- Advertisement -
28.9 C
Bangkok
Home Blog Page 97

GWM รุกตลาดฟลีตส่งมอบ HAVAL JOLION Hybrid SUV จำนวน 20 คัน

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ลุยขยายพันธมิตรธุรกิจฟลีทอย่างต่อเนื่อง จับมือ Yesaway ส่งมอบ HAVAL JOLION Hybrid SUV รุ่น ULTRA จำนวน 20 คัน เน้นย้ำการขับขี่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เดินหน้าขยายพันธมิตรธุรกิจฟลีทในฐานะผู้นำด้านรถยนต์ไฟฟ้าของไทย (xEV Leader) ส่งมอบรถยนต์ HAVAL JOLION Hybrid SUV รุ่น ULTRA จำนวน 20 คันให้กับ Yesaway ผู้ให้บริการเช่ารถยนต์ชั้นนำแห่งแรกในประเทศไทยที่ให้บริการด้วยภาษาจีนตามมาตรฐานความเชี่ยวชาญระดับมืออาชีพ เปิดโอกาสให้ผู้ใช้บริการชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติได้สัมผัสกับประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น ด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มาพร้อมเทคโนโลยีการขับขี่ที่ล้ำสมัยและสมรรถนะอันทรงพลัง ในการเดินทางท่องเที่ยวทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย สานต่อเจตนารมณ์การขับขี่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อปลุกปั้นระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าไทยให้ทัดเทียมระดับสากลได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

โดยพิธีมอบรถยนต์ดังกล่าว ได้รับเกียรติจาก มร. หยิ่งซี เหลียง  กรรมการผู้จัดการ บริษัท เยสอะเวย์ จำกัด เป็นผู้รับมอบ HAVAL JOLION Hybrid SUV รุ่น ULTRA จำนวน 20 คัน จาก มร.อู๋ โบ๋วเย่ว ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการการขาย เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) และ นายสฬาชัย พิสุทธิ์ วัชระกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สุวรรณภูมิ ออโต้ จำกัด ณ ศูนย์บริการ GWM สุวรรณภูมิ ลาดกระบัง

มร.อู๋ โบ๋วเย่ว ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการการขาย เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ บริษัท เยสอะเวย์ จำกัด หรือ Yesaway ผู้ให้บริการเช่ารถยนต์ชั้นนำแห่งแรกในประเทศไทยที่ให้บริการลูกค้าเป็นภาษาจีนในสนามบินหลักของไทย อาทิ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ และพัทยา ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของระบบยานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย และนำ HAVAL JOLION Hybrid SUV เข้าไปยกระดับประสบการณ์การเดินทางด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้กับผู้ใช้บริการทุกคนด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำที่มอบความปลอดภัยและความสะดวกสบายที่เหนือกว่า เพื่อให้การเดินทางสู่จุดหมายทุกเส้นทางเปี่ยมไปด้วยคุณค่าและความประทับใจ โดย เกรท วอลล์ มอเตอร์ เชื่อมั่นว่าการร่วมมือกับ Yesaway ในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจฟลีทสำหรับเช่ารถยนต์ให้ครอบคลุมทั่วประเทศไทย เพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่รถยนต์พลังงานใหม่ให้กับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย อีกทั้งผลักดันให้สังคมไทยใส่ใจต่อการขับขี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ตอบรับนโยบายสนับสนุนของภาครัฐในการส่งเสริมพลังงานสะอาดให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เพื่อยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางของการใช้และการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียนอย่างแท้จริง”

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถร่วมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการเช่า HAVAL JOLION Hybrid SUV รุ่น ULTRA ในราคา 1,400 บาทต่อวันโดยสามารถจองรถได้ด้วยตนเองผ่านเว็บไซต์ ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม และติดตามข่าวสารเกี่ยวกับ Yesaway ได้ที่เว็บไซต์ www.yesaway.com  Facebook: Yesaway Thailand และติดต่อสำนักงานใหญ่โทร 02 101 2658

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดสเปก TANK 500

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดสเปกเต็มรูปแบบของ All New GWM TANK 500 ก่อนการเปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการ 28 กันยายน 2566 นี้ หลังเปิดจองสิทธิ์ยอดทะลุ 1,000 คัน

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เขย่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยอีกครั้ง กับการเตรียมเปิดตัว All New GWM TANK 500 รถยนต์เอสยูวีพรีเมียมออฟโรดจากแบรนด์ TANK ที่อัดแน่นด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตั้งใจออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กิจกรรมการผจญภัยของคนยุคใหม่ รวมถึงเอาใจผู้ขับขี่สายออฟโรดชาวไทย การันตีคุณภาพด้วยยอดจองสิทธิ์ซื้อกว่า 1,000 คันและรางวัล The Most Exciting SUV Award จากงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2566

All New GWM TANK 500 รถยนต์เอสยูวีรุ่นล่าสุดจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ เป็นรถยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มออฟโรดอัจฉริยะ TANK ที่ทรงประสิทธิภาพทั้งด้านพละกำลัง สมรรถนะ และเทคโลยีที่ล้ำสมัย มาพร้อมกับดีไซน์ที่บึกบึนและแข็งแกร่ง ในขณะที่แฝงไปด้วยความเรียบง่ายและหรูหรา ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ความจุ 1.76 กิโลวัตต์ ให้กำลังเครื่องยนต์สูงสุด 244 แรงม้า พร้อมแรงบิดเครื่องยนต์สูงสุด 380 นิวตัน–เมตร  และกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 106 แรงม้า พร้อมแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 268 นิวตัน-เมตร ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 9 สปีด (9HAT) ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับระบบการขับเคลื่อนที่หลากหลาย ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ถึง 11 รูปแบบ ได้แก่ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด โหมดอัตโนมัติ และโหมดออฟโรด ได้แก่ โหมดพื้นโคลน โหมดพื้นทราย โหมดพื้นหิน โหมด4L โหมด4H โหมดพื้นหิมะ และโหมดเชี่ยวชาญ สะท้อนสุนทรียภาพแห่งการผจญภัยด้วยแนวคิด “Nothing is Unreachable ไม่มีความสำเร็จไหนที่ไปไม่ถึง” ที่จะสร้างความตื่นเต้น ความแตกต่าง และประสบการณ์ที่เหนือชั้นให้กับทุกเส้นทาง

All New GWM TANK 500 ถูกสร้างสรรค์มาด้วยปรัชญาการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานในทุกมิติตั้งแต่หน้ารถจรดท้ายรถ ตามลักษณะที่เป็น DNA ของ TANK ที่มีความแข็งแกร่ง ทะมัดทะแมง แต่เปี่ยมไปด้วยความเรียบหรูและสง่างาม ด้วยมิติตัวรถ 1934 x 5078 x 1905 มม. (กว้าง x ยาว x สูง) ใหญ่กว้างขวางที่สุดในรถยนต์ระดับเดียวกัน มาพร้อมระยะฐานล้อ 2850 มม. ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ ดับเบิ้ล ครอส อาร์ม และระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงค์ ให้การขับขี่ที่ยึดเกาะถนนและนั่งสบายเพื่อตอบสนองการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมือง

นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการลุยน้ำที่ระดับความลึก 800 มม. ทำให้ผู้ขับขี่พร้อมทะยานอย่างไม่มีขีดจำกัดในทุกสถานการณ์ กระจังหน้าขนาดใหญ่ผสานช่องระบายอากาศแนวนอนและโลโก้ TANK ที่รับเส้นสายที่นูนขึ้นของฝากระโปรง ไฟหน้า Intelligent LED โดดเด่นทั้งในเรื่องให้ความสว่างและความปลอดภัยด้วยระบบอัจฉริยะ อาทิ ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ และฟังก์ชันหน่วงเวลาไฟส่องทางหลังดับเครื่อง (Follow Me Home) พร้อม Daytime Running Light และไฟตัดหมอกด้านหน้าและหลังแบบ LED ในขณะที่ดีไซน์ด้านหลังนั้นถูกออกแบบภายใต้แนวคิดออฟโรด ด้วยประตูท้ายแบบ Horizontal ที่มาควบคู่กับระบบดูดไฟฟ้าเพื่อผ่อนแรงและอำนวยความสะดวกสบายในการปิดประตูท้าย ไฟท้าย Vertical LED ที่มาพร้อมไฟเบรกดวงที่สามและไฟตัดหมอกแบบ LED อย่างเต็มระบบ ตอบโจทย์ทั้งแฟชันและฟังก์ชันได้อย่างลงตัว บันไดข้างที่เปิด–ปิดด้วยระบบไฟฟ้า หลังคาซันรูฟระบบไฟฟ้าแบบพาโนรามิคขนาดใหญ่ที่มาพร้อมราวหลังคา เพื่อเพิ่มการใช้งานเสาอากาศแบบ Shark Fin และสปอยเลอร์ท้าย ยกระดับภาพลักษณ์การขับขี่ที่หรูหรามั่นใจด้วยล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว และยางขนาด 265/50 R20

