าสุดของเรานี้จะเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าของเรามากยิ่งขึ้น”

ออล-นิว ไทรทัน ถือกำเนิดขึ้นอีกครั้งภายใต้ดีเอ็นเอของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (Mitsubishi Motors-ness) เพื่อเติมเต็มและตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนไปข้างหน้า ด้วยจิตวิญญาณแห่งการผจญภัย พร้อมมอบความปลอดภัยและอุ่นใจได้ในทุกเส้นทาง ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นจากเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่ล้ำสมัย ความสงบเงียบและสะดวกสบายตลอดการเดินทาง

“ด้วยเครื่องยนต์ไฮเปอร์เพาเวอร์ (Hyper Power) รุ่นใหม่ เมกาเฟรมหรือโครงรถใหม่ ช่วงล่างใหม่ ที่มาพร้อมความสะดวกสบายสูงสุดของห้องโดยสารทั้งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ทำให้ ออล-นิว ไทรทัน กลายเป็นสัญลักษณ์ระดับโลกที่สะท้อนถึงความทุ่มเทของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในการสร้างสรรค์รถกระบะที่ดีที่สุดในคลาส เพื่อให้ ออล-นิว ไทรทัน เติมเต็มความสนุกในการใช้ชีวิตและมอบอรรถประโยชน์ให้กับลูกค้าทั่วโลก ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการใช้รถกระบะในการประกอบอาชีพและใช้งานส่วนตัว เราภูมิใจที่จะได้นำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่น่าพึงพอใจให้กับลูกค้าที่ต้องการใช้งานรถกระบะในรูปแบบที่หลากหลาย ในวันข้างหน้า เราจะยังคงมุ่งมั่นสร้างความเติบโตโดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสำคัญอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งต่อความสำเร็จและคุณค่าให้กับลูกค้าทั่วโลก” มร.โคอิโตะ กล่าวปิดท้าย

ปอร์เช่ คาร์เรร่า คัพ สนามช้างฯ ปิดฉากยิ่งใหญ่

ศึกซูเปอร์คาร์ระดับโลก “ปอร์เช่ คาร์เรร่า คัพ เอเชีย 2023” รูดม่านปิดฉากสนามที่ 8 อย่างดุเดือดที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ สังเวียนความเร็วระดับเวิลด์คลาสของประเทศไทย ด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญตลอดทั้งเรซ ผลปรากฏว่า หลิว ไคลู ยอดนักแข่งจีนจาก โทโร่ เรซซิ่ง สร้างผลงานระดับมาสเตอร์เอาชนะมือชั้นนำจากยุโรปอย่างสุดมัน ท่ามกลางการติดตามของแฟนมอเตอร์สปอร์ตทั่วโลก

การแข่งขัน ปอร์เช่ คาร์เรร่า คัพ เอเชีย 2023 (Porsche Carrera Cup Asia) สนาม 8 ดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศส่งท้าย สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 สิงหาคม 2566 โดยนับเป็นอีกเรซสำคัญต่อการช่วงชิงความได้เปรียบ เพื่อลุ้นแชมป์ประจำปี

กริดสตาร์ตสนามนี้มีความเปลี่ยนแปลงจากเรซที่ 7 ทว่าตำแหน่งโพลยังคงเป็นของ ฟลอเรียง ลาทอร์เร่ นักแข่งชาวฝรั่งเศสจาก เมด็อง เรซซิ่ง จ่าฝูงบนตารางแชมเปียนชิพ ขนาบข้างด้วย หลิว ไคลู ยอดนักแข่งชาวจีนจาก โทโร่ เรซซิ่ง ซึ่งกำลังอยู่ในฟอร์มที่ร้อนแรง ขณะที่ผู้ชนะจากสนาม 7 อย่าง คริส วาน เดอร์ ดริฟต์ นักแข่งชาวนิวซีแลนด์จาก ทีม เซี่ยงไฮ้ ยอนด้า ต้องถอยไปออกตัวในกริดที่ 3

