- Advertisement -
31 C
Bangkok
Home Blog Page 85

มิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ท พร้อมขับ ออล-นิว ไทรทัน ป้องกันแชมป์

ทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ท พร้อมระเบิดความมัน ขับ “ออล-นิว ไทรทัน” ป้องกันแชมป์ เอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ 2023 สมัยที่ 2 

กรุงเทพฯ – 11 สิงหาคม 2566 : มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น (มิตซูบิชิ มอเตอร์ส) ประกาศความพร้อมของทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ท ภายใต้การสนับสนุนด้านเทคนิคจาก มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เตรียมเดินหน้าสู้ศึกการแข่งขันรายการเอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ (เอเอ็กซ์ซีอาร์) 2023  ด้วยรถแข่งรุ่นใหม่ ออล-นิว ไทรทัน แรลลี่คาร์ ทั้งหมด 3 คัน ในรุ่น T1 (รถแข่งแบบครอสคันทรี รุ่นโปรโตไทพ์) พร้อมเริ่มระเบิดความมัน บนเส้นทางจากประเทศไทยไปยังประเทศลาว ตั้งแต่วันที่ 13 – 19 สิงหาคมนี้

พิธีปล่อยตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นวันเริ่มต้นการแข่งขัน เอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ ในปีนี้ จะจัดขึ้นในวันที่ 13 สิงหาคม ที่พัทยา จังหวัดชลบุรี ก่อนเริ่มทำการแข่งขันเต็มรูปแบบในวันที่ 14 สิงหาคม โดยมุ่งหน้าไปทางตะวันออกของประเทศไทย ขนานไปสู่เส้นทางทางตะวันออกเฉียงใต้บริเวณพรมแดนไทย-กัมพูชา และสิ้นสุดที่เส้นชัยในวันที่ 19 สิงหาคม ใกล้ๆ กับปราสาทหินวัดพู  ประเทศลาว ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

ฮิโรชิ มาซูโอกะ ผู้อำนวยการทีมมิตซูบิชิแรลลี่อาร์ท เผยว่า “เพื่อนำทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ทไปสู่ชัยชนะ ผมในฐานะของผู้อำนวยการทีม ได้นำเอาความเชี่ยวชาญจากประสบการณ์ทั้งหมดที่สั่งสมมาใช้เพื่อพัฒนาทีมและรถแข่งของเรา โดยรถแข่งของเราได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานจากรถออล-นิว ไทรทัน กลายมาเป็นรถแข่ง ออล-นิว ไทรทัน แรลลี่คาร์ ที่ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นสำหรับใช้ในการแข่งขัน โดยนำผลลัพธ์ที่ได้จากการการแข่งขันในปีที่แล้วมาปรับปรุงให้รถแข่งเร็ว แรง และแข็งแกร่งทนทานมากยิ่งขึ้น ซึ่งได้รับการยืนยันว่าเราได้ผลลัพธ์ที่เหนือความคาดหมายจากการทดสอบที่ผ่านมา และนอกจากการสร้างสรรค์ระบบสนับสนุนเพื่อให้บริการด้านเทคนิคกับทีมแข่งแล้ว เรายังพร้อมช่วยสนับสนุนในด้านการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับทีมนักแข่ง และผู้นำทางหรือผู้ช่วยนักแข่งอย่างเต็มที่อีกด้วย จึงมั่นใจได้ว่าทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ทของเรามีความพร้อมอย่างยิ่งในการลงสู้ศึกการแข่งขันที่ท้าทายในครั้งนี้ และเราจะทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อคว้าแชมป์สมัยที่ 2 มาครอง”

ร่วมลุ้นผลงานการแข่งขันแบบรายงานสดทุกวัน ได้ที่เว็บไซต์เฉพาะกิจ เอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่

การแข่งขันแรลลี่ จะเริ่มต้นวันแรกในวันอาทิตย์ที่ 13 สิงหาคมนี้ และจะดำเนินต่อเนื่องไปจนถึงวันเสาร์ที่ 19 สิงหาคมเป็นวันสุดท้าย โดย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส จะรายงานผลการแข่งขันทุกวันในหน้าเพจเฉพาะกิจ เอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ บนเว็บไซต์ www.mitsubishi-motors.com/en/innovation/motorsports/axcr2023/

ไทยฮอนด้า เปิดตัว New ADV160 สีน้ำเงินใหม่

ไทยฮอนด้า เปิดตัว New ADV160 สีน้ำเงินใหม่ ‘Pearl Bosporus Blue’ เสริมแกร่งไลน์ Premium SUV Bike

ไทยฮอนด้า เปิดตัว New ADV160 ‘สีน้ำเงิน Pearl Bosporus Blue’ สีใหม่ล่าสุด มาพร้อมคอนเซปต์ “Explore the wild urban มีทางใหม่ให้ท้าทายทุกวัน” เพิ่มมิติความโดดเด่น เท่ ดุดัน ในแบบ Premium SUV Bike มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำหน้ารอบคัน ให้ผู้ขับขี่พร้อมท้าทายในทุกเส้นทางใหม่

New Honda ADV160 โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ออกแบบให้เป็นรถในแบบ SUV ขนานแท้ เส้นสายโฉบเฉี่ยว บึกบึน ล้ำสมัยด้วยระบบไฟแบบ Full LED รอบคัน และไฟ DRL (Daytime Running Light) ที่สามารถส่องสว่างได้อัตโนมัติ มีพื้นที่ Ground Clerance มากถึง 165มม. ทำให้สามารถขับขี่ได้ในสภาพเส้นทางที่หลากหลาย ตัวรถใช้แฮนด์แบบแทปเปอร์บาร์ ทำให้สามารถควบคุมรถได้อย่างแม่นยำ อิสระ และคล่องตัว ทั้งยังติดตั้งระบบ HSTC (Honda Selectable Torque Control) ที่ช่วยควบคุมล้อหน้า-หลังให้สัมพันธ์กัน ป้องกันรถเสียการทรงตัว

