- Advertisement -
27.5 C
Bangkok
Home Blog Page 95

นันทวัฒน์ – เหมาแชมป์สนาม 3 ขึ้นนำฝูง ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก วันเมคเรซ

นันทวัฒน์ ชำนาญ ดาวขับสังกัด Nexzter HYB Motul by TTR สร้างผลงานระดับมาสเตอร์ ในสนามที่ 3 ศึกฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก วันเมคเรซ 2023 ซิ่งเหมาแชมป์จากการชิงชัย ที่ พีระฯ เซอร์กิต บวกแต้มขยับขึ้นรั้งจ่าฝูงบนตารางแชมเปี้ยนชิพ ก่อนยกพลตัดสินแชมป์ประจำปี ที่สงขลา ในเดือนตุลาคมนี้

ศึกรถยนต์ทางเรียบ รายการฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก วันเมคเรซ 2023 ยกพลดวลความเร็วสนามที่ 3 ของฤดูกาล ระหว่างวันที่ 18-20 สิงหาคม ที่ผ่านมา ณ พีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต (พัทยา) แทร็กระดับตำนานของวงการความเร็ว หลังผ่านการชิงชัย 2 สนามแรกบนสังเวียนระดับอินเตอร์ ที่ ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต

โพลโพซิชั่นในเรซที่ 5 ตกเป็นของ นันทวัฒน์ ชำนาญ ดาวขับสังกัด Nexzter HYB Motul by TTR ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในรอบควอลิฟาย ขนาบด้วย ฐิติพงศ์ อาจินภัทรา จ่าฝูงจาก PT Maxnitron Motorsport ถัดไปเป็น สิตาวีร์ ลิ้มนันทรักษ์ นักขับสาวสังกัด Nexzter rest Club Singha Sittipol และ ธนาศิวณัฐ พงสินนัชอาชัญ จาก PT Maxnitron Motorsport ในกริดที่ 3 และ 4

ออกสตาร์ทเรซด้วยตำแหน่งหัวขบวนของ นันทวัฒน์ ที่รักษาความได้เปรียบไว้ได้ ตามด้วย ฐิติพงศ์ และ สิตาวีร์ ในอันดับ 2 และ 3 หลังจากนั้น ดาวขับสังกัด Nexzter HYB Motul by TTR ที่อยู่ในฟอร์มอันร้อนแรง เร่งเครื่องเพิ่มช่องว่างระหว่างคู่แข่งออกไปเรื่อยๆ ส่งผลให้ความเข้มข้นของการแข่งขันอยู่ที่การแย่งชิงอันดับ 2 ของดาวขับในกลุ่มหลัง

โดยในช่วงท้ายการแข่งขัน สิตาวีร์ สามารถสร้างจังหวะเร่งเครื่องแซง ฐิติพงศ์ ขึ้นไปรั้งอันดับ 2 ขณะที่เหลือการแข่งขัน 3 รอบสนาม รวมถึง สถาพร ที่สามารถขยับอันดับของตนเองได้ในรอบถัดมา ครบ 15 รอบสนาม ที่ พีระฯ แชมป์ตกเป็นของ นันทวัฒน์ ตามด้วย สิตาวีร์ ในอันดับ 2 ส่วนอันดับ 3 ตกเป็นของ สถาพร เบียด ฐิติพงศ์ ลงไปคว้าอันดับ 4 ขณะที่ ธนาศิวณัฐ ตามขึ้นโพเดี้ยมอันดับ 5

ส่วนเกมในเรซที่ 6 ยังคงเป็น นันทวัฒน์ ชำนาญ แชมป์ในเรซ 5 จาก Nexzter HYB Motul by TTR ที่ได้เริ่มเกมในตำแหน่งโพล ตามด้วย ฐิติพงศ์ อาจินภัทรา จาก PT Maxnitron Motorsport และ สิตาวีร์ ลิ้มนันทรักษ์ สังกัด Nexzter rest Club Singha Sittipol ในกริดที่ 2 และ 3 ถัดไปเป็น สถาพร วีระเชื้อ จาก B-Quik Racing Team และ ณภัทร อัสสกุล สังกัด Painkiller Racing ในกริดที่ 4 และ 5

หลังการโรลลิ่งสตาร์ทเป็นทางด้าน นันทวัฒน์ ชำนาญ ที่รักษาตำแหน่งไว้ได้ ตามด้วย สิตาวีร์ ลิ้มนันทรักษ์ ที่ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 2 ขณะที่ ฐิติพงศ์ อาจินภัทรา หล่นลงไปรั้งอันดับ 3 ก่อนที่ นันทวัฒน์ และ สิตาวีร์ จะรีดความเร็วทิ้งห่างกลุ่มหลังออกไป สวนทางกับ ฐิติพงศ์ ที่รถไม่สมบูรณ์ส่งผลให้อันดับหล่นลงไปเรื่อยๆ

ท้ายที่สุดเป็นทางด้าน นันทวัฒน์ ที่จัดการเบิ้ลแชมป์ในสุดสัปดาห์นี้ที่ พีระฯ ไปครอง ตามด้วย สิตาวีร์ ที่ซิ่งจบการแข่งขันในอันดับ 2 ส่วนอันดับ 3 ตกเป็นของ สถาพร ที่ไต่ขึ้นมาคว้าอันดับดังกล่าว หลังไล่บดกับ ธนาศิวณัฐ และ ณภัทร ที่ตามเข้าเส้นชัยในอันดับ 4 และ 5 ด้าน ฐิติพงศ์ รถแข่งมีปัญหาซิ่งไม่จบการแข่งขัน

จากผลงานระดับท็อปในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ นันทวัฒน์ ชำนาญ บวกแต้มขยับขึ้นเป็นผู้นำบนตารางแชมเปี้ยนชิพ ถือความได้เปรียบเหนือ ฐิติพงศ์ อาจินภัทรา ที่หล่นลงไปรั้งอันดับ 2 อยู่ 8 คะแนน ก่อนยกพลได้ดวลความเร็วสนามสุดท้ายของฤดูกาล บนสังเวียนเฉพาะกิจ พีที สงขลา กรังด์ปรีซ์ จ.สงขลา ในวันที่ 20-22 ตุลาคม 2566 นี้  

แฟนๆมอเตอร์สปอร์ต สามารถติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และชมถ่ายทอดสดการแข่งขันได้ทาง Facebook: https://www.facebook.com/HondaOneMakeRaceOfficial และ https://www.facebook.com/GPIMotorsport