การแข่งขันสนาม 8 ดวลความเร็วกันทั้งสิ้น 17 รอบสนาม จุดเปลี่ยนแรกของเรซเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงออกตัว เมื่อ หลิว ไคลู ขยับขึ้นนำได้อย่างรวดเร็ว ตามด้วย วาน เดอร์ ดริฟต์ ที่ขยับขึ้นมาไล่บี้ทันที ขณะที่เจ้าของโพลอย่าง ลาทอร์เร่ พลาดไป ส่งผลให้รูดลงไปถึงอันดับ 3

หลังขึ้นนำตั้งแต่ต้นเกม หลิว ไคลู ก็ยืดระยะห่างจากกลุ่มหลังออกไปอย่างต่อเนื่อง ทว่าการขับเคี่ยวอันดับ 2 ระหว่าง คริส วาน เดอร์ ดริฟต์ และ ฟลอเรียง ลาทอร์เร่ ก็ดำเนินไปอย่างเข้มข้นในช่วงครึ่งทางแรกของการแข่งขัน โดยมี มาร์ติน แรจจินเจอร์ ยอดนักแข่งชาวออสเตรียในคลาสโปรจาก ปอร์เช่ โฮลดิ้ง ไล่บดเป็นตัวสอดแทรกในอันดับ 4

ดำเนินมาถึงรอบที่ 8 เซฟตี้คาร์ต้องถูกส่งออกมาวิ่งนำขบวนรถแข่งเพื่อเคลียร์แทร็ก เมื่อรถแข่งของ เกา หยูเจีย นักแข่งชาวจีนจาก ทีม เย็บเซ่น พลาดหมุนที่โค้ง 4 ต้องออกจากการแข่งขันทันที

เกมกลับมารีสตาร์ตภายใต้เซฟตี้คาร์ในช่วง 5 รอบสุดท้าย หลิว ไคลู ยังรักษาตำแหน่งหัวแถวไว้ได้ ทว่าจุดเปลี่ยนกลายเป็น ฟลอเรียง ลาทอร์เร่ ที่พลาดในช่วงแรกสามารถขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 2 และไล่กดดันเพื่อชิงจ่าฝูงอย่างหนัก

จบการแข่งขัน 17 รอบสนาม หลิว ไคลู สร้างผลงานระดับมาสเตอร์ผงาดคว้าชัยชนะไปครองได้อย่างสุดมัน ด้วยเวลา 30 นาที 33.740 วินาที เหนืออันดับ 2 อย่าง ฟลอเรียง ลาทอร์เร่ เพียง 2.270 วินาที ขณะที่อันดับ 3 เรซนี้ตกเป็นของ คริส วาน เดอร์ ดริฟต์ ตามหลัง 7.380 วินาที ตามด้วย มาร์ติน แรจจินเจอร์ อันดับ 4 ตามหลัง 7.939 วินาที ส่วนอันดับ 5 ได้แก่ เป่า จินหลง นักแข่งจีนจาก เฉิง ตง ออโต้ ตามหลัง 9.879 วินาที

ทั้งนี้ ศึก ปอร์เช่ คาร์เรร่า คัพ เอเชีย 2023 สนามถัดไป จะโยกไปดวลความเร็วกันที่ เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 25-27 สิงหาคม 2566

ขณะที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ แสดงความพอใจอย่างมากกับความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพรองรับการแข่งขัน ปอร์เช่ คาร์เรร่า คัพ เอเชีย 2023 จากการตอบรับของแฟนชาวไทยและสื่อมวลชนที่ตบเท้าร่วมรายงานข่าวอย่างคับคั่ง โดยยืนยันว่าจะดึงเรซระดับโลกและอินเตอร์เนชั่นแนล มาดวลความเร็วในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในอนาคต

GWM ยกขบวน ORA Good Cat ขับเที่ยวไทยช-สิงคโปร์

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยกขบวนเจ้าเหมียวไฟฟ้า ORA Good Cat ท่องเที่ยวบนเส้นทางกรุงเทพฯ – สิงคโปร์ กว่า 4,000 กิโลเมตร ตอกย้ำการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และความเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าในไทยและอาเซียน

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในฐานะบริษัทที่ให้บริการเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลก (Global Intelligent Technology Company) และผู้นำด้านยานยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย (xEV Leader) เตรียมยกทัพรถยนต์ไฟฟ้า ORA Good Cat จัดทริปคาราวานบนเส้นทาง กรุงเทพฯ – สิงคโปร์ – กรุงเทพฯ กับกิจกรรม “GWM EV Convoy Tour 2023” ภายในงานปล่อยขบวนคาราวาน โดยมีคณะผู้บริหารจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ นำโดย นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองประธานฝ่ายการตลาด ภูมิภาคอาเซียน มร.ไมเคิล จาง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารแบรนด์ ภูมิภาคอาเซียน และ นางสาวศุภรางศุ์ อนุชปรีดา ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) และผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรพันธมิตรหลัก อาทิ นางสาวสุรีพร พงษ์พานิช ผู้อำนวยการกองตลาดภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นายวฤต รัตนชื่น ผู้ช่วยผู้ว่าการ Project Management Office การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และนายภาคภูมิ วิริยะพันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยสื่อมวลชนจากประเทศไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ร่วมกิจกรรม ซึ่งการขับขี่ยานยนต์ไฟฟ้าเทคโนโลยีอัจฉริยะล้ำสมัยในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าทั้งในไทยและอาเซียนให้เติบโตและแข็งแกร่งอย่างยั่งยืน รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทั้งในประเทศและระดับภูมิภาค ผ่านเส้นทางในประเทศไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ รวม 15 เมือง ใน 3 ประเทศ เป็นระยะทางไป-กลับรวมทั้งสิ้นกว่า 4,000 กิโลเมตร

นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองประธานฝ่ายการตลาด เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภูมิภาคอาเซียน กล่าวว่า “โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงในภูมิภาคอาเซียนโดยใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในการเดินทาง พร้อมสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของสังคมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน รวมถึงยังเป็นการร่วมฉลองการเปิดตัวแบรนด์และผลิตภัณฑ์ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในประเทศสิงคโปร์อย่างเป็นทางการอีกด้วย การเปิดประสบการณ์ในการเดินทางด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้าข้ามพรมแดนทั้งสามประเทศนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ มุ่งหวังให้เป็นเส้นทางต้นแบบ โดยจะมีการนำเสนอข้อมูลและวิธีการวางแผนการเดินทางสำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าให้ท่องเที่ยวได้อย่างสนุกและปลอดภัย จนเกิดการสร้างการรับรู้ในวงกว้างและเป็นแรงบันดาลใจแก่นักท่องเที่ยวในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ให้เล็งเห็นถึงศักยภาพของการขับรถท่องเที่ยวในระยะทางไกลด้วยรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถขับขี่ได้จริง โดยทริปในครั้งนี้ มีการเดินทางตลอดเส้นทางด้วยรถยนต์ ORA Good Cat ทั้งหมด 6 คัน จาก 2 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น ORA Good Cat 500 ULTRA และ ORA Good Cat GT ที่อัดแน่นด้วยสมรรถนะ เทคโนโลยี และฟีเจอร์ต่างๆ ที่จะช่วยให้การขับขี่ทางไกลปลอดภัย สะดวกสบายและง่ายยิ่งขึ้น”