นอกจากดีไซน์ที่ตอบโจทย์แล้ว ในส่วนของสมรรถนะการขับขี่ New Honda ADV160 ยังมาพร้อมเครื่องยนต์ eSP+ 157cc 4 วาล์ว ที่ให้แรงบิดติดมือ ตอบสนองได้ตามต้องการ ล้ำสมัยด้วยเทคโนโลยีฟังก์ชันการใช้งานที่ให้ความสะดวกสบายรอบคัน รวมถึงกุญแจรีโมตอัจฉริยะ ช่องเสียบสายชาร์จ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้ทั้งในเมือง และการขับขี่ทางไกล

ฮอนด้า พร้อมวางจำหน่าย New ADV160 สีฟ้าใหม่ Pearl Bosporus Blue พร้อมกับอีก 3 เฉดสี ได้แก่ สีดำ Mat Gunpowder Black, สีเทา Metallic Pearl Smokey Gray และ สีแดง Mat Dahlia Red Metallic ราคาแนะนำ 99,900 บาท ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่ศูนย์ Honda Wing Center ทั่วประเทศ

ต.สยาม เติมยิ้มให้น้อง ปีที่ 12

ต.สยาม เติมยิ้มให้น้อง ปีที่ 12 เติมรอยยิ้มสร้างความสุขร่วมสมทบทุน กองทุนโรคเลือดและมะเร็งเด็ก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

นายอภิชัย ตั้งวงศ์ศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ต.สยาม คอมเมอร์เชียล จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายยาง โตโย ไทร์ ยางนิตโตะ ไทร์ ยางนันกัง ไทร์ และ ศูนย์บริการยางรถยนต์ครบวงจร “GRIP” พร้อมทีมผู้บริหาร ร่วมเดินหน้าเติมยิ้มให้เด็กไทย กับโครงการ “ต.สยาม เติมยิ้มให้น้อง” โดยได้ร่วมมอบเงินบริจาคสมทบ “กองทุนโรคเลือดและมะเร็งเด็ก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์” เป็นจำนวนเงิน 200,000 บาท เพื่อให้กองทุนได้นำไปใช้ในการดำเนินการต่างๆ ของกองทุนฯ  โดยมี รศ.พญ.ดารินทร์  ซอโสตถิกุล  หัวหน้าสาขาโลหิตวิทยาและมะเร็งในเด็กโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ผู้ก่อตั้งและกรรมการกองทุนโรงเลือดฯ ให้เกียรติเป็นผู้รับมอบ

โครงการ “ต.สยาม เติมยิ้มให้น้อง” ปีนี้ได้ย่างก้าวเข้าสู่ปีที่ 12 ของโครงการดังกล่าวแล้ว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งพันธกิจหลักของทาง บริษัท ต.สยาม คอมเมอร์เชียล จำกัด ที่ได้เดินหน้าร่วมตอบแทนสังคมอย่างต่อเนื่อง ไปยังโครงการหรือกิจกรรมตอบแทนสังคมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเรียนและการศึกษา รวมถึงการร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างพื้นฐานอันดีให้แก่เด็กและเยาวชน เพื่อเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ได้ช่วยเติมรอยยิ้มและความสร้างความสุขให้แก่เด็กและเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของประเทศต่อไป

เมอร์เซเดส-เบนซ์์ เปิดตัว The new GLC

เมอร์เซเดส-เบนซ์์ เปิดตัว The new GLC” ประเดิมส่ง GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic เขย่าตลาดปลั๊กอินไฮบริดด้วยเอสยูวีระดับลักชั่วรี่ ขับขี่ไฟฟ้าได้ไกล 120 กิโลเมตร เคาะราคา 4,180,000 บาท

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) โชว์ตัวเลขยอดขายและการเติบโตในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปี 2023 พร้อมเดินหน้าบุกตลาดครึ่งปีหลัง เริ่มด้วยการเผยโฉม The new GLC เอสยูวียอดนิยมของแบรนด์ที่เดินทางมาถึงเจเนอเรชั่นที่ 3 เปิดตัวรุ่นปลั๊กอินไฮบริด GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic ขึ้นไลน์ผลิตทำตลาดในประเทศแบบ Local production นำเสนอคอนเซ็ปต์ “READY FOR IT” ชูภาพยนตรกรรมเหนือระดับที่เหมาะกับคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิทัล โดดเด่นด้วยขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดที่พัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้นทั้งในด้านของสมรรถนะและระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้า สามารถทำระยะทางได้มากถึง 120 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP พร้อมติดตั้งเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัยมากมาย เสริมฟังก์ชั่นความปลอดภัยต่อยอดจุดแข็งด้านการเป็นยนตรกรรมรูปแบบเอสยูวีที่เหมาะกับการใช้งานและการขับขี่ทั้งในรูปแบบ On-Road และ Off-Road ตอกย้ำความสำเร็จด้วยยอดขายกว่า 2.6 ล้านคัน นับตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในตลาดโลก

มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2023 เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทำยอดขายรวมทั้งสิ้น 1,019,200 คันทั่วโลก มีอัตราการเติบโตที่ 5% โดยส่วนหนึ่งคือยอดขายในกลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทำตัวเลขสูงถึง 102,600 คัน เติบโตกว่า 121% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และสำหรับยอดขายในประเทศไทย มีการเติบโตกว่า 6% ปิดยอดจดทะเบียนครึ่งปีแรกได้กว่า 7,700 คัน เป็นผลมาจากการนำเสนอยนตรกรรมรุ่นใหม่ๆ ลงตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในการเดินหน้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าด้วยการเติมเต็ม EV Portfolio ในประเทศไทย ต่อเนื่องจาก 2 รุ่นแรกอย่าง EQS และ EQB เรามีแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% พร้อมกัน 2 รุ่น ในอีก 6 สัปดาห์นับจากนี้ และในปัจจุบัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดให้เครือข่ายผู้จำหน่ายฯ สามารถจำหน่ายและให้บริการรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ครอบคลุมมากกว่า 30 สาขาทั่วประเทศ ยกระดับความสะดวกสบายให้ลูกค้าทุกคนสามารถเป็นเจ้าของและเข้ารับบริการแบบครบวงจรได้ในทุกพื้นที่

นอกจากการนำเสนอรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังให้ความสำคัญกับรถยนต์พลังงานทางเลือกในรูปแบบปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนผ่านที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมเปลี่ยนจากรถยนต์สันดาปภายในมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% โดยรถปลั๊กอินไฮบริดเจเนเรชั่นใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ทำตลาดในประเทศไทย สามารถมอบระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้าได้มากกว่า 100 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะทางที่เพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันของคนไทย และสำหรับผู้ที่ขับขี่ระยะทางไกลก็ยังสามารถขับขี่ต่อเนื่องได้ด้วยเครื่องยนต์สันดาปโดยไม่ต้องกังวลในเรื่องระยะทางและการหาจุดชาร์จไฟฟ้าระหว่างทาง เช่นเดียวกับ The new GLC ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันนี้”

The new GLC เป็นอีกขั้นของยนตรกรรมเอสยูวีที่สืบทอดดีเอ็นเอมาจาก Mercedes-Benz GLK ที่เปิดตัวในปี 2008 ซึ่งถือเป็นเจเนอเรชั่นแรกของรถเอสยูวีขนาดกลางของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ก่อนที่จะต่อยอดมาเป็นเจเนอเรชั่นที่ 2 ในปี 2015 ภายใต้ชื่อ Mercedes-Benz GLC เอสยูวีที่ถูกพัฒนาและปรับโฉมให้มีทั้งความหรูหรา ความสปอร์ตและดีไซน์ที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยที่ยังคงจุดแข็งในด้านของการเป็นรถเอสยูวีที่เหมาะกับการขับขี่ทั้งในรูปแบบ On-Road และ Off-Road ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่และผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย จนทำให้ GLC ประสบความสำเร็จด้วยยอดขายรวมกว่า 2,600,000 คันทั่วโลก ขึ้นแท่นเป็นโมเดลที่ขายดีที่สุดตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และในปีนี้ The new GLC เจเนอเรชั่นที่ 3 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ด้วยขุมพลังแบบปลั๊กอินไฮบริด โดยขึ้นไลน์ผลิตในชื่อรุ่น “GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic”

มร. บีเยิร์น กุซเทรา รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “The new GLC โมเดลปี 2023 เป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 ในตระกูลเอสยูวีขนาดกลางของเมอร์เซเดส-เบนซ์ มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “READY FOR IT” วางกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิทัลที่มองหารถเอสยูวีระดับลักชัวรี่ พร้อมนำเสนอยนตรกรรมที่มีความเพียบพร้อมและสามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในชีวิตประจำวันหรือการขับขี่ระยะทางไกล ครอบคลุมทั้งรูปแบบ On-Road และ Off-Road โดยเปิดตัวในรุ่นปลั๊กอินไฮบริด GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ตามปรัชญาการออกแบบ Sensual Purity ผสานความสปอร์ตและความหรูหราอย่างลงตัว ติดตั้งเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดเจเนอเรชั่นที่ 4 ที่ยกระดับการทำงานร่วมกันของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำให้มีสมรรถนะที่ทรงพลังมากยิ่งขึ้น รวมถึงการใช้แบตเตอรี่แรงดันสูงที่มีความจุ 31.2 kWh ซึ่งสามารถมอบระยะทางการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ได้มากถึง 120 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP โดยเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดเจเนเรชั่นล่าสุดจะรองรับการชาร์จพลังงานไฟฟ้าทั้งแบบ DC Charge สูงสุด 60 kWh และ AC Charge สูงสุด 11 kWh นอกจากนี้ GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic ยังเปี่ยมด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัยทั้งในด้านของฟังก์ชันอำนวยความสะดวก ระบบการเชื่อมต่อและการสื่อสารที่เหนือระดับ ระบบความปลอดภัยขั้นสูง ที่ถูกติดตั้งมาอย่างครบครัน พร้อมให้ทุกคนเป็นเจ้าของหนึ่งในยนตรกรรมเอสยูวีที่ดีที่สุดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ”

รุ่นเครื่องยนต์ความจุแบตเตอรี่ (kWh)แรงม้ารวมสูงสุด
 (แรงม้า)
แรงบิดรวมสูงสุด (นิวตันเมตร)อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.
(วินาที)
ความเร็วสูงสุด (กม. / ชม.)
GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamicเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร / 4 สูบแถวเรียง / 4 วาล์วต่อสูบเทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์31.23135506.7218

GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic วางจำหน่ายในราคา 4,180,000 บาท

GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic เป็นหนึ่งในรุ่นที่เข้าร่วมโปรแกรมการขยายระยะเวลาการรับประกันคุณภาพของแบตเตอรี่แรงดันสูง (High Voltage Battery) ที่ติดตั้งในรถยนต์ประเภทปลั๊กอินไฮบริดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยรับประกันคุณภาพเป็นระยะเวลา 10 ปี แบบไม่จำกัดระยะทาง (Unlimited mileage 10-year warranty for HV Battery)

GLC 350 e 4 MATIC AMG Dynamic มาพร้อมสีตัวถัง 6 สี ได้แก่ สีขาว (Polar White) สีน้ำเงิน (Nautic Blue) สีเทา (Graphite Grey) สีเงิน (Mojave Silver) สีเงิน (High-tech Silver) และสีดำ (Obsidian Black) สำหรับผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของหรือต้องการรับข้อมูลทางเทคนิคเพิ่มเติมของ The new GLC รุ่น GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic สามารถติดต่อผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ หรือติดตามรายละเอียดและจองรถยนต์ทางออนไลน์ได้ที่เว็ปไซด์ https://www.mercedes-benz.co.th รวมถึงช่องทางโซเชี่ยลมีเดียของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ทุกช่องทาง

“ไทยฮอนด้า” จับมือ “สวทอ.” เสริมทักษะขับขี่ปลอดภัย

“ไทยฮอนด้า” จับมือ “สวทอ.” เสริมสร้างทักษะขับขี่ปลอดภัยให้กับนักเรียนอาชีวศึกษาเอกชน กับโครงการ Zero Accident Society in Private Colleges

ไทยฮอนด้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย ร่วมกับ สมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สวทอ.) บันทึกข้อตกลง (MOU) เริ่มต้นโครงการ ‘Zero Accident Society in Private Colleges’ เพื่อเสริมสร้างทักษะขับขี่ปลอดภัยให้กับนักเรียนอาชีวศึกษาเอกชน ผ่านการสร้างจิตสำนึกการขับขี่ปลอดภัยที่ถูกต้องและปลอดภัย

ดร.อารักษ์ พรประภา ประธาน บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด เปิดเผยถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “ความร่วมมือระหว่างไทยฮอนด้าและ สวทอ. ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของทั้งสองฝ่ายในการผลักดันให้เมืองไทยปลอดจากอุบัติเหตุบนท้องถนน และเป็นการส่งเสริมสนับสนุนนโยบายภาครัฐ ในการลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน เป็นที่มาของโครงการ “Zero Accident Society in Private Colleges” ขึ้น โดยที่ผ่านมาไทยฮอนด้าได้มีการผลักดันโครงการเมืองไทยขับขี่ปลอดภัยมาอย่างต่อเนื่องกว่า 30 ปี และยังคงมุ่งมั่นที่จะถ่ายทอดความรู้ให้กับคนไทยผ่านทั้งหลักสูตร สถานที่ฝึก และบุคลากร สำหรับครั้งนี้ ไทยฮอนด้าพร้อมจัดหลักสูตรที่ครอบคลุมการพัฒนาของเด็กนักเรียนให้มีทักษะขับขี่ปลอดภัยอย่างยั่งยืน โดยได้จัดอบรมวิทยากรขับขี่ปลอดภัยสำหรับครู อาจารย์ เพื่อนำความรู้การขับขี่ปลอดภัยกลับไปแนะนำอบรมนักเรียน และนักศึกษาในวิทยาลัย”

นอกจากนี้ เรายังได้รับความร่วมมือจากร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ในพื้นที่ใกล้เคียงสถานศึกษานั้นๆ นำวิทยากร ครูฝึกและอุปกรณ์การฝึกขับขี่ปลอดภัย มาร่วมสนับสนุนการฝึกสอน รวมถึงจัดแผนอบรมขับขี่ปลอดภัยด้วย

พร้อมกันนี้ เพื่อให้การพัฒนาทักษะขับขี่ปลอดภัยสัมฤทธิ์ผลมากที่สุด ทางไทยฮอนด้ายังได้เตรียมจัดการแข่งขัน Honda Student Safety Riding Skill Contest สำหรับนักเรียนอาชีวศึกษาเอกชน เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกการขับขี่ปลอดภัย โดยผู้ชนะเลิศระดับประเทศ จะได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันทักษะขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า ระดับนานาชาติ (เอเชียและโอเชียเนีย) ในลำดับต่อไปอีกด้วย

ยามาฮ่า ส่งฟินน์ สีใหม่ สุดพรีเมียม กระตุ้นยอดขาย

ไทยยามาฮ่า ส่งรถครอบครัวระดับพรีเมียม ยามาฮ่า ฟินน์ ใหม่! #กล้าที่จะฟินน์ 9 สีใหม่ มั่นใจทนทาน ประหยัดน้ำมัน พร้อมรับประกัน 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ส่งรถครอบครัวยุคใหม่ระดับพรีเมี่ยม ยามาฮ่าฟินน์ ใหม่! ฟินน์แบบไร้ขีดจำกัด กับยามาฮ่าฟินน์รถครอบครัวระดับพรีเมียม สีสันกราฟิกใหม่ สวยล้ำสไตล์โมเดิร์นพร้อม 9 สีใหม่ สุดพรีเมียม พิเศษ! รุ่น UBS มาพร้อมล้อแม็กสีทอง สวยโดดเด่น ไม่เหมือนใคร และเครื่องยนต์แรง ทนทาน มีสมองกลอัจฉริยะ ECU ควบคุมการสั่งจ่ายน้ำมันทำให้ประหยัด พร้อมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขับขี่ง่าย ไม่จุกจิก คุ้มค่าด้วยการรับประกันมากถึง 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง*