EVAT จัดงานเเสดงนวัตกรรมด้านยานยนต์ไฟฟ้าเเห่งปี iEVtech 2023

สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) ร่วมกับอินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ จัดงานเเสดงนวัตกรรมด้านยานยนต์ไฟฟ้าเเห่งปี iEVtech 2023 ภายใต้ชูคอนเซปต์ Shaping the Future of Electric Vehicle Ecosystem ขับเคลื่อนระบบนิเวศด้านยานยนต์ไฟฟ้าเเห่งอนาคต เเต่วันที่ 30 สิงหาคม ไป จนถึง 1 กันยายน 2566 นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) ร่วมกับบริษัท อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ จํากัด งานเเสดงนวัตกรรมด้านยานยนต์ไฟฟ้าเเห่งปี iEVtech 2023 ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยในครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 8 เริ่มตั้งเเต่วันที่ 30 สิงหาคม ไป จนถึง 1 กันยายน 2566 นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พร้อมขนทัพเทคโนโลยีและนวัตกรรมสุดล้ำด้านพลังงานสะอาดมาจัดเเสดง ชูแนวคิด  Shaping the Future of Electric Vehicle Ecosystem ขับเคลื่อนระบบนิเวศด้านยานยนต์ไฟฟ้าเเห่งอนาคต ดันไทยเป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าอาเซียน ภายในงานมีผู้แทนจากอาเซียนและพันธมิตรจากทั่วโลก มาร่วมเเลกเปลี่ยนความรู้เเละเเชร์เเนวคิดด้านยานยนต์ไฟฟ้า ผู้สนใจเข้าร่วมงาน สามารถลงทะเบียนได้ที่ http://www.evat.or.th/17394505/ievtech-2023

วันที่ 30 สิงหาคาม พ.ศ. 2566 ช่วงเช้า เวลา 09:00 – 12:00 น. พิธีเปิดงาน “ASEAN Sustainable Energy Week 2023” ต่อด้วยช่วงบ่าย พบกับการปาฐกถาพิเศษ “Shaping the Future of Electric Vehicle Ecosystem: Business and Investment Opportunities in Thailand” โดยมี คุณนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ตามด้วยพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) และวิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคนิคอุตสาหกรรมเฉิงตู (CVTCI) ประเทศจีน เเละ เขตอุตสาหกรรม Yeonggwang-gun ประเทศเกาหลีใต้

เสวนาไฮไลท์ของงานในหัวข้อ Shaping the Future of Electric Vehicle Ecosystem ขับเคลื่อนระบบนิเวศด้านยานยนต์ไฟฟ้าเเห่งอนาคต จะมีผู้ร่วมเสวนา ได้เเก่ คุณจิตวุฒิ ศศิบุตร นายกสมาคมนายหน้าประกันภัยไทย กล่าวในหัวข้อ ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle Insurance) ต่อด้วย คุณคมกฤช บพิตรพิทักษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส บมจ. ยูโอบี (ไทย) กล่าวในประเด็น การเงิน (Finance) ตามด้วย คุณ Michael Chadney หัวหน้าแผนกวางแผนการขนส่งและการเคลื่อนที่ในอนาคต อารัป กล่าวในหัวข้อ สถานีอัดประจุไฟฟ้า (Charging Station) ดร.แฟรงกี เซีย ประธาน Taiwan STOBA Electrodes Corp กล่าวในหัวข้อ ความปลอดภัยของแบตเตอรี่ (Battery Safety) เเละคุณ Liu Xuan หุ้นส่วนด้านเทคนิค DeepRoute กล่าวในหัวข้อ การขับขี่ยานยนต์เเบบไร้คนขับ (Autonomous) ซึ่งในหัวข้อเสวนานี้ดำเนินรายการโดย ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน ผู้สื่อข่าวสายการเงิน สำนักข่าว The Standard ต่อด้วยในช่วงถัดไป พบกับ ปาฐกถาพิเศษ “Global EV Outlook 2023” โดย ผู้แทนสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) เเละปิดท้ายวันด้วย ปาฐกถาพิเศษ “แนวโน้ม EV ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” โดย คุณวิเวก ไวทยะ Associate Partner, Mobility Practice, Frost & Sullivan

สำหรับวันที่ 31 สิงหาคม เวลา ช่วงเช้าจะมีการบรรยายในหัวข้อ Global Update Session อัพเดทเทรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าโลก โดยผู้เเทนจาก สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ร่วมกับ UNEP & UNESCAP เริ่มปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ UNEP Global Electric Mobility Programme โครงการพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าโลกของ UNEP โดยคุณ Jihee Kim รองเจ้าหน้าที่บริหารโครงการ หน่วยงาน การขับเคลื่อนอย่างยั่งยืน UNEP ต่อด้วยปาฐกถาพิเศษ: EVs และเส้นทางสู่การบรรลุเป้าหมาย SDG7 โดยคุณ Kimberly Roseberry เจ้าหน้าที่ฝ่ายเศรษฐกิจ กองพลังงาน UNESCAP ตามด้วยงาน เสวนาเรื่อง Yeonggwang-gun เมือง E-Mobility ชั้นนำของเกาหลี โดยคุณ Jongman Kang นายกเทศมนตรีเมือง Yeonggwang-gun ปิดท้ายช่วงเช้าด้วยปาฐกถา อัปเดตสถานการณ์ยานยนต์ไฟฟ้า 2 ล้อ เเละการเปลี่ยนผ่านเครื่องยนต์เป็น EV ดร.พีรวัฒน์ สายสิริรัตน์ นักวิจัย ทีมวิจัยพลังงานทดแทนและประสิทธิภาพพลังงาน ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC)