ทั้งนี้ กิจกรรม “GWM EV Convoy Tour 2023” กับ ORA Good Cat เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้จับมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่เข้ามาร่วมกันผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ (Low-carbon society) มุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าให้แข็งแกร่งอีกระดับด้วยการขยายจุดบริการสถานีชาร์จไฟฟ้า (EleX by EGAT) ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่เข้ามาร่วมยกระดับการท่องเที่ยวสีเขียว (Green Tourism) ผ่านการสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า 100% ในการเดินทางเพื่อลดการปล่อยมลภาวะสู่สิ่งแวดล้อม บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เพื่อมอบความอุ่นใจและความมั่นใจในการขับขี่ทุกรูปแบบให้แก่ผู้ร่วมทริป รวมถึง JOM Charge ประเทศมาเลเซีย และสื่อมวลชนชั้นนำมากมาย

นางสาวสุรีพร พงษ์พานิช ผู้อำนวยการกองตลาดภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นพันธมิตรหลักของโครงการ GWM EV Convoy Tour 2023 ร่วมกับทาง เกรท วอลล์ มอเตอร์ นับว่าเป็นโครงการใหญ่ที่สำคัญและมีความน่าสนใจ สอดคล้องกับนโยบายและพันธกิจของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาค เน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด BCG Model อีกทั้งโครงการนี้ยังเป็นประตูสู่การเริ่มต้นทิศทางปี 2567 ที่ทาง ททท. เดินหน้าวางแผนเร่งฟื้นฟูการท่องเที่ยวไทยให้ดียิ่งขึ้น หรือ Moving forward to Better รวมทั้งเป็นส่วนสำคัญเพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวหันมาใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าในการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย”

“เพื่อสนับสนุนนโยบาย 30@30 ที่ตั้งเป้าหมายในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าให้มีจำนวน 30% ของการผลิตทั้งหมดภายในปี 2030 กฟผ. จึงเร่งผลักดันการสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าของไทยผ่านการเพิ่มเครือข่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้า โดย กฟผ. ได้สนับสนุนการวางแผนจุดชาร์จ และการอัดประจุไฟฟ้าตามสถานี EleX by EGAT ด้วย DC Fast Charge 125 kW ตลอดเส้นทาง โดยผู้ขับขี่สามารถวางแผนการเดินทางและค้นหาสถานีชาร์จได้ทั้งในแอปพลิเคชัน EleXA และ แอปพลิเคชัน GWM” นายวฤต รัตนชื่น ผู้ช่วยผู้ว่าการ Project Management Office การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวเสริม

สำหรับทริป GWM EV Convoy Tour 2023 ครั้งนี้ ถูกจัดขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 1 – 11 สิงหาคม 2566 รวมทั้งสิ้น 11 วันในเส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ – สิงคโปร์ – กรุงเทพฯ โดยมีเจ้าเหมียวไฟฟ้า 2 รุ่น ได้แก่ ORA Good Cat 500 ULTRA และ ORA Good Cat GT เข้าร่วมในขบวน โดยคาราวานเจ้าเหมียวไฟฟ้า ORA Good Cat นี้จะเริ่มต้นเดินทางออกจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่ภาคใต้ของประเทศไทยเพื่อท่องเที่ยวไปตามสถานที่ UNSEEN สำคัญต่างๆ ระหว่างเส้นทางการขับขี่ ก่อนเข้าสู่ประเทศมาเลเซีย และประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศหมุดหมายใหม่ล่าสุดสำหรับ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในการเปิดตัวแบรนด์ GWM อย่างเป็นทางการรวมถึงการเปิดตัวแบรนด์ ORA และโชว์รูม GWM แห่งแรกในประเทศสิงคโปร์ โดยตลอดเส้นทางผู้ร่วมทริปจะได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ ORA Good Cat ที่เหนือกว่า ด้วยการออกแบบที่ล้ำสมัย สมรรถนะและเทคโนโลยีการขับขี่ที่โดดเด่น ตอบโจทย์การเดินทางไกล ไร้ข้อจำกัดในเรื่องระยะทาง อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ORA Good Cat 500 ULTRA และ ORA Good Cat GT เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่เข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่และปลุกกระแสความนิยมให้กับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย มาพร้อมกับความครบครันทั้งด้านฟังก์ชันล้ำสมัยและดีไซน์ที่สวยงาม ภายใต้คอนเซ็ปต์ Retro Futuristic สะท้อนตัวตนอันเป็นเอกลักษณ์เมื่ออยู่บนท้องถนน พร้อมด้วยอุปกรณ์เทคโนโลยีที่อัดแน่นด้วยประสิทธิภาพ ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous โดย ORA Good Cat 500 ULTRA ให้กำลังสูงสุด 105 กิโลวัตต์ หรือ 143 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร ส่วน ORA Good Cat GT  มาพร้อมดีไซน์และสมรรถนะสปอร์ต ด้วยกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 171 แรงม้า มีแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ORA Good Cat ทั้ง 2 รุ่นโดดเด่นและเหนือกว่ารถยนต์ไฟฟ้า 100% ในระดับเดียวกัน ด้วยระยะทางการขับขี่สูงสุดถึง 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน NEDC) มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะมากมาย เช่น ระบบความบันเทิงในรถยนต์ ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ ระบบเบาะนวดไฟฟ้า (Massage Seat) ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ ระบบกรองอากาศ PM2.5 และเทคโนโลยีสุดล้ำอื่นๆ ที่จะช่วยให้การขับขี่ท่องเที่ยวในระยะทางไกลสะดวกสบายและปลอดภัยไร้กังวล