การออกแบบทั้งภายนอกและภายในของ All New GWM TANK 500 มาพร้อมกับแนวคิด Luxury ที่ให้ทั้งความหรูหรา กว้างขวาง และสะดวกสบาย ใส่ใจทุกรายละเอียดด้วยวัสดุสีดำ สีดำเงา สีโครเมียม และสีเงิน แผงคอนโซลหน้าและชุดเกียร์แบบ Electronic Shifter สีทูโทน นาฬิกาแบบคลาสสิก เบาะหนัง NAPPA ลำโพง Infinity 12 ตัวที่พร้อมมอบความบันเทิงอย่างเต็มรูปแบบร่วมกับระบบแอมพลิฟายเออร์อิสระและระบบปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามความเร็วรถ ฟังก์ชันไฟตกแต่งห้องโดยสารแบบหลากสีและเป็นจังหวะ เพื่อสร้างบรรยากาศภายในให้เพลิดเพลิน ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา ระบบกรองอากาศ PM2.5 และระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย เพื่อช่วยให้การชาร์จโทรศัพท์มือถือเป็นไปได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

เพื่อความสะดวกสบายในทุกมิติของการเดินทาง All New GWM TANK 500 มาพร้อมกับเบาะนั่งไฟฟ้าคู่หน้า ระบบเบาะนวดไฟฟ้า ระบบดันหลังปรับด้วยไฟฟ้า ระบบระบายอากาศ และเบาะหนัง NAPPA เพื่อช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้าให้ผู้ขับขี่ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง มีระบบ Memory Seat และระบบ Welcome Seat เพิ่มความสะดวกในการขึ้น-ลงรถ เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับแบบไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง มีปุ่มปรับตำแหน่งเบาะผู้โดยสารด้านหน้าจากด้านคนขับ เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 มีหน้าจอควบคุมระบบระบายอากาศ และเบาะระบายอากาศ เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 3 มีพนักพิงปรับแบบไฟฟ้าที่เพิ่มความสะดวกด้วยตำแหน่งปรับพนักพิงบริเวณข้างประตูผู้โดยสารแถวที่ 2 และประตูท้าย ยิ่งไปกว่านั้น ส่วนของเบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 สามารถแยกพับเบาะได้แบบ 60:40 และเบาะนั่งแถวที่ 3 สามารถพับเรียบ เพื่อเพิ่มพื้นที่และความสะดวกในการใช้สอยตามอเนกประสงค์ได้อย่างเต็มที่

All New GWM TANK 500 ได้นำเสนอความสามารถในการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่โดยเฉพาะ ด้วยหน้าจอกลางอัจฉริยะแบบสัมผัสขนาด 14.6 นิ้ว ซึ่งรองรับความบันเทิงได้ทั้ง Apple CarPlay, Android Auto, MP5, Bluetooth, ระบบนำทาง, และแสดงข้อมูลการขับขี่ โดยหน้าจอกลางอัจฉริยะนี้สามารถเชื่อมต่อกับหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกด้านหน้า เพื่อเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัยและง่ายดาย อีกทั้งรถยนต์รุ่นนี้ยังช่วยเพิ่มความคล่องตัวของการขับขี่ด้วยพวงมาลัยปรับแบบไฟฟ้า 4 ทิศทาง ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงและสวิตช์ควบคุมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ ระบบเปิด-ปิดล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อเข้าใกล้และออกห่างจากรถ ระบบกุญแจ Smart Key และระบบ Push Start

นอกจากนี้  All New GWM TANK 500 ยังเพรียบพร้อมไปด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบออฟโรดอันชาญฉลาดและล้ำสมัย ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยและความมั่นใจในทุกการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็น

•ระบบล็อกเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง (Front & Rear Electric Differential Locks) ช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดของยานพาหนะเมื่อเผชิญกับทางลาดชัน โคลน ทะเลทราย และภูมิประเทศที่ซับซ้อนอื่นๆ ด้วยกลไกการถ่ายโอนกำลัง ทำงานร่วมกันกับกลไกล็อกของกล่องถ่ายโอนทั้งล้อหน้าและล้อหลัง สร้างระบบขับเคลื่อนออฟโรดแบบ 3 locks เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ออฟโรดที่ดีเยี่ยม

•ระบบช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ (TANK Turn) ทันทีที่เปิดฟังก์ชัน เมื่อระบบตรวจพบความตั้งใจในการบังคับเลี้ยวมากเกินไป ระบบจะส่งแรงเบรกไปที่ล้อหลังด้านในเพื่อลดรัศมีวงเลี้ยว เพื่อช่วยให้รถสามารถเลี้ยวในวงแคบได้

•ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ Off-road (Offroad Cruise Control) ทันทีที่เปิดฟังก์ชัน ระบบจะควบคุมเครื่องยนต์และระบบเบรกโดยอัตโนมัติให้รถวิ่งด้วยความเร็วต่ำและความเร็วสม่ำเสมอ เพื่อให้ผู้ขับขี่ไม่เสียสมาธิและเพิ่มความปลอดภัยจากการควบคุมรถบนสภาพถนนที่ซับซ้อน

•ระบบตรวจจับความลึกของน้ำ (Wading Depth Detection) ทันทีที่เปิดฟังก์ชัน ระบบจะประเมินความลึกของระดับน้ำและแสดงผลของระดับน้ำประกอบภาพรถบนหน้าจอกลาง เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่เมื่อขับผ่านสภาพถนนที่มีน้ำท่วมขัง

•ระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ (Body Transparent) ทันทีที่เปิดฟังก์ชัน ระบบจะจดจำข้อมูลของพื้นที่รอบเส้นทางการขับขี่ของกล้องรอบตัวรถและสร้างภาพเสมือนแบบ 360 องศา จากมุมมองด้านบนของตัวรถ ในลักษณะแบบโปร่งใสเห็นพื้นผิวถนนด้านล่าง และแสดงภาพด้านหน้าของรถ ช่วยให้ผู้ขับขี่ทราบถึงสภาพถนนใต้ท้องรถ เพิ่มความปลอดภัยและประสบการณ์การขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น All New GWM TANK 500 มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่และระบบความปลอดภัยมากมาย ให้ทุกการเดินทางปลอดภัยไร้กังวล ได้แก่

•ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent ACC)

•ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA)

•ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IIP)

•ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA)

•กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา

•ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) และระบบช่วยเบรกฉุกเฉินที่ความเร็วต่ำ (MEB)

•ระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA/ RCTB)

•ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS)

•ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA)

•ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)

•ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK)

•ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK)

•ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน (LCA)

•ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 (SCM)

•ระบบช่วยลงทางลาดชัน (HDC) และระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA)

•ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW)

•ระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS)

 All New GWM TANK 500 ยังจัดเต็มไปด้วยฟังก์ชันอัจฉริยะ (Intelligent Functions) ที่มาช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งานของผู้ขับขี่อย่างครบวงจรในทุกมิติ แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยียนตกรรมของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ไม่ว่าจะเป็น การอัปเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA) การสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Command) และ การควบคุมและเชื่อมต่อฟังก์ชันของรถยนต์ผ่าน GWM Application แม้ในขณะผู้ขับขี่จะอยู่ในระยะที่ไกลจากตัวรถ เช่น การควบคุมระบบปรับอากาศ การล็อกและปลดล็อกประตู การค้นหารถยนต์ การปิดหน้าต่าง การปิดซันรูฟ การควบคุมระบบระบายความร้อนของเบาะ การแสดงตำแหน่งรถยนต์ การกำหนดรัศมีการใช้งานรถ และระบบตรวจสอบสถานะอื่นๆ