ยามาฮ่าฟินน์ ใหม่! แรงดี ทนทาน…ฟินน์จัด ประหยัดจริง มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 115 ซีซี ลูกสูบเดี่ยว SOHC จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีดอัจฉริยะ ควบคุมด้วยสมองกล ECU สั่งจ่ายน้ำมันได้อย่างประหยัด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมรองรับการใช้น้ำมัน E20 ได้เป็นอย่างดี

ยามาฮ่าฟินน์ ใหม่! สะดวกสบายกับกุญแจ Multi-function ควบคุมการใช้งานในจุดเดียว จะล็อก สตาร์ต หรือเปิดเบาะ ก็ฟินน์

ยามาฮ่าฟินน์ ใหม่! ดีไซน์สวยโดนใจมาพร้อมกับช่องใส่ของด้านหน้า ใส่ของอเนกประสงค์ สะดวกสบายในการใช้งาน หยิบง่าย ใส่คล่อง ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน

ยามาฮ่าฟินน์ ใหม่! มาพร้อมกับไฟหน้าแบบฮาโลเจนสุดโมเดิร์นสว่างชัด ดีไซน์โฉบเฉี่ยวกลมกลืนกับแฟริ่ง ไฟท้ายหรูสะดุดตา ดีไซน์เข้ากับบอดี้ช่วงท้ายสว่างจัด ชัดเจนทั้งกลางวัน และกลางคืน

ยามาฮ่าฟินน์ ใหม่! หน้าจอเรือนไมล์ดีไซน์สวยโดนใจ กราฟิกสวยทันสมัย แสดงชัดครบทุกฟังก์ชันการใช้งาน

ยามาฮ่าฟินน์ ใหม่! พร้อมที่เก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่ ขนาด 9.7 ลิตร ใส่หมวกกันน็อกครึ่งใบได้

ยามาฮ่าฟินน์ ใหม่! มั่นใจด้วยระบบเบรก UBS (UNIFIED BRAKE SYSTEM) มั่นใจปลอดภัยขณะขับขี่ เมื่อใช้งานเบรกเท้า ระบบกลไกจะกระจายแรงเบรกไปทั้งล้อหน้าและล้อหลัง ทำให้การหยุดรถมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น *เฉพาะรุ่น UBS

ยามาฮ่าฟินน์ ใหม่! มีให้เลือก 9 สี 4 รุ่นได้แก่ รุ่น UBS ล้อแม็กซ์สีทองสุดหรูมีให้เลือก 3 สีได้แก่ สีแดง สีเทา และสีดำ พร้อมราคาแนะนำที่ 48,700 บาท รุ่น ล้อแม็ก / สตาร์ทมือ กับ 3 สีใหม่ ได้แก่สีเขียว สีเทา และสีแดง พร้อมราคาแนะนำที่ 46,900 บาท และรุ่น ล้อซี่ลวด /สตาร์ทมือ กับ 2 สีโดนใจได้แก่สีฟ้า และสีดำ พร้อมราคาแนะนำที่ 44,900 บาท และรุ่นสุดประหยัดสีดำในรุ่น ล้อซี่ลวด / สตาร์ทมือ / ดรัมเบรก พร้อมราคาแนะนำที่ 41,200 บาท

พบกับ ยามาฮ่าฟินน์ ใหม่! ได้แล้ววันนี้ที่ร้านยามาฮ่าสแควร์ และร้านผู้จำหน่ายยามาฮ่าทั่วประเทศ ลงทะเบียนรับประกัน 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ตั้งแต่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป โปรดศึกษาเงื่อนไขการรับประกันจากสมุดคู่มือรับประกัน *รับประกันคุณภาพชิ้นส่วนใน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มเครื่องยนต์ กลุ่มโครงรถ และกลุ่มระบบไฟฟ้า โดย บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด

สามารถติดตามความเคลื่อนไหวและข้อมูลข่าวสารทางออนไลน์ได้ที่ www.yamaha-motor.co.th 

Facebook    :         Yamaha Society Thailand 

Instagram    :         @YamahaSocietyThailand

YouTube     :         Yamaha Society Thailand 

Line OA       :         @yamahasociety

MODEL LINE UP

UBS (B6FR) ราคา 48,700 บาท
                 สีแดง                       สีเทา                       สีดำ         

ล้อแม็ก / สตาร์ทมือ (B6FP) ราคา 46,900 บาท
           สีเขียว                          สีเทา                      สีแดง                    
  

ล้อซี่ลวด /สตาร์ทมือ (B6FN) ราคา 44,900 บาท
           สีฟ้า                               สีดำ                

ล้อซี่ลวด / สตาร์ทมือ / ดรัมเบรก (B6FM) ราคา 41,200 บาท
          สีดำ

(Specifications)

เครื่องยนต์แบบ                                       4 จังหวะ สูบเดี่ยว SOHC ระบายความร้อนด้วยอากาศ   
ปริมาตรกระบอกสูบ                                  114 ซีซี
อัตราส่วนกำลังอัด                                    9.3 : 1
กระบอกสูบ x ระยะชัก                               50.0 x 57.9 มม.
ระบบหล่อลื่น                                           แบบอ่างน้ำมันเครื่อง
ระบบจ่ายน้ำมัน                                        หัวฉีด
ระบบจุดระเบิด                                         T.C.I.
ระบบคลัตช์                                             แบบเปียกชนิดหลายแผ่น
ระบบเกียร์                                              แบบเฟืองขบกันคงที่ เกียร์วน 4 ระดับ                       
ระบบสตาร์ท                                           สตาร์ทมือไฟฟ้า และสตาร์ทเท้า    
น้ำมันเชื้อเพลิง                                        น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วหรือน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10 ถึง E20
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง                               4.0 ลิตร
ความจุน้ำมันเครื่อง                                   0.80 ลิตร 
                                                          0.85 ลิตร (เปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง)
หัวเทียน                                                 NGK / CR6HSA
แบตเตอรี่                                               YTZ4V / 12 V, 3.0 Ah

โครงรถ

ชนิดโครงรถ                                            แบบแบ็คโบน
มุมคาสเตอร์ / ระยะเทรล                           26.2  / 73 มม.
กว้าง x ยาว x สูง                                     710 x 1,940 x 1,095  มม.
ความสูงจากพื้นถึงเบาะ                             775 มม.