“ผมเชื่อมั่นว่าโครงการนี้เป็นจะส่วนสำคัญในการผลักดันและส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้าและธุรกิจการท่องเที่ยวเชื่อมโยงในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งเป็นส่วนสำคัญในการแสดงให้ผู้บริโภคทั้งชาวไทยและอาเซียนหันมาให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เพื่อสิ่งแวดล้อมกันมากยิ่งขึ้น” นายวุฒิกร กล่าวทิ้งท้าย

เบลฟอร์ต ออโตโมบิล จัดแคมเปญฉลองครบรอบ 4 ปี

เบลฟอร์ต ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ฉลองความสำเร็จครบรอบ 4 ปี จัดใหญ่ให้เยอะ! ออกรถ ‘เปอโยต์-จี๊ป’ ราคาพิเศษ พร้อมข้อเสนอเกินห้ามใจ

บริษัท เบลฟอร์ต ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ฉลองความสำเร็จโอกาสดำเนินธุรกิจครบรอบ 4 ปี ในการเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย แบรนด์รถยนต์สัญชาติฝรั่งเศส เปอโยต์ และ จี๊ป ราชาออฟ-โรดสัญชาติอเมริกัน อย่างเป็นทางการในประเทศไทย จัดเต็มข้อเสนอสุดพิเศษเกินห้ามใจ ทั้ง เปอโยต์ และ จี๊ป พร้อมเชิญร่วมกิจกรรมดีๆ ต้อนรับเทศกาลวันแม่ ตลอดเดือนสิงหาคมนี้

นายสุนทรพันธ์ เดชะเทศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบลฟอร์ต ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากกลุ่ม สเตลแลนทิส เจ้าของแบรนด์รถยนต์ เปอโยต์ และ จี๊ป ให้เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย กล่าวว่า “เบลฟอร์ตฯ เริ่มดำเนินธุรกิจเมื่อปี พ.ศ. 2562 เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ เปอโยต์ ในประเทศไทย บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการขายและส่งมอบรถยนต์ เปอโยต์ ไปแล้วกว่า 2,000 คัน นอกจากนี้ เมื่อต้นปี พ.ศ. 2565 ยังได้คว้าสิทธิ์ในการเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ จี๊ป ราชาออฟ-โรด สัญชาติอเมริกัน แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โดยได้เสียงตอบรับจากแฟนๆ ชาวไทยเป็นอย่างดีเช่นกัน ทั้งนี้บริษัทฯ มีแผนพร้อมรุกขยายช่องทางการจำหน่าย และกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำความสำเร็จดังกล่าว โอกาสนี้ เปอโยต์ และ จี๊ป ขอมอบข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย เพื่อลูกค้าคนสำคัญของเราทุกท่าน ที่ให้การสนับสนุนด้วยดีเสมอมา”