อีกทั้งในช่วงบ่ายจะมีการบรรยายภายใต้หัวข้อ EV knowledge Sharing (แบ่งปันความรู้ด้านยานยนต์ไฟฟ้า) ณ ห้อง MR 109 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ร่วมพูดคุย โดย คุณธมลวรรณ ชลประทิน เเละผู้ดำเนินรายการโดย ดร. อรรถวิท เตชะวิบูลย์วงศ์ ในช่วงบ่ายเริ่มกล่าวต้อนรับ โดย รศ. ดร.พงศ์พันธ์ แก้วตาทิพย์ ที่ปรึกษาสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) เริ่มปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ : ทำไมทองแดงถึงเป็นส่วนสำคัญของ EV วิทยาการโดย คุณอาทิตย์ ประทุมพวง รองประธาน (ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ และการตลาด) บริษัท โอเรียนเต็ล คอปเปอร์ จำกัด ต่อด้วยงานเสวนาในหัวข้อ แนวโน้มล่าสุดในการเชื่อมชิ้นส่วน EV ด้วย Green Laser และ Multi Spot Scanner Optic โดยวิทยากร คุณMarkus Lindemann ผู้อำนวยการฝ่ายเลเซอร์ ฝ่ายขายและเทคโนโลยีระดับภูมิภาค บริษัท TRUMPF Pte Ltd. หลังจากนั้นพบกับการบรรยายในหัวข้อ ความสำคัญของการทำงานร่วมกันและการสร้างมาตรฐานในสถานีชาร์จ EV โดยวิทยากรจาก AMR Asia  ถัดมาเป็นการบรรยายในหัวข้อ : เทคโนโลยี EV Charger โดยวิทยากร คุณพงศกร นาควิเชียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท Charge24 จำกัด ปิดท้ายด้วย การบรรยายในหัวข้อ : การจำลองเทคโนโลยีเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) นำโดย คุณกนกรัตน์ เด่นสิริโสภา ผู้จัดการฝ่ายขาย ประเทศไทย & ปากีสถาน สังกัด: ฝ่ายออกแบบและวิศวกรรม บริษัท เฮกซากอน เมโทรโลจี (ประเทศไทย) จำกัด และต่อด้วยการบรรยายในหัวข้อการคิดใหม่ทำใหม่สำหรับยานยนต์แห่งอนาคต โดยคุณอนันตเดช อินทรวิศิษฎ์ ผู้จัดการธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย

ช่วงบ่ายเวลาเดียวกัน ณ ห้อง MR 109 B ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ยังมีงานเสวนาในหัวข้อ “กำหนดอนาคตของการจัดการแบตเตอรี่ที่ปลอดภัยและยั่งยืนในประเทศไทย” ซึ่งสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย(EVAT) ร่วมกับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศ (GIZ) เเละ สมาคมเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานไทย (TESTA) นำเสวนาโดย ดร.พิมพา ลิ้มทองกุล, และ ดร.อุเทน สุปัตติ อุปนายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย พร้อมผู้ดำเนินรายการโดย คุณปาน ปิยะศิลป์  หัวข้อย่อยในงานเสวนาช่วงบ่ายนี้ ได้เเก่

1.เทคโนโลยีแบตเตอรี่สู่ความยั่งยืน 2.การอัปเดตของสหภาพยุโรป: แบตเตอรี่สำหรับ EV – ตลาด การผลิต ความปลอดภัย 3.มาตรฐานความปลอดภัย ข้อบังคับ และนโยบายของแบตเตอรี่ เเละ 4.การอภิปรายเกี่ยวกับการกำหนดอนาคตของการจัดการแบตเตอรี่ที่ปลอดภัยและยั่งยืนในประเทศไทย พร้อมผู้ร่วมอภิปราย ตัวแทนสหภาพยุโรปจาก SYSTEMIQ, คุณโคลิน โลว ผู้อำนวยการภูมิภาค UL Standards & Engagement, คุณวสุ กล่อมเกลี้ยง รองประธานบริหารฝ่ายพัฒนากลยุทธ์และวางแผนการลงทุน บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) เเละ ตัวเเทนจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม (DIW)

ด้านคุณกฤษฎา อุตตโมทย์ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย(EVAT) กล่าวว่า“สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยร่วมกับบริษัท อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ จํากัด จัดงาน iEVTech 2023 เราได้ดำเนินการจัดงานนี้ขึ้นเป็นปีที่ 8 เเล้ว ซึ่งจุดประสงค์ในการจัดงานในครั้งนี้เพื่อส่งเสริม สนับสนุน เเละขับเคลื่อนระบบนิเวศด้านยานยนต์ไฟฟ้าเเห่งอนาคตร่วมกัน ผมจึงขอเชิญชวน ทุกท่านที่สนใจในนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่เข้าร่วมรับชมเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า ทางสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย เเละ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านยานยนต์ไฟฟ้าต่างๆ ได้ขนทัพมาจัดเเสดงนวัตกรรม พร้อมความรู้ด้านยานยนต์ไฟฟ้าจากทั่วทุกมุมโลกในงานเสวนา ผ่านมุมมองผู้บริหารระดับสูงในองค์กรชั้นนำ เเละในระดับความร่วมมือระหว่างประเทศโดยผู้แทนกิตติมศักดิ์จากต่างประเทศ ที่จะมาร่วมเเชร์ข้อมูลเเละทัศนคติเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าเเละเเบตเตอรี่ สำหรับทุกท่านที่สนใจเข้าร่วมงานสามารถลงทะเบียน ได้ที่เว็บไซต์สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยครับ”

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน iEVtech 2023 จัดขึ้น ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม – 1 กันยายน

พ.ศ. 2566 สามารถลงทะเบียนซื้อบัตรได้ที่ http://www.evat.or.th/17394505/ievtech-2023

อนึ่ง สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (Electric Vehicle Association of Thailand)

สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยเป็นสมาคมที่ไม่เเสวงหาผลกำไร โดยแนวทางของสมาคมมุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการเเลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท ยังรวมไปถึงการให้คำปรึกษาข้อบังคับมาตรฐาน และการดำเนินงานในการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ในปัจจุบันสมาคมมี คุณกฤษฎา อุตตโมทย์ ทำหน้าที่นายกสมาคม และมีสมาชิกที่มาจากภาคเอกชน สถาบันศึกษา รัฐวิสาหกิจ และบุคคลทั่วไปรวมทั้งสิ้นกว่า 370 รายโดยทางสมาคมมีการกำหนดการจัดการประชุม ในทุกๆเดือน และมีการเเบ่งคณะทำงานในด้านต่างๆเพื่อสนับสนุน และส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ติดตามข่าวสารของสมาคมได้ที่ www.evat.or.th

มิตซูบิชิและเอ็มเอ็มทีเอช เอ็นจิ้น คว้ารางวัลสถานประกอบการลดอุบัติเหตุเป็นศูนย์

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และเอ็มเอ็มทีเอช เอ็นจิ้น คว้า 5 รางวัล สถานประกอบการลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานเป็นศูนย์ ประจำปี 2566 จากสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เอ็มเอ็มทีเอช เอ็นจิ้น จำกัด นำโดย นายกิตติ ลีลาวัฒนานันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานผลิต บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด รับรางวัลสถานประกอบการลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ ประจำปี 2566 (Zero Accident Campaign 2023) จากสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) โดยมีนายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำกระทรวงแรงงาน เป็นผู้มอบรางวัลในพิธีซึ่งจัดขึ้นภายในงานสัปดาห์ความปลอดภัยแห่งชาติ ครั้งที่ 35