All New GWM TANK 500 มาพร้อมกับ 2 รุ่นย่อยให้แฟนๆ ชาวไทยได้จับจอง ได้แก่ รุ่น ULTRA และรุ่น PRO โดยมีเฉดสีรถภายนอกทั้งหมด 4 เฉดสี ได้แก่ สีขาว สีดำ สีเทา และสีใหม่เทาคริสตัล (เฉพาะรุ่น ULTRA) และเฉดสีรถภายในทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ และทูโทนสีน้ำเงิน-เบจ (เฉพาะรุ่น ULTRA และตัวรถสีเทาคริสตัล)

สำหรับลูกค้าที่สนใจ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ www.gwm.co.th และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการของ All New GWM TANK 500 ได้ในวันที่ 28 กันยายน 2566 นี้ เวลา 16.00 – 18.00 น. ทาง Facebook, YouTube และ TikTok ของ GWM Thailand และ GWM TANK Thailand

MGC-ASIA เปิดศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังเทสลา

MGC-ASIA รุกธุรกิจบริการหลังการขาย ดันรายได้เติบโตแบบก้าวกระโดด ลุยเปิด ‘Tesla Approved Body Shop’ (TAB) ศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังรถยนต์ไฟฟ้า เทสลา อย่างเป็นทางการ แต่เพียงผู้เดียว

บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็มจีซี-เอเชีย เดินหน้าขยายธุรกิจรองรับการเติบโตแบบก้าวกระโดด จับมือกับ เทสลา เปิดศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังรถยนต์ไฟฟ้า ‘Tesla Approved Body Shop’ (TAB) อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียว ภายใต้การดูแลของบริษัทในเครือ อย่าง มาสเตอร์ มอเตอร์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) ผู้นำด้านธุรกิจศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร ภายใต้ชื่อ ‘เอ็มเอ็มเอส บ๊อช คาร์ เซอร์วิส แอนด์ ไทร์’ ที่ให้บริการมากว่า 15 ปี และเป็นผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงรักษารถยนต์จากประเทศเยอรมนี ทูนแนป (TUNAP ) แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ที่โชว์รูมพร้อมศูนย์บริการครบวงจร ‘เทสลา เซ็นเตอร์’ ถนนรามคำแหง กรุงเทพฯ

นางสาวขนิษ วงศ์จินดารักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์ มอเตอร์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า “เอ็มเอ็มเอส บ๊อช คาร์ เซอร์วิส แอนด์ ไทร์ ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์เรื่องงานซ่อมบำรุงรถยนต์แบบครบวงจร ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘หนัก-เบา เราซ่อมได้’ อาทิ การตรวจสภาพพร้อมบำรุงรักษาตามระยะทาง, ทำความสะอาดระบบปรับอากาศ, เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง, แบตเตอรี่, ยาง, เบรก ไปจนถึงการซ่อมช่วงล่างเกียร์อัตโนมัติ, เครื่องยนต์ และระบบไฮบริด โดยบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ ที่ผ่านการฝึกอบรมจากสถาบัน มาสเตอร์ ออโตโมทีฟ เทรนนิ่ง นอกจากนี้ เรายังเป็นผู้แทนจำหน่ายสุดยอดผลิตภัณฑ์จากประเทศเยอรมนี ทั้งจานเบรกและผ้าเบรกของ Bosch Blue Line รวมถึง TUNAP ผลิตภัณฑ์ช่วยดูแลรักษารถยนต์ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย การผนึกกำลังกับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า เทสลา เปิดศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังรถยนต์ เทสลา อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียว ตอกย้ำการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งเรามีความพร้อมในการให้บริการ ทั้งเครื่องมือช่าง อะไหล่ต่างๆ รวมถึงบุคลากรที่ผ่านการฝึกอบรมตามมาตรฐานงานซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้าจาก เทสลา นับเป็นการอำนวยความสะดวก และสร้างความอุ่นใจให้กับท่านเจ้าของรถ ซึ่งนับวันจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ”

จัดเต็มเครื่องมือพิเศษ พร้อมส่งบุคลากรไปฝึกอบรมและศึกษาข้อมูลเฉพาะด้าน

Tesla Approved Body Shop (TAB) โดย เอ็มเอ็มเอส ได้จัดซื้อเครื่องมือพิเศษ สำหรับซ่อมบำรุงรถยนต์ เทสลา โดยเฉพาะ มีบริการช่องซ่อมกว่า 25 ช่องช่อม ห้องพ่นสีตามมาตรฐานของ เทสลา สหรัฐอเมริกา จำนวน 2 ห้อง ที่สำคัญได้จัดส่งบุคลากรที่มีประสบการณ์ ด้านการซ่อมสีและตัวถัง ไปฝึกอบรมและเรียนรู้เกี่ยวกับส่วนประกอบต่างๆ ของรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อความเข้าใจในการถอดประกอบ ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรีแรงดันไฟสูง ไปถึงความเข้าใจในวัสดุที่ใช้ผลิตตัวถังรถ ที่มีส่วนประกอบของอะลูมิเนียมและโลหะผสม ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้ เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกับ เทสลา สหรัฐอเมริกา

ประสานงานบริษัทประกันภัยชั้นนำ รวดเร็วด้วยการเคลม ผ่านระบบแจ้งนำรถเข้าซ่อม 1396

Tesla Approved Body Shop (TAB) พร้อมให้บริการซ่อมสีและตัวถัง สำหรับรถยนต์ เทสลาอย่างเต็มรูปแบบ โดยได้เตรียมพร้อมในการจัดหาอะไหล่ชิ้นส่วนตัวถังที่จำเป็น และประสานงานกับบริษัทประกันภัยชั้นนำ เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการนำรถเข้ารับบริการ ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือแจ้งนำรถยนต์ของท่านเข้ารับบริการผ่านสายด่วน โทร. 1396

ประชากร เทสลา ขยายตัวต่อเนื่อง Tesla Approved Body Shop (TAB) พร้อมให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ 

เทสลา ได้เริ่มเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเมื่อปลายปี 2565 โดยการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ มีโชว์รูมชั่วคราว 2 แห่ง คือ ศูนย์การค้าสยามพารากอน และศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมกับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดจึงได้เปิดโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการครบวงจร ‘เทสลา เซ็นเตอร์’ ที่โครงการ เดอะ พาซิโอ ถนนรามคำแหง ซึ่งการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของจำนวนรถยนต์ไฟฟ้า TESLA ในประเทศไทย นับเป็นโอกาสในการเปิดศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถัง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า TESLA โดย Tesla Approved Body Shop (TAB) มีแผนในการขยายศูนย์บริการเพิ่ม บนพื้นที่ที่มีศักยภาพ เพื่อรองรองรับการเติบโตในอนาคต

Howden Maxi คว้ารางวัลประกันวินาศภัยดีเด่น

Howden Maxi คว้ารางวัลนายหน้าประกันวินาศภัยนิติบุคคลคุณภาพดีเด่น ติดต่อกันเป็นปีที่ 3

นายจิตวุฒิ ศศิบุตร (ซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด หรือ Howden Maxi นายหน้าประกันภัยที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า รับมอบรางวัลนายหน้าประกันวินาศภัยนิติบุคคลคุณภาพดีเด่น ประจำปี 2565 ซึ่งเป็นปีที่ 3 จากนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ (ขวา) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และประธานในพิธีมอบรางวัลประกันภัยดีเด่นครบวงจร ประจำปี 2566 (PRIME MINISTER’S INSURANCE AWARDS 2023) ภายในงาน ‘Thailand InsurTech Fair 2023’ ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) โดยรางวัลดังกล่าว พิจารณาจากพื้นฐานการยึดมั่นในแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ดี บนมาตรฐานจรรยาบรรณของวิชาชีพการเป็นนายหน้าประกันภัยต่อ ด้วยความโปร่งใส ซื่อสัตย์ สุจริต พร้อมทั้งการพัฒนาองค์กรสูความยั่งยืน ณ ห้องประชุมฟีนิกซ์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี เมื่อเร็วๆ นี้

อนึ่ง ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ เป็นส่วนหนึ่งของ ฮาวเด้น กรุ๊ป โฮลดิ้ง นายหน้าประกันภัยชั้นนำระดับโลก จากประเทศอังกฤษ และบริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้นำธุรกิจไลฟ์สไตล์โมบิลิตี้แบบครบวงจร พร้อมให้บริการด้านธุรกิจประกันภัยทุกประเภท ตอบโจทย์ลูกค้าทั้งในประเทศไทย และบนเวทีระดับสากล