ฉลองครบรอบ 4 ปี พร้อมต้อนรับเทศกาลวันแม่ รับข้อเสนอสุดพิเศษ เมื่อออกรถยนต์ เปอโยต์ และ จี๊ป ตลอดเดือนสิงหาคมนี้

•เปอโยต์ 2008 LA FRANCE EDITION ราคาพิเศษ 1.189 ล้านบาท มาพร้อม Feature ใหม่ Auto tailgate เปิด-ปิดฝาท้ายอัตโนมัติ*

•เปอโยต์ 3008 LA FRANCE EDITION ราคาพิเศษ 1.589 ล้านบาท พร้อมด้วย Ultimate 6D carpet ดีไซน์พิเศษเข้ารูป*

•เปอโยต์ 5008 LA FRANCE EDITION ราคาพิเศษ 1.789 ล้านบาท พร้อมด้วย Ultimate 6D carpet ดีไซน์พิเศษเข้ารูป*

•เพิ่มความอุ่นใจให้เจ้าของรถเปอโยต์ด้วยโปรโมชั่น ฟรี! ค่าบำรุงรักษาหลังการขาย 5 ปี

•ฟรี! การรับประกันคุณภาพสินค้า 3 ปี

•ฟรี! การบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ไม่จำกัดระยะทาง 3 ปี

•จี๊ป ฟรี! ประกันภัยชั้นหนึ่ง เมื่อจองรถยนต์ จี๊ป*

ปัจจุบัน เปอโยต์ มีโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการมาตรฐานครบวงจร 10 แห่งทั่วประเทศ แบ่งเป็น เปอโยต์ ไลอ้อน ออโตโมบิล 8 สาขา ได้แก่ เกษตร-นวมินทร์, สุขุมวิท, เยาวราช, วงเวียนพระราม 5-ราชพฤกษ์, อุบลราชธานี, ภูเก็ต, หาดใหญ่ และสตูดิโอจัดแสดงรถยนต์ เปอโยต์ สยามพารากอน และอีก 2 สาขา คือ เปอโยต์  อีสเกท มีนบุรี, เปอโยต์ สเตลล่าร์ มอเตอร์ พัทยา

ส่วน จี๊ป มีโชว์รูมทั่วประเทศ รวม  5 แห่ง คือ จี๊ป ไลอ้อน ออโตโมบิล 3 สาขา ได้แก่ สุขุมวิท, วงเวียนพระราม 5-ราชพฤกษ์ และสตูดิโอ จี๊ป สยามพารากอน, จี๊ป สเตลล่าร์ มอเตอร์ พัทยา และ จี๊ป พีแอนด์เอส นิมิตใหม่ โดยในช่วงไตรมาสที่ 4 ปีนี้ มีแผนที่จะเปิดโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการมาตรฐานครบวงจรของ เปอโยต์ และ จี๊ป ที่จังหวัดเชียงใหม่ เพิ่มอีกด้วย

พิเศษสุด! เชิญร่วมงานเทศกาลวันแม่ พบกับกิจกรรมสร้างสรรค์มากมาย ระหว่าง 11-13 สิงหาคมนี้ ที่โชว์รูมรถยนต์ เปอโยต์ และรถยนต์ จี๊ป โดยผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและนัดหมายเข้ารับบริการ โทร. ‘1488 ALWAYS CONNECTED’

LINE: @peugeotthailand

FACEBOOK: Peugeot Thailand

WEBSITE: www.peugeot.co.th

LINE: @jeepthailand

FACEBOOK: Jeep Thailand

WEBSITE: www.jeep.co.th

* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save