ด้วยการดำเนินงานด้านความปลอดภัยและชีวอนามัยที่มีมาตรฐานระดับโลก มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และเอ็มเอ็มทีเอช เอ็นจิ้น ได้รับรางวัลสถานประกอบการลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ ประจำปีนี้ทั้งหมด 5 รางวัล ได้แก่ รางวัลระดับแพลทินัมสำหรับโรงงาน 3 รางวัลระดับทองสำหรับโรงงาน 1 และ 2 และโรงงานเครื่องยนต์ รวมถึงรางวัลระดับทองแดงสำหรับโรงงานปั๊มขึ้นรูป 1 และโรงงานปั๊มขึ้นรูป 2 และพลาสติก

โรงงาน 3 ได้รับรางวัลโล่เกียรติยศระดับแพลทินัม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเพื่อยกย่องการดำเนินงานที่มีชั่วโมงปลอดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานสะสม 29 ล้านชั่วโมงทำงานเป็นเวลา 2 ปีต่อเนื่องกัน โรงงานเครื่องยนต์คว้ารางวัลโล่เกียรติยศระดับทองซึ่งเป็นการยกระดับขึ้นจากรางวัลโล่เกียรติยศระดับเงินที่ได้รับก่อนหน้านี้ด้วยการทำงานที่ปลอดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานสะสม 10.6 ล้านชั่วโมงทำงาน โล่เกียรติยศระดับทองยังเป็นของโรงงาน 1 และ 2 จากการทำงานโดยปลอดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานสะสม 47.1 ล้านชั่วโมงทำงานเป็นปีที่ 4 ต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับรางวัลโล่เกียรติยศระดับทองแดง 2 รางวัล ได้แก่โรงงานปั๊มขึ้นรูป 1 จากการทำงานโดยปลอดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานสะสม 1.1 ล้านชั่วโมงเป็นปีที่ 2 ต่อเนื่อง และโรงงานปั๊มขึ้นรูป 2 และพลาสติกที่มีชั่วโมงการทำงานที่ปลอดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานสะสม 2.7 ล้านชั่วโมงต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 3

นายกิตติ ลีลาวัฒนานันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานผลิต บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “รางวัลสถานประกอบการลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ที่ได้รับในปีนี้มาจากความร่วมแรงร่วมใจของพนักงาน ซึ่งมีการค้นหาความเสี่ยงในที่ทำงานรวมถึงการแบ่งปันประสบการณ์การปรับปรุงแก้ไขโดยคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดและลดความเสี่ยงในบริเวณพื้นที่ทำงานทุกจุด เราดำเนินการตามมาตรการความปลอดภัยทุกอย่างอย่างเต็มที่เพื่อบรรลุเป้าหมายการลดอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ ส่งผลให้มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย รักษามาตรฐานความปลอดภัยและมีอุบัติเหตุเป็นศูนย์ต่อไป”

“นอกจากนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังรณรงค์เรื่องการขับขี่ปลอดภัยของพนักงานในการเดินทางมายังที่ทำงานและกลับไปที่พักอาศัย เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานทุกคนมีความปลอดภัยและไม่มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทั้งในและนอกเวลาทำงาน รางวัลความสำเร็จในครั้งนี้ เกิดจากความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจของพนักงานในการมีส่วนร่วมอย่างเต็มรูปแบบ และจะเป็นต้นแบบสำคัญให้แต่ละโรงงานของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย นำไปประยุกต์ใช้เพื่อลดอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป” นายกิตติ เสริม

กิจกรรมการรณรงค์ลดสถิติอุบัติเหตุจากการทำงานให้เป็นศูนย์ (Zero Accident Campaign) เป็นแนวคิดริเริ่มของสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน)  มุ่งรณรงค์ส่งเสริมให้สถานประกอบกิจการมีความมุ่งมั่นในการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการทำงานบนพื้นฐานแนวคิดที่ว่า “อุบัติเหตุที่มีสาเหตุเกี่ยวเนื่องกับการทำงานสามารถป้องกันได้” โดยการลดสถิติการประสบอุบัติเหตุในสถานประกอบกิจการให้เป็นศูนย์ ผ่านการวางแผนและบริหารจัดการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับสร้างวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและอาชีวอนามัย

เบนซ์ไพรม์มัส นำ 3 ลักชัวรี่สปอร์ตคาร์ แข่งขันในพีระ เซอร์กิต พัทยา

“เบนซ์ไพรม์มัส” นำ 3 ลักชัวรี่สปอร์ตคาร์ ร่วมศึกการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ PT Maxnitron Racing Series 2023 สร้างประสบการณ์ใหม่ สุดตื่นเต้น เร้าใจ ในสนามแข่งรถระดับตำนาน “พีระ เซอร์กิต พัทยา”

นายจิระพล รุจิวิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ จำกัด เปิดเผยว่า “เบนซ์ไพรม์มัส” ได้ร่วมมอบประสบการณ์ใหม่ ที่สร้างความตื่นเต้น เร้าใจ ในการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ รายการ “PT MAXNIRTON RACING SERIES 2023 # 2” ระหว่างวันที่ 18-20 สิงหาคม 2566 ที่สนาม พีระ อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต พัทยา จ.ชลบุรี หรือ สนาม “พีระ เซอร์กิต” ซึ่งถือเป็นสนามแข่งรถในระดับตำนานและเป็นสนามมาตรฐานแห่งแรกในประเทศไทย ในครั้งนี้ “เบนซ์ไพรม์มัส” ได้นำรถยนต์ Mercedes-Benz 3 รุ่น 3 สไตล์ ได้แก่

– Mercedes-Benz CLS 220d AMG Premium คูเป้สปอร์ต 4 ประตู หรูหรา ล้ำสมัย มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 สูบ 1950 ซี.ซี. พละกำลัง 194 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 9G-Tronic พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 7.5 วินาที

– Mercedes-Benz E 300 e AMG Dynamic สปอร์ตลักชัวรี่ซีดาน สมรรถนะสูง ด้วยเครื่องยนต์ เบนซิน plug in hybrid พละกำลัง 350 แรงม้า แรงบิด 700 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 9G-Tronic อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.7 วินาที

– Mercedes-Benz E220 d AMG Sport เรียบหรู สไตล์สปอร์ต เพียบพร้อมด้วยนวตกรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัย ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ เทอร์โบ ขนาด 1950 ซีซี. กำลังสูงสุด 194 แรงม้าแรงบิด 400 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อนล้อหลัง พร้อมเพิ่มความเท่ห์ด้วยชุดแต่ง AMG รอบคัน