เปอโยต์ ตอกย้ำแบรนด์ SUV ทางเลือกยุโรปที่ดีที่สุด

เปอโยต์ ไลอ้อน ออโตโมบิล เดินหน้ายอดขายเติบโต การันตีเอสยูวี 3 รุ่นฮอท ย้ำแบรนด์พรีเมียมรถยนต์สันดาปดีที่สุดจากฝรั่งเศส

เปอโยต์ ไลอ้อน ออโตโมบิล ผู้จำหน่ายแบรนด์รถยนต์ฝรั่งเศส ‘เปอโยต์’ อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ตอกย้ำแบรนด์พรีเมียมทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับรถยุโรปที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป ปลื้มความสำเร็จยอดขายเติบโตขึ้นจากงาน BIG MOTOR SALE 2023 ที่ผ่านมา กับเอสยูวีมาตรฐานยุโรป ทั้ง 3 รุ่น 2008, 3008 และ 5008 เอสยูวี 7 ที่นั่ง โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่ยังไม่มั่นใจในรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ไม่ว่าจะด้วยข้อจำกัดเรื่องที่พักอาศัย ระยะทางในการใช้งาน หรือแม้กระทั่งไลฟ์สไตล์การใช้รถยนต์ ที่เน้นความอิสระ ไม่มีข้อจำกัดในการเดินทาง

นายภูยส มังกรกาญจน์ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ไลอ้อน ออโตโมบิล จำกัด เผยว่า “ปัจจุบันรถยนต์เป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิต และผู้บริโภคก็มีทางเลือกเพิ่มขึ้น รถยนต์ เปอโยต์ ของเรา มุ่งเน้นความเป็นพรีเมียมสไตล์ฝรั่งเศส ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีเครื่องยนต์ที่ประหยัดพลังงานอย่าง ‘PureTech’ คุณภาพการผลิต รวมถึงมาตรฐานความปลอดภัย ‘NCAP’ จากยุโรป ในราคาผู้ชื่นชอบรถยนต์มาตรฐานยุโรป สามารถครอบครองได้อย่างสบายกระเป๋า”

แบรนด์รถยนต์ เปอโยต์ กลับมาทำตลาดในประเทศไทย นับตั้งแต่ปี 2019 ตลอดระยะเวลา 4 ปีเต็ม ได้มีการขยายเครือข่ายทั้งในด้านการขาย และงานบริการอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีผู้นิยมใช้รถยนต์ เปอโยต์ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง เปอโยต์ ไลอ้อน ออโตโมบิล มีการขยายเครือข่ายรอบรับ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวม 8 สาขา ได้แก่ เกษตร-นวมินทร์, สุขุมวิท, เยาวราช, วงเวียนพระราม 5-ราชพฤกษ์, อุบลราชธานี, ภูเก็ต, หาดใหญ่ และสตูดิโอจัดแสดงรถยนต์ เปอโยต์ สยามพารากอน และล่าสุดได้ขยายเครือข่ายบริการหลังการขาย ด้วยการจับมือกับ เอ็มเอ็มเอส บ๊อช คาร์ เซอร์วิส แอนด์ ไทร์ (MMS) ภายใต้ชื่อ ‘PEUGEOT Service Outlet’ อย่างเป็นทางการ อีก 13 สาขา ทำให้ปัจจุบันมีเครือข่ายการให้บริการเพิ่มกว่าเท่าตัว รวมทั้งสิ้น 21 แห่งทั่วประเทศ  สร้างความมั่นใจและพึงพอใจสูงสุดสำหรับลูกค้า รองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต

สัมผัส เปอโยต์ เอสยูวีมาตรฐานยุโรป ได้ที่งาน MGC-ASIA MOBILITY CARNIVAL พร้อมข้อเสนอสุดคุ้มมากมายภายในงาน อาทิ เปอโยต์ รุ่นพิเศษ ฉลองครบรอบ 4 ปี ในประเทศไทย ‘LA FRANCE EDITION’ ทั้ง 2008 ที่มาพร้อมฝาท้ายเปิด-ปิด อัตโนมัติ รวมถึงรุ่น 3008 และ 5008 ในรูปแบบ 7 ที่นั่ง โดยเฉพาะ 3008 กับสีใหม่เร้าใจ Emerald Cystal สำหรับผู้มีไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนใคร พร้อมลุ้นรับส่วนลดเพิ่มสูงสุดอีก 100,000 บาท*

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

มาสเตอร์ฯ ยกทัพ BMW และ Benzw ไมล์น้อยจัดกิจกรรม Used Car Fair

มาสเตอร์ฯ ฉลองเดือนกันยายน จัดกิจกรรม ‘Used Car Fair’ ยกทัพ BMW และ Benz ไมล์น้อย รวมกว่า 60 คัน พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ 8-17 กันยายน 2566

บริษัท มาสเตอร์ เซอร์ทิฟายด์ ยูสคาร์ จำกัด ศูนย์รวมรถยนต์มือสองครบวงจร ภายใต้บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) ฉลองเดือนกันยายน จัดกิจกรรม ‘Used Car Fair’ ภายใต้คอนเซ็ปต์แห่งความสนุกสนาน ยกทัพยนตรกรรม BMW และ BENZ ไมล์น้อย สภาพดี การันตีคุณภาพ รวมกว่า 60 คัน ให้ลูกค้าได้เลือกคันที่ชอบ จองคันที่ใช่ ก่อนใคร ระหว่างวันที่ 8-17 กันยายนนี้ ที่โชว์รูม BMW Used Car Millennium Auto ลาดพร้าว 112, BMW Used Car Millennium Auto พัฒนาการ-ศรีนครินทร์ และ Benz Certified Used Car ลาดพร้าว 112 หรือรับข้อเสนอพิเศษ ได้ที่โชว์รูม มิลเลนเนียม ออโต้ ยูสคาร์ ทุกสาขา

นายสมชาย ตระกูลภิรมย์, รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “งานนี้เราจัดข้อเสนอสุดคุ้มค่า ให้ลูกค้าได้เป็นเจ้าของ BMW และ BENZ มือสอง ไมล์น้อย หลากรุ่น ภายใต้บรรยากาศคึกคักของ ‘Used Car Fair’ ขอเชิญชวนผู้ที่กำลังมองหา BMW และ BENZ ในราคาคุ้มค่า มาเลือกชมกันได้ที่งานครับ”

BMW และ BENZ มือสอง รวมกว่า 60 คัน พร้อมให้จับจอง ภายใต้ข้อเสนอสุดพิเศษ

มาสเตอร์ เซอร์ทิฟายด์ ยูสคาร์ ยกทัพ BMW และ BENZ ไมล์น้อย รวมกว่า 60 คัน มาให้ลูกค้าได้เลือกสรรแบบจุใจ นำโดยยนตรกรรมไฮไลท์ อาทิ

•BMW 330e Sport ปี 2018 เลขไมล์ 61,090 กม. สีดำ ราคา 1,250,000 บาท*

•BMW 530e Highline ปี 2021 เลขไมล์ 59,349 กม. สีดำ ราคา 1,680,000 บาท*

•BMW 745Le xDrive ปี 2021 เลขไมล์ 62,040 กม. สีดำ ราคา 3,780,000 บาท*

•BMW X5 4.5e xDrive ปี 2020 เลขไมล์ 38,951 กม. สีขาว ราคา 3,680,000 บาท*

•BENZ C300 AV ปี 2021 เลขไมล์ 59,757 กม. สีขาว ราคา 1,599,000 บาท*

•BENZ E300e AMG ปี 2023 เลขไมล์ 49,951 กม. สีเทา ราคา 2,659,000 บาท*

•BENZ E350e AMG ปี 2017 เลขไมล์ 34,199 กม. สีขาว ราคา 1,590,000 บาท*

โดยรถยนต์ทุกคัน มาพร้อมข้อเสนอพิเศษ ที่คุณสามารถเลือกได้

•ฟรี! ประกันภัยชั้นหนึ่ง*

•ฟรี! รับประกันคุณภาพ 1 ปี หรือ 30,000 กม.*

•ฟรี! เพิ่ม BSI Package*

•ส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท*

•ส่วนลดค่าอะไหล่ 10%*

สุดพิเศษ เมื่อจองรถ รับเลย! บริการอบโอโซนห้องโดยสาร มูลค่า 4,500 บาท*

พบกันที่งาน ‘Used Car Fair’ 8-17 กันยายน 2566 นี้ ที่โชว์รูม BMW Used Car Millennium Auto ลาดพร้าว 112, BMW Used Car Millennium Auto พัฒนาการ-ศรีนครินทร์ และ Benz Certified Used Car ลาดพร้าว 112 หรือรับข้อเสนอพิเศษได้ที่โชว์รูม มิลเลนเนียม ออโต้ ยูสคาร์ ทุกสาขา