ระยะห่างจากพื้นถึงเครื่อง                          155 มม.            

ช่วงศูนย์กลางระหว่างล้อ                           1,235 มม.                     

น้ำหนัก (รวมน้ำมันเครื่อง                           (B6FR)  100 กก.

และน้ำมันเชื้อเพลิงเต็มถัง)                        (B6FP)  99 กก.

                                                     (B6FN) 98 กก.  

                                                     (B6FM) 97 กก.  

รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด                                  1,800 มม.

ระบบกันสะเทือน

หน้า                                               เทเลสโคปิค                   

หลัง                                               สวิงอาร์ม โช้คอัพคู่

ระบบเบรก (หน้า / หลัง)

หน้า                                               (B6FR)  ดิสก์เบรก          
(B6FP / B6FN) ดิสก์เบรก
(B6FM) ดรัมเบรก

หลัง                                               (B6FR)ดรัมเบรก UBS

                                                     (B6FP / B6FN / B6FM) ดรัมเบรก

ล้อ

ล้อซี่ลวด                                         B6FN, B6FM

ล้อแม็ก                                           B6FR, B6FP

ยาง

หน้า                                               70/90 – 17MC / 38 P                             

หลัง                                               80/90 – 17MC / 50 P

“ชิพ-นครินทร์” บิด Honda CBR1000RR-R ครองแชมป์ 2 ปีซ้อน

Honda CBR1000RR-R ประกาศความยิ่งใหญ่ครองแชมป์ 2 ปีซ้อน พร้อมเหมาโพเดียม “ชิพ-นครินทร์” ร่วม Honda Asia-Dream Racing with SHOWA ทีม คว้า Top 8 Suzuka 8 Hours ครั้งที่ 44

Honda CBR1000RR-R ประกาศความยิ่งใหญ่ ครองแชมป์เหมาโพเดียมทั้งสามอันดับในศึกทรหดในตำนานอย่าง Suzuka 8 Hours ครั้งที่ 44

ด้าน “ชิพ” นครินทร์ ยอดนักบิดไทยจากโครงการ “เรซ ทู เดอะ แชมเปี้ยน” ที่ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนไทยเข้าร่วม ลงแข่งขันในภายใต้ทีม Honda Asia-Dream Racing with SHOWA ด้วยตัวแข่ง CBR1000RR-R สร้างผลงานทะลุเป้า ร่วมกับทีมเมทเอเชียอย่าง โมฮัมหมัด ซัควาน ไซดี้ นักบิดมาเลเซีย และ แอนดี้ ฟาริด อิซดิฮาร์ นักบิดอินโดนีเซีย โดย CBR1000RR-R หมายเลข 88 ก่อนที่จะคว้าอันดับที่ 8 มาครองได้สำเร็จ หลังจากที่ต่อสู้กันอย่างยาวนานถึง 8 ชั่วโมงเต็มในการแข่งขันศึกสองล้อในตำนานอย่าง Suzuka 8 Hours ครั้งที่ 44 ที่สนามซูซูกะ ประเทศญี่ปุ่น

“ชิพ-นครินทร์” ลงสนามด้วยการทำหน้าที่เป็นนักแข่งปลอกแขนสีแดง ซึ่งรับช่วงต่อจาก โมฮัมหมัด ซัควาน ไซดี้ ปลอกแขนสีน้ำเงิน และ แอนดี้ ฟาริด อิซดิฮาร์ ปลอกแขนสีเหลือง โดยมีบทบาทสำคัญอย่างมากกับผลงานของทีม ซึ่งการลงครั้งแรกขณะเข้าชั่วโมงที่ 3 “ชิพ-นครินทร์” และรถแข่ง Honda CBR1000RR-R หมายเลข 88 ได้ขยับจากอันดับที่ 13 มาถึงอันดับที่ 8 จากการต่อสู้กับนักแข่งระดับท็อปของโลกที่มาจากรายการ เอ็นดูรานซ์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ, ซูเปอร์ไบค์เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ และโมโตจีพี หลายคน นับเป็นการข้ามขีดจำกัด ยกระดับผลงานการทำงานของทีมอย่างยอดเยี่ยม จากฤดูกาลที่แล้วที่คว้าอันดับที่ 11 และสูงกว่าตั้งเป้าหมายในการแข่งขันฤดูกาลนี้ที่วางไว้ที่ท็อป 10 ได้สำเร็จ

นอกจากนั้น ฮอนด้า CBR1000RR-R ยังตอกย้ำศักยภาพที่เหนือกว่าคู่แข่ง ด้วยการครองแชมป์ 2 ปีซ้อน และ เหมาโพเดียม เมื่อทีม Team HRC with Japan Post หมายเลข 33 คว้าชัยชนะในการแข่งขัน  Suzuka 8 Hours ครั้งนี้ไปครอง ทำระยะทางตลอดการแข่งขัน 8 ชั่วโมงได้ถึง 216 รอบ ตามมาด้วยทีม TOHO Racing หมายเลข 104 ในอันดับที่ 2 และทีม SDG Honda Racing หมายเลข 73 ในอันดับ 3 ตามลำดับ