เพื่อแสดงให้เห็นถึงสมรรถนะชั้นเลิศของยานยนต์แห่งค่าย Mercedes-Benz โดยร่วมอวดโฉมความหรูหรา สง่างาม พร้อมพิจน์ความแข็งแกร่ง และความเร็ว ด้วยการลงสนามเป็นรถ Safety Car นำทัพรถยนต์ทางเรียบสำหรับประลองศึกความเร็วในครั้งนี้

วิริยะประกันภัย มอบวิกผมแท้ เพื่อผู้ป่วยมะเร็ง โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย รับมอบวิกผมแท้ จำนวน 50 หัว ภายใต้โครงการ “วิริยะรวมใจกัน ปันเส้นผม เพื่อผู้ป่วยมะเร็ง” จาก บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมี นางชลทิชา สัตยมานะ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร เป็นผู้แทนบริษัทฯ มอบให้แก่ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัดและมีอาการผมร่วง เพื่อส่งกำลังใจในการต่อสู้กับโรคและความเจ็บป่วย รวมถึงเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ป่วยในการกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเป็นปกติ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

ทั้งนี้ วิริยะประกันภัย ได้ดำเนินโครงการดังกล่าว ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ด้วยการเชิญชวนพนักงานและครอบครัววิริยะประกันภัยจากทั่วประเทศร่วมกันเป็นสะพานบุญบริจาคเส้นผมเพื่อนำมาถักทอเป็นวิกผมให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็ง อีกทั้งยังจัดกิจกรรมจิตอาสาช่วยคัดแยกเส้นผมที่มีผู้บริจาคเข้ามาผ่านทางบริษัทฯ และมูลนิธิจากนางฟ้าถึงคุณวันใหม่ ตลอดจนร่วมสนับสนุนค่าถักทอวิกผมสำหรับส่งมอบให้แก่ผู้ป่วยมะเร็งผ่านโรงพยาบาลนางฟ้ากว่า 80 แห่งทั่วประเทศ โดยวิกผมแท้ที่ส่งมอบแก่ผู้ป่วยในครั้งนี้ เป็นวิกผมที่ถักทอขึ้นจากเส้นผมของพนักงานและครอบครัววิริยะประกันภัยได้ร่วมกันบริจาคในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา

วิริยะประกันภัย ร่วมปล่อยตัวคาราวาน GWM EV Convoy Tour 2023

นางสาวสุรีพร พงษ์พานิช ผู้อำนวยการกองตลาดภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมด้วย นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองประธานฝ่ายการตลาดประจำภูมิภาคอาเซียน เกรท วอลล์ มอเตอร์, นายวฤต รัตนชื่น ผู้ช่วยผู้ว่าการ Project Management Office การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และนายภาคภูมิ วิริยะพันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ผู้แทนจาก บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมแถลงข่าวพิธีปล่อยตัวคาราวานโครงการ GWM EV Convoy Tour 2023 : ORA Is On เปิดประสบการณ์คาราวานเจ้าเหมียวไฟฟ้า ORA Cat เส้นทางกรุงเทพฯ – สิงคโปร์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ด้วยการหันมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนตอกย้ำความความมุ่งมั่นในการผลักดันประเทศไทยก้าวสู่สังคมยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคตอย่างเต็มรูปแบบ ณ GWM Att U Park Bangna

ทั้งนี้ วิริยะประกันภัย ได้ร่วมเป็นหนึ่งในพันธมิตรหลักของโครงการดังกล่าว อันเป็นความร่วมมือระหว่าง เกรท วอลล์ มอเตอร์, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และบริษัทฯ จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและธุรกิจท่องเที่ยวทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ พร้อมปลุกกระแสความแข็งแกร่งของสังคมยานยนต์ไฟฟ้าให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเพื่อสอดรับนโยบายลดคาร์บอน ภายใต้แนวคิด BCG Model โดยการนำร่องการเดินทางไกลข้ามพรมแดนภูมิภาคอาเซียนด้วยการใช้รถยนต์ไฟฟ้า 100% ซึ่งมีความปลอดภัยและสะดวกสบายตลอดเส้นทาง รวมระยะทางทั้งสิ้นกว่า 4,000 กิโลเมตร

วิริยะประกันภัย ร่วมกับ มูลนิธิเมาไม่ขับ รณรงค์เด็กเล็กสวมหมวกกันน็อก

วิริยะประกันภัย ร่วมกับ มูลนิธิเมาไม่ขับ รณรงค์เด็กเล็กสวมหมวกปลอดภัย มอบหมวกกันน็อก จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อปลูกฝังพฤติกรรมขับขี่ปลอดภัยและฝึกวินัยจราจรในเด็กที่จะเติบโตไปเป็นกำลังของชาติในอนาคต

นายเธียรวิทย์ หาญเมธีคุณา ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการภาค 3 (ภาคตะวันออก) ด้านสาขา บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ นายสุรสิทธิ์ ศิลปงาม ผู้จัดการมูลนิธิเมาไม่ขับ มอบหมวกนิรภัยสำหรับเด็ก จำนวน 118 ใบ ภายใต้ “โครงการศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต้นแบบสวมหมวกนิรภัย 100% ให้แก่ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จำนวน 5 แห่ง ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้แก่ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดราษฎร์ศรัทธาธรรม, ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดเที่ยงพิมลมุข, ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านใหม่ อบต.บ้านใหม่, ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดสมาน และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดบางแก้ว องค์การบริหารส่วนตำบลบางแก้ว เพื่อปลูกฝังพฤติกรรมขับขี่ปลอดภัยและฝึกวินัยจราจรในเด็ก ซึ่งเป็นเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่จะเติบโตไปเป็นกำลังของชาติในอนาคตเห็นถึงความปลอดภัยของการสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งในทุกการเดินทางเพื่อลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยมี นายรัชพล ยิ้มเจริญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางขวัญ, นายสุเทพ สถิตย์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านใหม่, นายภูไท เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางแก้ว และนายกิตชัย กิตติคุณ ประธานเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับในมูลนิธิเมาไม่ขับ จังหวัดฉะเชิงเทรา ร่วมส่งมอบ ณ สำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลบางขวัญ จังหวัดฉะเชิงเทรา

สำหรับโครงการศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต้นแบบสวมหมวกนิรภัย 100% เป็นการสานต่อโครงการศูนย์เด็กเล็กปลอดภัย-ปลอดโรค ซึ่งทางมูลนิธิเมาไม่ขับ พร้อมด้วย ชมรมคนห่วงหัว และบริษัทฯ ร่วมมือกันผลักดันให้เยาวชนและผู้ปกครองเล็งเห็นความสำคัญของการสวมหมวกนิรภัย โดยที่ผ่านมาได้ร่วมกันดำเนินการมาแล้วในพื้นที่จังหวัดน่าน, อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี จังหวัดบึงกาฬ และจังหวัดฉะเชิงเทราในครั้งนี้ เพื่อเป็นเมืองต้นแบบในการรณรงค์ความปลอดภัยบนท้องถนนให้เด็กเล็กสวมหมวกนิรภัย 100% ทุกครั้งขณะเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ พร้อมกับเดินขยายผลโครงการดังกล่าวสู่จังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศต่อไป