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

โทร. 094-678-2888

LINE: @masterusedcar https://lin.ee/cX9A5Vg

Official Website: www.masterusedcar.com

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด    

Audi Road to Korat เยี่ยมชมอาวดี้ โคราช พร้อมเปิดตัว RS Q3 Sportback edition 10

Audi Road to Korat ยกทัพขบวนอาวดี้กว่า 60 คัน เยี่ยมชม อาวดี้ โคราช ปักธงอีสานตอนล่างพร้อมเปิดตัวรุ่นพิเศษ ฉลองครบรอบ 10 ปี RS Q3 Sportback edition 10

อาวดี้ จัดกิจกรรมเปิดประสบการณ์การขับอาวดี้กว่า 60 คัน หลากรุ่นครอบคลุมทุกเซกเมนต์ให้สื่อมวลชนได้ทดสอบสมรรถนะในเส้นทาง กรุงเทพฯ – นครราสีมา (โคราช) รวมทั้งสิ้น 284 กิโลเมตร แวะเยี่ยมชม อาวดี้ โคราช โชว์รูมและศูนย์บริการ สาขาที่ 8 เมื่อวันอังคารที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา พร้อมไฮไลท์เด่นประจำทริป เปิดตัว RS Q3 รุ่นพิเศษ  ที่ฉลองครบรอบ 10 ปี ของรถเอสยูวีสมรรถณะสูง จัดเต็มทั้งภายนอกและภายใน

ทริป “Audi Road to Korat” เส้นทาง กรุงเทพฯ – จ.นครราชสีมา เต็มไปด้วยความสนุกสนานตั้งแต่เริ่มต้นยนตรกรรมอาวดี้กว่า 60 คัน ครบครันทุกรุ่นทุกเซกเมนต์ สื่อมวลชนลงทะเบียน ฟังบรีฟเส้นทางทริปจากผู้บริหาร และเคลื่อนขบวนออกจาก ร้านเกรฮาวด์ คาเฟ่ สาขาคริสตัลปาร์ค ใช้เส้นทางพิเศษกาญจนาภิเษก มุ่งสู่วงแหวนรอบนอก ไปถึงปากช่องในช่วงเวลาก่อนเที่ยง ร่วมรับประทานอาหารกลางวันที่ ร้านมิดวินเทอร์ เขาใหญ่ ตลอดเส้นทางสื่อมวลชนได้ร่วมทดสอบสมรรถนะรถอาวดี้หลากหลายรุ่น และชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติ คาราวานรถอาวดี้กว่า 60 คัน นำขบวนด้วยรถอาวดี้ TTRS และ TT Coupé หลากสีสัน ขบวนรถยอดฮิตขวัญใจแฟนอาวดี้ A5 Coupé และ A5 Sportback วิ่งผ่านอุโมงค์ต้นไม้ มทส. ความสวยงามของอุโมงค์ต้นจามจุรีที่ทอดยาวและโค้งไปตามถนนกว่า 500 เมตร ภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ถือเป็นหนึ่งในจุดถ่ายรูปยอดฮิตที่ได้รับการรีวิวขึ้นโลกออนไลน์มานับไม่ถ้วน ช่วงบ่ายสื่อมวลชนและผู้บริหาร อาวดี้ ประเทศไทย เยี่ยมชม โชว์รูม อาวดี้ โคราช และศูนย์บริการครบวงจร สาขาที่ 8 ที่จังหวัดนครราชสีมา และช่วงค่ำปิดทริปด้วยการเปิดตัว RS Q3 Edition 10 ที่โรงแรมเซ็นทารา โคราช

นายกฤษณะกร เศวตนันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อาวดี้ ประเทศไทย เผยว่า “นครราชสีมาเป็นประตูสู่ภาคอีสาน ถือเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญที่มีความพร้อมทั้งสถานที่ท่องเที่ยว สิ่งอำนวยความสะดวก การคมนาคม สาธารณูปโภค และยังมีโครงการลงทุนจากภาครัฐและเอกชน เช่น โครงการรถไฟฟ้าทางคู่มอเตอร์เวย์ โครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ ถือเป็นเมืองที่มีศักยภาพการเติบโต และเชื่อมั่นว่า อาวดี้ โคราช จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ให้เติบโตมากยิ่งขึ้น อาวดี้ โคราช อยู่ในแผนการขยายธุรกิจ เพิ่มจำนวนโชว์รูมให้ครบ 9 สาขา ทั่วประเทศไทย ภายในสิ้นปี 2566 เพื่อเตรียมความพร้อมไปสู่เป้าหมายยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องในปีนี้”

นายจิรัชยุติ์ อัมยงค์ กรรมการบริหาร อาวดี้ โคราช (บริษัท เอเค 18 จำกัด) กล่าวถึงการเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการ อาวดี้ โคราช ว่า “บริษัทฯ เล็งเห็นศักยภาพทางธุรกิจ จากอัตราการเติบโตของยอดจำหน่ายรถยนต์อย่างต่อเนื่องในจังหวัดนครราชสีมา และดูแลลูกค้าในพื้นที่ภาคอีสานตอนล่าง ครอบคลุมจังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ จุดเด่นของโชว์รูมและศูนย์บริการ อาวดี้ โคราช คือ โชว์รูมและศูนย์บริการที่ได้มาตรฐานและครบวงจร ตั้งอยู่ในทำเลพื้นที่ยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ ใกล้เมือง พร้อมรองรับลูกค้าในจังหวัดนครราชสีมา และลูกค้าที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อีสานตอนล่างมีกำลังซื้อสูง เชื่อมั่นว่า อาวดี้ โคราช จะตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบดีไซน์และสมรรถนะที่โดดเด่นของอาวดี้ และกลุ่มลูกค้าที่กำลังมองหารถยนต์พรีเมียมคุณภาพนำเข้าทั้งคันและบริการหลังการขายที่ได้มาตรฐาน ลูกค้าที่ชื่นชอบแบรนด์อาวดี้ ไม่ต้องเดินทางไปถึงกรุงเทพฯ และต้องขอขอบคุณ อาวดี้ ประเทศไทย ที่ให้การสนับสนุนในทุกมิติ ทั้งจัดอบรมให้บุคลากรได้เรียนรู้และฝึกหัดจนชำนาญ ทำให้ อาวดี้ โคราช มีความพร้อมที่จะดูแลแฟนอาวดี้ในภาคอีสานตอนล่างอย่างเต็มที่ ภายใต้พื้นที่ใช้สอยกว่า 1,500 ตารางเมตร อาวดี้ โคราช สามารถรองรับการบริการลูกค้าทั้งการขายและบริการหลังการขาย ด้วยเงินลงทุนกว่า 250 ล้านบาท สามารถจัดแสดงรถในโชว์รูมได้มากถึง 9 คัน ด้านบริการหลังการขาย ศูนย์บริการมีจำนวน 5 ช่องซ่อม ที่พร้อมต่อขยายเพิ่มอีกกว่า 10 ช่องซ่อม เพื่อรองรับอนาคต สามารถรองรับลูกค้าได้กว่า 250 คัน/เดือน (3,000 คัน/ ปี) และอนาคตคาดว่าสามารถรองรับได้กว่า 700 คัน/เดือน เมื่อขยายเพิ่ม” และเนื่องในโอกาสเปิดโชว์รูมอย่างเป็นทางการ อาวดี้ โคราช จัดแคมเปญพิเศษให้ลูกค้าอาวดี้ ไม่ต้องดาวน์ ดอกเบี้ย 0% นาน 48 เดือน ราคารถหาร 48 เดือน ก็สามารถออกรถได้เลย ลูกค้าที่สนใจทดลองขับสามารถติดต่อได้ที่ โชว์รูม อาวดี้ โคราช ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 8 ถ.มิตรภาพ ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา 30000