นอกจากผลงานล่าสุดใน Suzuka 8 Hours แล้ว “ชิพ-นครินทร์” ยังสร้างผลงานอันสุดแข่งแกร่งในรายการระดับท็อปของประเทศไทยและเอเชียกับยอดรถแข่ง Honda CBR Series หมายเลข 41 ด้วยการนำเป็นจ่าฝูงในตารางคะแนนสะสมรุ่นซูเปอร์ไบค์ 1000 ซีซี เอสบี1โปร รายการ OR BRIC Superbike 2023 ด้วยตัวแข่ง Honda CBR1000RR-R และทำผลงานรั้งกลุ่มนำลุ้นโพเดียมอย่างต่อเนื่องในการแข่งขัน Asia Road Racing Championship 2023 รุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี (SS600) ด้วยตัวแข่ง Honda CBR600RR

แฟนมอเตอร์สปอร์ตสามารถติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวของนักบิดไทยในโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” และ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ แชมเปี้ยน” รวมถึงส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าทุกคนได้ที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : www.facebook.com/HondaRacingTeamTH

#WhatStopsYou #มุ่งไปอย่าให้อะไรมาหยุด #RaceToTheChampion #HondaRacingThailand #HondaBigBike #CBR1000RRR #FIMEWC #EWC #ExcitesTheWorld #Hondaasiadreamracingwithshowa #Chip_Nakarin

“ก้อง-สมเกียรติ” ไล่แซงคว้าท็อป 9 บวกแต้ม โมโตทู สนาม 9

“ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดไทยจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” โชว์ผลงานระดับโลกไล่แซงคู่แข่งสุดโหด ทะยานคว้าอันดับ 9 ในศึก โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2023 สนาม 9 บริติช กรังด์ปรีซ์ บวกเพิ่ม 7 แต้มบนตารางคะแนนสะสมตามเป้า จากเรซสุดมันส์ที่ ซิลเวอร์สโตน เซอร์กิต สหราชอาณาจักร เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

Somkiat Chantra, Moto2, British MotoGP 4 August 2023

โดยเรซนี้ยอดนักบิดขวัญใจชาวไทยอย่าง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา เจ้าของหมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ได้ออกสตาร์ตจากกริดที่ 14 นับเป็นอีกหนึ่งเรซที่มีความหมายอย่างมากต่อการไล่ล่าอันดับบนตารางแชมเปี้ยนชิพ

จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในรอบแรกที่โค้ง 3 หลังจากที่มีนักบิดถึง 4 คันล้มตัดขวางแทร็ก ทำให้ สมเกียรติ เสียจังหวะร่วงลงไปถึงอันดับ 16 ก่อนจะค่อยๆ ไล่แซงคู่แข่งขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่ง 2 รอบสุดท้ายเจ้าของรถแข่งหมายเลข 35 ขยับผ่านจ่าฝูงบนตารางคะแนนสะสมขึ้นมาคว้าอันดับ 9 ได้อย่างสุดมันส์ ตามหลังผู้ชนะเพียง 12.280 วินาที

Somkiat Chantra, Moto2, British MotoGP 4 August 2023

จากผลงานยอดเยี่ยมดังกล่าว ส่งผลให้ สมเกียรติ เก็บเพิ่ม 7 คะแนน รวมเป็น 66 คะแนนรั้งอันดับ 9 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ โมโตทู หลังผ่านไป 9 สนามของปี โดยนับเป็นอีกหนึ่งเรซที่นักบิดไทยทำได้ตามเป้าจากสถานการณ์สุดหินที่ ซิลเวอร์สโตน

ทั้งนี้ ศึก โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2023 สนามถัดไปจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 18-20 สิงหาคมนีั้ ที่ เรดบูล ริง ประเทศออสเตรีย ในรายการ ออสเตรียน กรังด์ปรีซ์

แฟนความเร็วชาวไทยสามารถติดตามข่าวสารของ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา พร้อมส่งกำลังใจเชียร์ยอดนักบิดไทยในศึก โมโตจีพี รุ่นโมโตทู ตลอดทั้งฤดูกาล 2023 และติดตามความเคลื่อนไหวของนักบิดฮอนด้าได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : www.facebook.com/HondaRacingTeamTH

#WhatStopsYou #มุ่งไปอย่าให้อะไรมาหยุด #SC35 #Moto2 #HondaRaceToTheDream #HondaRacingThailand #IdemitsuHondaTeamAsia #RaceToTheOne

มาสด้า ประกาศหนุน “สวาทแคท” สู้ศึกไทยลีก 2

ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า นครราชสีมา, 7 สิงหาคม 2566 – มาสด้ายังคงเชื่อมั่นในสปิริตความเป็นนักสู้ของทีม ประกาศหนุน “สวาทแคท” เพื่อลงสู้ศึกไทยลีก 2 ฤดูกาล 2023-2024 พร้อมด้วยผู้สนับสนุนหลักที่ร่วมกันปลุกปั้นทีมด้วยกันมาตั้งแต่ต้นยังคงกลมเกลียวเหนียวแน่นร่วมกันสนับสนุนทีมต่อไป เพื่อให้ทีมกลับมาประสบความสำเร็จให้เร็วที่สุด โดยภายในงานมีแฟนๆ เดินทางมาให้กำลังใจกันอย่างล้นหลาม