สยย. เร่งยกระดับความพร้อม ยานยนต์ไทยสู่ยานยนต์สมัยใหม่

สยย. เร่งเสนอมาตรการยกระดับความพร้อม ผู้ประกอบการยานยนต์ไทยสู่ เตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ แก้ไขปัญหามลพิษและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สู่การปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ แลพะการพัฒนาเทคโนโลยีการเชื่อมต่อและขับขี่อัตโนมัติ เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและความปลอดภัยในการขับขี่ยานยนต์

สถาบันยานยนต์ (สยย.) จัดงาน สัมมนา “นำเสนอผลการศึกษา ภายใต้โครงการยกระดับผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ (Parts Transformation) ปี พ.ศ. 2566” ซึ่งได้รับมอบหมายจาก สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ณ โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ โฮเต็ล ประตูน้ำ  โดย ดร.เกรียงศักดิ์ วงศ์พร้อมรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ กล่าวว่า “จากนโยบายการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ มุ่งเน้นสองประการ คือ หนึ่ง การเปลี่ยนผ่านไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และมุ่งสู่การปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ในระยะยาว และ สอง การต่อยอดจากอุตสาหกรรมยานยนต์เดิม (ICE) ไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง คือ การพัฒนาเทคโนโลยีการเชื่อมต่อและขับขี่อัตโนมัติ (CAV) ที่นำมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและความปลอดภัยในการขับขี่รถยนต์ รวมถึงการพัฒนายานยนต์ ICE ที่มีลักษณะ สะอาด ประหยัด และปลอดภัย อีกทั้งคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติได้กำหนดวิสัยทัศน์ เป้าหมาย เพื่อให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไร้มลพิษ

ดังนั้นเพื่อเป็นการลดผลกระทบจากการปรับเปลี่ยนไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการเตรียมความพร้อมในการปรับตัวไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ จึงจำเป็นต้องจัดทำแผนยุทธศาสตร์ และแผนการปรับเปลี่ยนผู้ผลิตชิ้นส่วน รวมถึงแรงงานไปสู่ยานยนต์สมัยใหม่ ครอบคลุมอุตสาหกรรมชิ้นส่วนเป้าหมาย เพื่อยกระดับผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย และเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่

ในการนี้ได้รับเกียรติจาก นางดวงดาว ขาวเจริญ ผู้อำนวยการกองนโยบายอุตสาหกรรมรายสาขา 1 สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวเปิดงานสัมมนาดังกล่าว ว่า “นโยบาย 30@30 รัฐบาลกำหนดเป้าหมายการผลิตยานยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ (Zero Emission Vehicle : ZEV) ในปี 2030 ภายใต้คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ได้มีการกำหนดวิสัยทัศน์ “การเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของโลก” เป็นการวางทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยของภาครัฐที่ชัดเจน รวมทั้ง ได้ออกมาตรการครอบคลุมในหลายด้าน ประกอบด้วย มาตรการส่งเสริมการลงทุน มาตรการส่งเสริมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน มาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า โดยการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษี และไม่ใช่ภาษี (โครงการ EV3) รวมทั้ง มาตรการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น ซึ่งมาตรการที่นำไปสู่การดำเนินงานในลักษณะบูรณาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจังเหล่านี้ ส่งผลให้เกิดการลงทุนใหม่ที่เกี่ยวข้องกับ EV และทำให้ Demand ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า BEV ในประเทศไทยสูงเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน รวมทั้ง ส่งผลให้นักลงทุนรายใหม่ และรายเดิมสนใจเพิ่มเติมการลงทุน โดยต้องการให้ภาครัฐพิจารณาขยายระยะเวลามาตรการส่งเสริม (หรือ EV 3.5) นอกจากนี้ ยังเป็นการดึงดูดผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ให้เข้ามาลงทุนผลิตในประเทศด้วย นโยบายของภาครัฐนี้ถือเป็นการชี้นำภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้มีทิศทางสอดคล้องกับทิศทางของยานยนต์โลก เพื่อให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์อย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ ภาครัฐได้ตระหนักถึงการผลิตรถยนต์ในส่วนร้อยละ 70 หรือ 70@30   ซึ่งเป็นยานยนต์สันดาปภายใน หรือ ICE และส่วนใหญ่เป็น Product Champion ของไทยคือ รถกระบะขนาด 1 ตัน และ Eco car ควรได้รับการส่งเสริมเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ยานยนต์สมัยใหม่ EV หรือ CAV โดยกำลังพิจารณาการส่งเสริมตามแนวทาง “สะอาด (หรือมาตรฐาน Euro 6) ประหยัด (พลังงาน หรือปล่อย CO2 ต่ำ) และปลอดภัย (หรือมาตรฐานการชน และ ADAS)” ซึ่งรถยนต์ดังกล่าวจะมีการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ามากขึ้น โดยอาจจะเป็น HEV, PHEV  สอดรับกับการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างราบรื่น”

นอกจากนี้ยังมีการบรรยายพิเศษ เรื่องสถานการณ์ของอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในไทย โดย นายสุพจน์ สุขพิศาลประธานกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่นำเสนอสถานการณ์ของอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในไทย ทั้งการผลิตชิ้นส่วนสำหรับการประกอบในโรงงานผลิตรถยนต์ (OEM) และชิ้นส่วนสำหรับอะไหล่ทดแทน (REM) โดยที่ผ่านมาผู้ผลิตชิ้นส่วน OEM มีความสามารถแข่งขันในกลุ่มชิ้นส่วนรถกระบะเป็นหลัก และให้ข้อสังเกตว่าการเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานยานยนต์สมัยใหม่เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก จำเป็นต้องสร้างความสามารถให้แก่ผู้ผลิตชิ้นส่วนในปัจจุบันทั้งความสามารถทางเทคโนโลยีและการเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะห่วงโซ่อุปทานของผู้ผลิตยานยนต์สัญชาติจีน ในขณะที่กลุ่มชิ้นส่วน REM ยังมีโอกาสเติบโตเนื่องจากตลาดรถสะสมทั่วโลกจำนวนมากกว่าพันล้านคัน แต่อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังขาดข้อมูลอุตสาหกรรมนี้อยู่อีกมาก จึงจำเป็นต้องดำเนินการในเรื่องนี้ เพื่อใช้สำหรับการวางแผนนโยบายด้านชิ้นส่วน REM ต่อไป