RS Q3 Sportback edition 10 years

ฉลองครบรอบ 10 ปี RS Q3 Sportback edition 10 years จำนวนจำกัดเพียง 555 คัน ที่มาพร้อมกับออปชั่นสุดพิเศษครั้งแรกในประเทศไทย เอสยูวีสมรรถนะสูงเครื่องยนต์ 5 สูบ 2.5 ลิตร เทอร์โบชาร์จ 400 แรงม้า จัดเต็มแพ็คเกจแต่งพิเศษ เพิ่มความสปอร์ตทั้งภายนอกและภายใน เปิดตัวในเฉดสีใหม่ Chronos Grey Metallic เฉพาะรุ่นนี้ ล้อลวดลายใหม่ขนาด 21 นิ้ว สำหรับ edition 10 years คาลิปเปอร์เบรกสี Anthracite grey ลุคสปอร์ตดุดันด้วยชุดแต่ง Black edition รอบคันคู่กับ RS Sports exhaust และ Rhombus Projector LED รูปแบบใหม่แสดงความเป็นเอกลักษณ์ของตระกูล RS

ห้องโดยสารของ RS Q3 Sportback edition 10 years มาพร้อมเบาะบักเก็ตซีตสุดพิเศษที่ออกแบบมาอย่างลงตัว ใช้วัสดุคุณภาพสูง สะท้อน DNA Motorsport เบาะหุ้มด้วยหนัง Fine Nappa และ Dinamica หลังเบาะตกแต่งด้วย matte carbon อาวดี้ ประเทศไทย ประกาศราคา RS Q3 Sportback edition 10 years ราคา 5,299,000 บาท

Audi เป็นรถยนต์นำเข้าทั้งคัน คุณภาพมาตรฐานเยอรมันทุกรุ่น ลูกค้าที่ออกรถใหม่จะได้รับการดูแลจาก Audi Protection การรับประกันรถใหม่ 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance ทั่วประเทศ 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี ลูกค้าอาวดี้สามารถมั่นใจกับงานบริการหลังการขายซึ่งมีมาตรฐานคุณภาพเดียวกันทุกสาขา โทรนัดหมายได้ที่

Audi Centre Thailand                02-765-8888           

Audi New Petchburi                  02-023-4888

Audi Pattaya                             038-197-888

Audi Phuket                              076-646-666

Audi Service Chiang Mai          052-081-188

Audi Service Ratchapruek        02-034-5888

Audi Udonthani                         093-161-5588

Audi Korat                                  044-017-888

มิตซูบิชิ ชวนนักวิ่งพิสูจน์ความฟิต พร้อมทำบุญ

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ชวนนักวิ่งพิสูจน์ความฟิต พร้อมทำบุญ ร่วมสมทบทุนจัดซื้อเครื่องมือแพทย์กับงานวิ่งการกุศล ครั้งที่ 4 ที่เขาชีจรรย์ ชลบุรี 12 พ.ย. นี้

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ มูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ขอเชิญนักวิ่งเข้าร่วมงานวิ่งการกุศล ครั้งที่ 4 หรือ “Mitsubishi Motors Charity Run 2023#4” ในวันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน 2566 ณ วิหารเซียน เขาชีจรรย์ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พร้อมเปิดรับสมัครแล้ววันนี้ – 12 ตุลาคมนี้ โดยรายได้ส่วนหนึ่งจะนำไปสมทบทุนซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ ให้กับโรงพยาบาลที่ขาดแคลน

รายการวิ่งการกุศลในปีนี้ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ Fun Run ระยะทาง 5 กิโลเมตร (ค่าสมัคร 550 บาท) และ Mini Marathon ระยะทาง 10 กิโลเมตร (ค่าสมัคร 650 บาท) ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมงาน และดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.mitsubishimotorscharityrun.com ผู้เข้าร่วมงานทุกท่านจะได้รับเสื้อ หมายเลขวิ่ง เหรียญรางวัล และของที่ระลึก พร้อมบริการอาหารและเครื่องดื่ม โดยสามารถรับเสื้อและเบอร์วิ่ง ได้ที่ วิหารเซียน เขาชีจรรย์ ระหว่างวันที่ 10 – 11 พฤศจิกายน 2566 เวลา 10.00 – 18.00 น.

สำหรับนักวิ่งชายและหญิงที่วิ่งเข้าเส้นชัยเป็นอันดับแรก ในประเภท Fun Run ระยะทาง 5 กิโลเมตร จะได้รับถ้วยรางวัลและเงินรางวัลมูลค่า 1,500 บาท และนักวิ่งชายและหญิงที่วิ่งเข้าเส้นชัยเป็นอันดับแรกในประเภท Mini Marathon ระยะทาง 10 กิโลเมตร จะได้รับถ้วยรางวัลและเงินรางวัลมูลค่า 4,000 บาท พร้อมกันนี้ ผู้วิ่งเข้าเส้นชัยเป็นอันดับแรกในแต่ละกลุ่มอายุ ของการวิ่งประเภท Mini Marathon ทั้งหมด 6 กลุ่ม จะได้รับเงินรางวัลมูลค่า 2,000 บาท โดยผู้เข้าเส้นชัยที่รองชนะเลิศอันดับ 1 และ รองชนะเลิศอันดับ 2 จะได้รับเงินรางวัลมูลค่า 1,000 บาท และ 500 บาท ตามลำดับ

มาสด้า มอบรางวัลเกียรติยศแห่งปี เชิดชูดีลเลอร์ผลงานเลิศ

มาสด้า มอบรางวัลเกียรติยศแห่งปี เชิดชูดีลเลอร์ที่มีผลงานเป็นเลิศ สร้างแบรนด์จนมัดใจลูกค้า ภายใต้นโยบายการบริหารคุณค่าแบรนด์มาสด้า Mazda Brand Value Management เพื่อมุ่งมั่นสร้างแบรนด์ “มาสด้า” ให้แข็งแกร่งและยั่งยืนทั่วทุกพื้นภูมิภาคของประเทศไทย

มาสด้า จัดงานมอบรางวัลผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี หรือ Mazda Dealer of Excellence Award ซึ่งเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศสูงสุด เพื่อยกย่อง เชิดชู และสร้างความภาคภูมิใจให้กับผู้จำหน่ายที่มีผลการดำเนินธุรกิจที่ยอดเยี่ยมตลอดปี 2565 หรือ Mazda Dealer of Excellence Award 2022โดยเฉพาะการส่งมอบประสบการณ์ด้านการบริการที่เป็นเลิศให้กับลูกค้า การดูแลเอาใจใส่ลูกค้าตั้งแต่การขาย การบริการหลังการขาย การรักษาส่วนแบ่งตลาดในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งยึดมั่นดำเนินธุรกิจภายใต้การบริหารคุณค่าแบรนด์มาสด้า Mazda Brand Value Management เพื่อมุ่งมั่นสร้างแบรนด์ให้เกิดความแข็งแกร่งและยั่งยืนในประเทศไทย และส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าจนเกิดเป็นความจงรักภักดีต่อแบรนด์และกลับมาซื้อซ้ำอีกครั้ง ตามกลยุทธ์ Retention Business Model โดยมีผู้จำหน่าย 15 แห่ง จากทั่วประเทศที่มีคะแนนสูงสุดและคว้ารางวัลอันทรงเกียรติในปีนี้ สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของเครือข่ายผู้จำหน่ายมาสด้า ที่พร้อมร่วมกันสร้างโมเดลธุรกิจใหม่สู่การเติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับการดูลูกค้าให้ดีที่สุด

สำหรับเกณฑ์ในการนำมาพิจารณาตัดสินรางวัลในปีนี้ นับเป็นปีแรกที่มาสด้าได้ทำการปรับรูปแบบการคัดเลือกผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี โดยให้ความสำคัญกับการรักษาความพึงพอใจของลูกค้า การเอาใจใส่ดูแลลูกค้า ควบคู่ไปกับการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เพื่อให้เกิดความผูกผันกับลูกค้าในพื้นที่ ผลักดันให้ผู้จำหน่ายในแต่ละพื้นที่เกิดการแข่งขันด้านการบริการ และยกระดับมาตรฐานที่ดียิ่งขึ้นในการดูแลลูกค้า ซึ่งจะส่งผลทำให้มาสด้าก้าวสู่การเป็นแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์ที่แตกต่าง จนสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าได้ในระยะยาว ตามแนวทาง Mazda Brand Value Management เพื่อมุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