รวมถึงการนำเสนอผลการศึกษาภายใต้โครงการยกระดับผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยเพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ ปี พ.ศ. 2566 โดย คณะผู้วิจัย ซึ่งได้ประเมินความสามารถการแข่งขันของผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศไทย พบว่า โดยเฉลี่ย ผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างชาติจะมีความสามารถในการแข่งขันสูงกว่าผู้ผลิตชิ้นส่วนคนไทย ดังนั้น ความท้าทายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน ทั้งกระแสการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้า และการปรับตัวทางด้านสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงส่งผลให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนสามารถปรับตัวในระดับแตกต่างกันไป หรือต้องการความช่วยเหลือแตกต่างกันออกไป ที่สำคัญ ผู้ผลิตชิ้นส่วนที่มีความสามารถในการแข่งขันระดับสูงมีจำนวนไม่มากนัก หรือคิดเป็นเพียงร้อยละ 15 ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด (ผู้ผลิตชิ้นส่วนจำนวน 362 รายในกลุ่มตัวอย่าง) ซึ่งเชื่อว่าผู้ผลิตชิ้นส่วนกลุ่มนี้มีโอกาสรักษาความสามารถในการแข่งขันและปรับตัวต่อบริบทความท้าทายในอุตสาหกรรมยานยนต์ได้และในรายสาขาชิ้นส่วนยานยนต์ต่างๆ ผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างชาติมีความพร้อมทางเทคโนโลยีและงบประมาณที่จะผลิตชิ้นส่วนยานยนต์สมัยใหม่ในสัดส่วนสูงกว่าผู้ผลิตชิ้นส่วนคนไทยในทุกรายสาขาชิ้นส่วนยานยนต์ ขณะที่ผู้ผลิตชิ้นส่วนคนไทยในกลุ่มช่วงล่าง (Chassis) และกลุ่มกระบวนการผลิต (Process) จะมีความพร้อมต่อการปรับตัวสูงกว่ากลุ่มสาขาชิ้นส่วนอื่นๆ เนื่องจากผู้ผลิตชิ้นส่วนคนไทยเหล่านี้ยังสามารถเข้าไปเชื่อมโยงชิ้นส่วนตนเองหรือกระบวนการผลิตตนเองไปยังยานยนต์สมัยใหม่ได้

พร้อมข้อเสนอมาตรการเพื่อไปสู่เป้าหมาย 4 ประการ ได้แก่ หนึ่ง ส่งเสริมการเข้าสู่ตลาด เพื่อทำให้ผู้ประกอบการเป็นที่รู้จักเชื่อมั่นศักยภาพของผู้ผลิตชิ้นส่วนของไทย สอง ส่งเสริมฐานการผลิตให้มีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น เช่น การสร้าง Ecosystem พัฒนาการผลิตแบบคาร์บอนต่ำ เพื่อตรงตามความต้องการของผู้ประกอบการ การยกระดับเป็นผู้ประกอบการก้าวสู่อุตสาหกรรม 4.0 ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สาม การสร้างความสามารถทางเทคโนโลยีแก่ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น แบตเตอรี่ Autonomous ระบบ ADAS ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องอาศัยการทำ R&D สี่ การพัฒนาบุคคลากร เนื่องจากประเทศไทยยังขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถด้านเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่

พร้อมทั้งมีการเสวนาใน เรื่องโอกาสของผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยในตลาดอะไหล่ทดแทน โดย นายมีชัย ศรีวิบูลย์ ผู้อำนวยการสายงานด้านเทคนิค บริษัท คอมแพ็ค อินเตอร์เนชั่นแนล (1994) จำกัด นายธเนศ เลิศขจรกิตติ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) นายธงชัย อุพันวัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเจแมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ดำเนินรายการโดยนางสาวฐิติภัทร ดอกไม้เทศ ผู้จัดการแผนกพัฒนาอุตสาหกรรมและรักษาการผู้จัดการแผนกวิจัยอุตสาหกรรม สถาบันยานยนต์ วิทยากรทั้งสามท่านได้นำเสนอประสบการณ์การดำเนินธุรกิจ ซึ่งประเด็นสำคัญคือการเข้าใจตลาดและนำข้อมูลจากลูกค้ากลับมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการ โดยมีหน่วยงานด้านวิจัยและพัฒนาของตนเอง และมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมต่อการดำเนินมาตรการของภาครัฐ เช่น

-ภาครัฐจำเป็นต้องส่งเสริม Business Matching หรือผลักดันให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนไปแสดงผลิตภัณฑ์ตนเองไปยังตลาดต่างประเทศมากขึ้น และไม่ควรมีข้อจำกัดจำนวนครั้งของการเข้าร่วมโครงการให้เงินอุดหนุนเพื่อจัดแสดงผลิตภัณฑ์ของผู้ผลิตชิ้นส่วนในแต่ละราย โดยเฉพาะในโครงการ SME Pro-active

-โครงการความช่วยเหลือทางการดำเนินงานธุรกิจของภาครัฐมีจำนวนมากและกระจายไปยังหน่วยงานต่าง ๆ แต่เรื่องดังกล่าวกลายเป็นความยากของผู้ผลิตชิ้นส่วนที่ไม่รู้ว่าจะติดต่อหน่วยงานใด จึงอยากให้มีศูนย์ที่ช่วยแนะนำและติดต่อโครงการความช่วยเหลือแบบรวมศูนย์

-ภาครัฐจำเป็นต้องเร่งรวบรวมข้อมูลตลาดสินค้าอะไหล่ทดแทนในตลาดส่งออกต่างๆ เพื่อช่วยให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนมีโอกาสเข้าไปขายได้มากขึ้น

ทั้งนี้ สถาบันยานยนต์มีความเชื่อมั่นว่า ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยมีความสามารถแข่งขันเทียบเท่าผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างชาติ และประเทศไทยสามารถพัฒนาไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ ซึ่งจะสอดรับกับเป้าหมายของนโยบาย 30@30 ต้องการคงความสามารถการแข่งขัน เพื่อเป็นฐานการผลิตยานยนต์ที่สำคัญของโลกได้อย่างแน่นอน