พร้อมกันนี้ ภายในงานฯ มาสด้ายังได้มอบรางวัล Mazda Guild 2022 หรือ รางวัลยอดเยี่ยมด้านการขายและการบริการหลังการขาย ให้กับทีมงานของผู้จำหน่ายที่มีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยมในปี 2565 เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับทีมงาน และยกย่องถึงความสำเร็จในการทำงานเป็นทีมของผู้จำหน่าย ภายใต้ Thai Mazda Way ในการส่งมอบประสบการณ์ความสุขให้กับลูกค้ามาสด้า อันเป็นพันธกิจสำคัญที่มาสด้าทั่วโลกให้ความสำคัญ

มร.ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด รางวัลผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี หรือ Mazda Dealer of Excellence Award เป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่มาสด้าจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อเชิดชูผู้จำหน่ายที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุดในช่วงระยะเวลา 1 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งครอบคลุมถึงความพร้อมของโชว์รูมและศูนย์บริการ การเอาใจใส่ดูแลลูกค้า ทั้งด้านการบริการและการขาย รวมถึงการกลับมาซื้อซ้ำของลูกค้า ซึ่งมาสด้าเน้นย้ำมาโดยตลอดเพื่อยกระดับและผลักดันนโยบายนี้ เพื่อสร้างโมเดลธุรกิจที่ส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้าให้มากที่สุด ซึ่งเป็นไปตามโครงสร้างธุรกิจใหม่ Retention Business Model และ Mazda Brand Value Management หรือ การบริหารคุณค่าแบรนด์มาสด้า เพื่อถ่ายทอดคุณค่าของแบรนด์และยกระดับกระบวนการทำงานให้มีมาตรฐานเดียวกัน เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด จนเกิดเป็นความเชื่อมั่น และกลับมาเลือกซื้อรถยนต์มาสด้าอีกครั้งหนึ่ง

“มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ขอแสดงความยินดีกับผู้จำหน่ายทุกท่านที่ดำเนินธุรกิจด้วยความเป็นเลิศครอบคลุมทุกด้าน และคว้ารางวัลจำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี 2565 หรือ Mazda Dealer of Excellence Award 2022 มาครองได้สำเร็จ ผมขอให้ทุกท่านเชื่อมั่นว่า ด้วยความร่วมแรงร่วมใจกันของทุกท่าน จะสนับสนุนให้มาสด้าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง กลายเป็นแบรนด์ที่ลูกค้ามองหา ตลอดจนกลับมาซื้อซ้ำ และส่งมอบประสบการณ์ความสนุกสนานในการขับขี่ให้กับลูกค้าในประเทศไทยได้อย่างยั่งยืน” มร.ทาดาชิ มิอุระ กล่าวเพิ่มเติม

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตามที่มาสด้าได้ประกาศแนวทางในการดำเนินธุรกิจด้วย Retention Business Model โดยให้ความสำคัญสูงสุด คือ การสร้างแบรนด์และสร้างความผูกพันกับลูกค้าในทุกประสบการณ์ ทั้งด้านการขายและการบริการ เพื่อให้การดูแลลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น โดยความร่วมมือกับผู้จำหน่ายทั่วประเทศในการส่งมอบประสบการณ์เหล่านี้ไปยังลูกค้า และวันนี้ก็ประสบความสำเร็จอย่างชัดเจน มาสด้าขอบคุณและแสดงความยินดีในความสำเร็จของผู้จำหน่ายที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันให้การดำเนินธุรกิจของมาสด้าในประเทศไทยประสบความสำเร็จเป็นลำดับ กลายเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าชื่นชอบและให้การยอมรับในประเทศไทย หลังจากนี้ มาสด้าจะเดินหน้าอย่างเต็มกำลัง เพื่อดูแลและสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้าที่ใช้รถมาสด้าได้อย่างทั่วถึง ภายใต้วิถีการทำงานโดยยึดหลักลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เพื่อส่งมอบคุณค่าแบรนด์ไปยังลูกค้า และยกระดับในทุกประสบการณ์และในทุกช่วงชีวิตของลูกค้าให้มีความสุขตลอดระยะเวลาที่ครอบครองรถยนต์มาสด้า

ทั้งนี้ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย และผู้จำหน่ายมาสด้าทั่วประเทศ จะยังคงมุ่งมั่นต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อเดินหน้าส่งมอบประสบการณ์บริการที่เป็นเลิศ ทั้งด้านการขายและการบริการให้กับลูกค้าในประเทศไทย ตลอดจนถึงเดินหน้าผลักดันการสร้างแบรนด์ เพื่อยกระดับประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับจากการใช้รถยนต์มาสด้าในทุกช่วงจังหวะของชีวิต เพื่อส่งมอบความสุขและสร้างความรัก ความผูกพันกับลูกค้า แทนการตอบแทนลูกค้าที่ตัดสินใจเลือกใช้รถยนต์มาสด้าให้เป็นรถยนต์คู่ใจไปตลอดการใช้งาน

รายชื่อผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี 2565

รางวัลผู้จำหน่าย
ระดับ Goldบริษัท ชูเกียรติยนต์ จำกัด
บริษัท บิซ มอเตอร์ส จำกัด
บริษัท มาสด้า ประจวบฯ จำกัด
กลุ่มบริษัท พระราม 7 กรุ๊ป จำกัด
บริษัท เจริญศรีนครพนม (2012) จำกัด
ระดับ Silverบริษัท วิจารณ์ศิริ จำกัด
บริษัท กฤษฎา ออโต้ จำกัด
กลุ่มบริษัท อารีมิตร มาสด้า จำกัด
กลุ่มบริษัท ช.เอราวัณออโตเซลล์ จำกัด
กลุ่มบริษัท อนุภาษธุรกิจและการค้าภูเก็ต จำกัด
ระดับ Bronzeกลุ่มบริษัท ศรีสะเกษทีที ออโตโมบิล จำกัด
บริษัท มาสด้า สุรินทร์ (2002) จำกัด
กลุ่มบริษัท มิตรแท้ ออโตโมบิล จำกัด
ห้างหุ้นส่วนจำกัด เจริญสินมอเตอร์
บริษัท สิทธิชัยออโต้เซลส์ จำกัด

วอลโว่ คาร์ ประกาศเปิดตัว Volvo EX30

วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ประกาศเปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุด Volvo EX30 รถพรีเมี่ยม SUV ขนาดเล็กที่สร้างคาร์บอนฟุตพรินท์ (Carbon Footprint) น้อยที่สุดที่เคยมีมาในรถวอลโว่ ผ่านเทคโนโลยีและดีไซน์การออกแบบสไตล์สแกนดิเนเวียนเพื่อมอบความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และความเพลิดเพลินในการขับขี่ที่มากขึ้นแก่ผู้ใช้งานวอลโว่ พร้อมเปิดราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 1,590,000 บาท

มร.คริส เวลส์, กรรมการผู้จัดการ, วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย กล่าวว่า “เราเชื่อว่า Volvo EX30 จะเป็นรถที่ช่วยขยายกลุ่มลูกค้าและตลาดของแบรนด์วอลโว่ในประเทศไทยให้เพิ่มขึ้นด้วยองค์ประกอบของตัวรถเองที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า มีเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง ดีไซน์สวยงามโดดเด่น ทั้งยังมีขนาดที่กระทัดรัด และด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เราเชื่อว่า Volvo EX30 จะเป็นรถที่ตรงต่อความต้องการของผู้คนมากมายที่มีปณิธานเดียวกันกับวอลโว่ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในเมือง และกำลังมองหารถไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใข้ชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นตัวรถยังมีเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่ตอบโจทย์การใช้รถใช้ถนนที่มีทั้งคนเดินเท้า จักรยานและมอเตอร์ไซต์อยู่ทุกหนแห่งอย่างกรุงเทพมหานคร ความต้องการรถไฟฟ้าในประเทศไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว และเราตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่จะได้นำ Volvo EX30 เข้ามาเพื่อเปิดตลาดกลุ่มรถ SUV ขนาดเล็กในประเทศร่วมกับผู้จำหน่ายของเรา”

มอบความปลอดภัยที่สมบูรณ์ในแบบวอลโว่

เนื่องจากเป็นรถที่ทำงานโดยระบบไฟฟ้า เราจึงให้ความสำคัญกับแบตเตอรี่อย่างมาก โดยตัวโครงแชสซี และกล่องเก็บแบตเตอรี่ของ Volvo EX30 ทำจากเหล็กที่มีความทนทานสูงเพื่อช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับแบตเตอรี่หากเกิดการชน นอกจากนี้ เสา A และ C รวมถึงหลังคาของตัวรถได้รับการออกแบบทางด้านโครงสร้างเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง และมอบความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ถุงลมนิรภัยกลางห้องโดยสารซึ่งเก็บอยู่ใต้เบาะคนขับถูกออกแบบมาเพื่อลดความรุนแรงของการบาดเจ็บที่ศรีษะและบริเวณหน้าอกหากเกิดการชนจากด้านข้าง

Volvo EX30 ยังมาพร้อมฟีเจอร์เพื่อความปลอดภัยอีกมากมาย อาทิ ระบบแจ้งเตือนการเปิดประตูหรือ dooring alert ผ่านเรดาร์ที่ตรวจจับวัตถุที่เคลื่อนที่มาจากด้านหลัง เช่น รถจักรยานหรือมอเตอร์ไซค์ โดยรถจะส่งเสียงเตือนหากคนในรถจะเปิดประตูเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ นอกจากนี้ยังมีระบบเซ็นเซอร์เพื่อช่วยตรวจสอบความพร้อมในการควบคุมรถของผู้ขับที่ไม่เพียงตรวจการจับพวงมาลัย แต่ยังสามารถติดตามการเคลื่อนไหวของศรีษะ ดวงตา และกะพริบตาของผู้ขับได้อย่างรวดเร็วถึง 13 ครั้งต่อวินาทีเพื่อตรวจสอบว่าผู้ขับมีอาการง่วง หรือมีสมาธิในการขับรถหรือไม่ และส่งสัญญาเตือนหากตรวจพบว่าผู้ขับมีแนวโน้มที่ไม่พร้อมในการควบคุมรถ

Volvo EX30 ยังเป็นรถรุ่นแรกที่มีระบบช่วยจอด Park Pilot Assist เจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดที่ช่วยให้ผู้ขับเข้าจอดได้อย่างไร้กังวลไม่ว่าจะเป็นการจอดแบบขนาน จอดในลานจอดแบบโค้ง ถอยเข้าซอง หรือจอดในลานจอดแบบสลับฟันปลา

เอกลักษณ์การออกแบบสไตล์สแกนดิเนเวียน

Volvo EX30 ไม่เพียงนำเสนอสุดยอดนวัตกรรมเพื่อความปลอดภัย แต่ยังถูกออกแบบโดยคำนึงถึงความคล่องตัว และตอบโจทย์การใช้งาน มอบความสะดวกสบายด้วยเทคโนโลยี และการออกแบบสไตล์สแกนดิเนเวียนที่ภายในตัวรถมีความทันสมัย และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน โดยวอลโว่ได้นำวัสดุรีไซเคิลและวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่มาชุบชีวิตให้มีประโยชน์อีกครั้ง อาทิ การใช้วัสดุเส้นใยจากยีนส์ และต้นเฟล็กซ์มาใช้ทำเป็นเบาะที่ให้สีสันและสัมผัสที่โดดเด่น มีเอกลักษณ์

ลักษณะการจัดวางที่เน้นการควบคุมจากศูนย์กลางผ่านจอทัชสกรีนขนาด 12.3 นิ้ว บนแผงแดชบอร์ดรวบรวมฟังก์ชันการควบคุมรถ รวมถึงข้อมูลที่สำคัญสำหรับผู้ขับขี่เพื่อความสะดวกในการใช้งานไว้ในที่เดียว และด้วยการออกแบบที่เน้นการจัดสรรพื้นที่ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างสูงสุด แผงแดชบอร์ดทั้งแผงของ Volvo EX30 จึงถูกติดตั้งชุดลำโพงแบบซาว์ดบาร์จาก Harman Kardon ไว้ภายในเพื่อเป็นการจัดสรรพื้นที่เก็บของในห้องโดยสารอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งผลที่ได้รับคือคุณภาพเสียงรอบทิศทางที่ไม่ต่างไปจากการฟังเพลงหรือพอดแคสต์สุดโปรดจากชุดเครื่องเสียงในบ้าน

Volvo EX30 มาพร้อมระบบสาระบันเทิง (infotainment) และการเชื่อมต่อ 5G เพื่อการใช้งานแอปที่ลื่นไหลไม่ว่าจะเป็น Google Assistant, Google Maps navigation และ Google Play และครั้งแรกกับฟังก์ชันการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย

หลังคาแมททาลิคสีดำ Onyx Black ให้ความโดดเด่นตัดกับเฉดสีรถที่มีให้เลือกถึง 5 สีได้แก่ สีเหลือง Moss  Yellow สีฟ้า Cloud Blue  สีเทา Vapour Grey  สีขาว Crystal White และสีดำ Onyx Black ห้องโดยสารภายในมาพร้อมตัวเลือกการตกแต่ง 3 สไตล์ที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติของสแกนดิเนเวียให้สัมผัสและอารมณ์ภายในห้องโดยสารที่แตกต่างกัน ได้แก่ สไตล์ Mist, Indigo และ Breeze

เลือกพลังและระยะทางในแบบที่เป็นคุณ

Volvo EX30 ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้รถที่แตกต่างกันด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 แบบ เริ่มต้นที่ รุ่นมอเตอร์เดี่ยว Extended Range ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ NMC แบบ extended-range ให้ระยะทางสูงสุดถึง 480 กิโลเมตร1 ต่อการชาร์จเต็ม รองรับกำลังการชาร์จสูงสุด 153kW

ปิดท้ายในรุ่นมอเตอร์คู่ Performance ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ NMC ให้พลังการขับเคลื่อนสูงสุด 428 แรงม้า (315 kW) จึงให้อัตราเร่งจาก 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 3.6 วินาที ทำให้ Volvo EX30 มีอัตราการเร่งเร็วที่สุดในรถวอลโว่ที่เคยมีมา นอกจากนี้ยังรองรับกำลังการชาร์จได้ที่ 153kW จึงใช้เวลาการชาร์จจาก 10 – 80% ในเวลาราว 25 นาที2

และเพื่อประสิทธิภาพการขับขี่ Volvo EX30 จึงถูกออกแบบให้มีศูนย์ถ่วงต่ำ และมีการกระจายน้ำหนักของตัวรถที่เหมาะสมเพื่อการทรงตัว มอบความปราดเปรียวในการขับขี่ทั้งในเมืองและทุกเส้นทาง

“ทุกความโดดเด่นที่ทำให้รถ SUV ของวอลโว่เป็นที่ชื่นชอบของคนมากมายในตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงภายนอกที่โดดเด่น พื้นที่ห้องโดยสารกว้าง พลังการขับขี่ที่เหนือชั้น ระบบความปลอดภัยขั้นสูง เข้าถึงฟังก์ชันการใช้งานได้สะดวก เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้ไม่มีสะดุด ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งาน ทุกสิ่งที่กล่าวมานี้รวมอยู่แล้วใน Volvo EX30” มร.คริส กล่าวทิ้งท้าย

ราคาและการจำหน่ายในประเทศไทย

•Volvo EX30 Core – Single Motor Extended Range ราคาเริ่มต้นที่ 1,590,000 บาท

•Volvo EX30 Ultra – Single Motor Extended Range ราคาเริ่มต้นที่ 1,790,000 บาท

•Volvo EX30 Ultra – Twin Motor Performance ราคาเริ่มต้นที่ 1,890,000 บาท

ผู้สนใจสามารถจองเพื่อเป็นเจ้าของ Volvo EX30 ได้แล้ววันนี้ โดยคาดว่าจะพร้อมส่งมอบช่วงไตรมาสแรกของปี 2024 เป็นต้นไป พิเศษ พบกับ Volvo EX30 ได้อีกครั้งที่โซน EDEN ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ระหว่างวันที่ 11 – 17 กันยายน 2566 นี้

หมายเหตุ :

1อ้างอิงผลการทดสอบภายใต้สภาวะควบคุมของ WLTP ผลที่ได้รับจริงอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อุณหภูมิแวดล้อม ลักษณะการขับขี่ จำนวนผู้โดยสารในรถ เป็นต้น

2ระยะเวลาการชาร์จอาจแตกต่างไปขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อาทิ อุณหภูมิภายนอก อุณหภูมิของแบตเตอรี่ อุปกรณ์ชาร์จ สถานะของแบตเตอรี่และรถ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save