เบนซ์ไพรม์มัส ปลื้ม The New GLC กระแสตอบรับจากลูกค้าดีเกินคาด

“เบนซ์ไพรม์มัส” ปลื้ม! The New GLC จัดงานเปิดตัวครั้งแรกสุดอลังการ กระแสลูกค้าตอบรับดีเกินคาด เร่งเดินหน้ากระตุ้นยอดต่อเนื่อง นำทัพรถใหม่ จัด Road Show มอบโปรสุดพิเศษ ฟรี! WallBox มูลค่า 50,500 บาท หรือ ฟรี! MBSP Extra Guarantee นาน 8 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ที่เซ็นทรัล เฟสติวัล อีสต์วิลล์ และ “เบนซ์ไพรม์มัส” สาขาเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา กับสาขาพัทยา นาจอมเทียน 14-21 สิงหาคมนี้ เท่านั้น

นายจิระพล รุจิวิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์, เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี, เมอร์เซเดส-อีคิว และเมอร์เซเดส-มายบัค ในประเทศไทย อย่างเป็นทางการ เปิดเผยว่า ทาง “เบนซ์ไพรม์มัส” ได้ร่วมกับบริษัทแม่ “เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)” จัดงานเปิดตัวยนตรกรรม SUV ระดับลักชัวรี่ คาร์ ในรุ่น Mercedes-Benz GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic ให้ลูกค้ารถยนต์ Mercedes-Benz, ลูกค้า “เบนซ์ไพรม์มัส” และผู้สนใจที่ชื่นชอบรถยนต์รุ่นดังกล่าวได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรก พร้อมเปิดจองให้เป็นเจ้าของก่อนใคร ภายใต้ชื่องาน The Life Launching Experience of The New GLC อาคารว่องไววิทย์ (ตลาดน้อย) เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ที่ผ่านมา

“Mercedes-Benz GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic ยานยนต์เอนกประสงค์ระดับลักชัวรี่  ได้รับออกแบบตามหลักปรัชญา Sensual Purity ที่ผสานความสปอร์ตและความหรูหราได้อย่างลงตัว มาพร้อมกับขุมพลังเทคโนโลยี Plug-in Hybrid  ที่มีประสิทธิภาพในการขับขี่ ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ควบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ทำระยะทางได้มากถึง 120 กม./การชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC ให้พละกำลังสูงสุด 313 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 218 กม./ชม.อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 6.7 วินาที พร้อมฟังก์ชั่นด้านความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งการขับขี่แบบ On-Road และ Off-Road ตอบโจทย์สำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์หลากหลาย ในราคาแนะนำเพียง 4,180,000 บาท”

ในงานดังกล่าว ลูกค้าให้ความสนใจและตอบรับเข้าร่วมงานดังกล่าวเป็นจำนวนมาก โดย “เบนซ์ไพรม์มัส” ได้สร้างสถิติการเปิดจองรถยนต์ The New GLC ในวันแรก และวันเดียว สามารถทำยอดจองทั้งหมด 26 คัน นับเป็นมิติใหม่ของดีลเลอร์ในการจำหน่ายรถยนต์แบรด์ระดับลักชัวรี่ ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ต้องขอบคุณบริษัทแม่ ที่มีนโยบายในการสนับสนุนการจำหน่ายของดีลเลอร์ และนโยบายการตลาด ที่มีการคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ ทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริค ในราคาจำหน่ายที่คุ้มค่า รวมทั้งการโฆษณาประชาสัมพันธ์ในช่องทางต่างๆ ทำให้ยกระดับความสะดวกสบายในการเป็นเจ้าของยานยนต์รุ่นต่างๆ อันส่งผลดีต่อการจำหน่ายและธุรกิจของ “เบนซ์ไพรม์มัส”

ดังนั้น เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจได้เป็นเจ้าของรถยนต์รุ่นใหม่ Mercedes-Benz GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic และรถยนต์ Mercedes-Benz, Mercedes-AMG ได้อย่างสะดวก ง่ายดาย ทั้งเป็นการกระตุ้นยอดขายในตลาดรถยนต์ระดับหรูในช่วงไตรมาส 3 ทาง “เบนซ์ไพรม์มัส” จึงมีนโยบายจัดงานแสดงรถยนต์ Mercedes-Benz และ Mercedes-AMG ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ “เซ็นทรัล เฟสติวัล อีสต์วิลล์” ระหว่างวันที่ 14-21 สิงหาคม 2566

พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษต่างๆ มากมาย อาทิ รับฟรี! Mercedes-Benz WallBox มูลค่า 50,500 บาท หรือ ฟรี! MBSP Extra Guarantee นาน 8 ปี ไม่จำกัดระยะทาง หรือ ฟรี MBSP Extra Guarantee นาน 5 ปี พร้อมประกันภัยชั้น 1 นาน 2 ปี หรือ พิเศษ ดอกเบี้ย 0% นาน 4 เดือน พร้อมประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี เป็นต้น

ยามาฮ่า จัดหนักโปรโมชัน ซื้อฟินน์วันนี้รับ 3 ต่อ

ยามาฮ่า จัดหนักจัดเต็มกับโปรโมชัน “ฟินน์ทุกที่ ฟรีทุกคน” ซื้อ ยามาฮ่า ฟินน์ วันนี้! รับฟรีของแถม 3 รายการ รวมมูลค่ากว่า 1,200 บาท

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด จัดหนักจัดเต็มกับโปรโมชันสุดคุ้ม “ฟินน์ทุกที่…ฟรีทุกคน” เมื่อซื้อรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟินน์ ทุกรุ่น ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม 2566–31 ตุลาคม 2566 รับของแถมฟรีทันที! 3 รายการ รวมมูลค่า 1,200 บาท ได้แก่ 1. หมวกกันน็อก FINN 1 ใบ 2. ตะกร้าหน้า 1 ชิ้น 3. กันลาย 1 ชิ้น พร้อมเพิ่มความมั่นใจในคุณภาพสินค้าด้วยการรับประกันทั้งคัน 5 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง กล้าที่จะไป กล้าที่จะเป็น #กล้าที่จะฟินน์

สำหรับรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟินน์ มีให้เลือกเป็นเจ้าของด้วยกัน 4 รุ่น คือ รุ่น UBS ราคา 48,700 บาท, รุ่น ล้อแม็ก/สตาร์ทมือ ราคา 46,900 บาท, รุ่น ล้อซี่ลวด/สตาร์ทมือ ราคา 44,900 บาท และรุ่น ล้อซี่ลวด/สตาร์ทมือ ดรัมเบรก ราคา 41,200 บาท โดยสามารถเป็นเจ้าของได้ที่ร้านยามาฮ่าสแควร์ และร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Call Center โทร. 02-263- 9999 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์ได้ที่ www.yamaha-motor.co.th

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save