หลังจากที่มาสด้าเริ่มให้การส่งเสริมและสนับสนุนกีฬาฟุตบอลของประเทศไทย ด้วยการเข้ามาสนับสนุนทีมฟุตบอล “สวาทแคท” สโมสรฟุตบอลนครราชสี มาสด้า เอฟซี มาตั้งแต่สมัยที่ยังเล่นอยู่ในไทยลีก 2 จนทีมสามารถก้าวขึ้นสู่ไทยลีกซึ่งเป็นลีกสูงสุดของประเทศในฐานะแชมป์ลีก รวมระยะเวลากว่า 11 ปี และโลดแล่นอยู่ในไทยลีกได้นานถึง 9 ปี แต่เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ทีมในไทยลีกต่างขับเคี่ยวกันอย่างสนุกสุดมันส์มีลุ้นกันแทบทุกเกมส์โดยเฉพาะช่วงท้ายของฤดูกาล บรรดาทีมที่กำลังดิ้นรนหนีการตกชั้นต่างต้องการเก็บแต้มให้ได้มากที่สุด และสู้กันมันส์หยดจนแมตช์สุดท้าย ส่งผลให้ทีม “สวาทแคท” หล่นลงมาเล่นในไทยลีก 2 แต่ทั้งนี้ทางผู้บริหารสโมสรฯ ประกาศชัดเจนเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับบรรดาแฟนๆ แมวพิฆาตว่าปีนี้จะต้องกลับขึ้นสู่ไทยลีกให้ได้อีกครั้ง

ทางด้านผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ มร.ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้าให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาวงการฟุตบอลไทย ด้วยการเข้ามาสนับสนุนฟุตบอลทีม “สวาทแคท” หรือ สโมสรฟุตบอลนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี เมื่อ 11 ปีที่แล้ว ส่งผลให้วงการฟุตบอลไทยคึกคักทันตาเห็น โดยเฉพาะจำนวนแฟนบอลที่หลั่งไหลเข้าชมการแข่งขัน วันนี้ทีม “สวาทแคท” ยังคงครองสถิติอันดับหนึ่งที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในไทยลีก ที่สำคัญ มาสด้ายังคงให้การสนับสนุนทีม “สวาทแคท” อย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับทุกปีที่ผ่านมา วันนี้ทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจกันลุกขึ้นสู้อีกครั้ง เพื่อก้าวขึ้นสู่ลีกสูงสุดของประเทศให้เร็วที่สุด ทุกคนต้องศรัทธาและเชื่อมั่นในสปิริตความเป็นนักสู้ของทีม ซึ่งมี DNA เช่นเดียวกับชาวมาสด้า เราไม่เคยยอมแพ้ต่ออุปสรรค เราเชื่อมั่นในสปิริตความเป็นนักสู้ เราฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มามากมายกว่า 100 ปี และอยู่เคียงข้างคนไทยมา 73 ปี และเราจะยังคงอยู่เคียงข้างคนไทยตลอดไป

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการต่อสัญญากับสโมสรในครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนวงการฟุตบอลของประเทศไทยสู่การพัฒนาและการยกระดับคุณภาพอย่างยั่งยืน ฟุตบอลเป็นเสมือนสะพานที่เชื่อมความสัมพันธ์อันดี ไม่ใช่เฉพาะกับชาวโคราชเท่านั้น แต่รวมไปถึงคนไทยทั่วทั้งประเทศ นับตั้งแต่เรามีแฟนบอลเข้าชมในสนามไม่ถึง 500 คน วันหนึ่งเราก็สร้างปรากฏการณ์ให้คนไทยทั้งประเทศได้ประจักษ์และจารึกในประวัติศาสตร์ ว่าเป็นทีมที่มีแฟนบอลเข้าชมสูงสุดในไทยลีก วันนี้ เราได้เปลี่ยนจากทีมเล็กๆ ในระดับท้องถิ่น ให้กลายเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่ในระดับประเทศ สวาทแคทกับมาสด้า เราเดินเคียงข้างกันมาตลอด 11 ปี และเราจะยังคงเดินเคียงข้างกันตลอดไป แม้ในยามที่ทีมต้องการกำลังใจและสร้างความมุ่งมั่น

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาสโมสรฯ กล่าวว่า ผมขอขอบคุณแฟนคลับสวาทแคท และคณะผู้บริหารทีมสโมสรฟุตบอลนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ชุดใหม่ ที่เชิญผมให้มาเป็นประธานในการเปิดตัวสโมสรฯ ไทยลีก 2 ฤดูกาล 2023-2024 ชูสโลแกน “START UP” กลับมาสู้ ก้าวสู่ไทยลีก ผมมั่นใจว่าฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ สวาทแคทต้องกลับขึ้นสู่ไทยลีก 1 ให้ได้อีกครั้ง เพราะวันนี้เรามีความพร้อมในด้านต่างๆ ทั้งการเตรียมทีม ตัวนักฟุตบอล ทีมงานสตาฟโค้ช และเหล่าผู้สนับสนุนของทีม ที่จะมาร่วมมือกันต่อสู้เพื่อบรรลุไปสู่เป้าหมายคือ ไทยลีก

พร้อมกันนี้ ภายในงานยังได้มีการเปิดตัวนักฟุตบอล “สวาทแคท” ที่มีความพร้อมอย่างเต็มเปี่ยมในการสู้ศึก ไทยลีก 2 ฤดูกาล 2023-2024 พร้อมเปิดตัวชุดแข่งขันใหม่ภายใต้แบรนด์ไทย “VOLT” โดย บริษัท โวลท์ เอนเนอร์จี แวร์ จำกัด ซึ่งบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ชุดออกกำลังกายมาตราฐานระดับสากล ที่เข้ามาเป็นพันธมิตรกับสโมสรฯ ในปีนี้

สำหรับไทยลีก 2 มีทีมที่ร่วมการแข่งขันทั้งหมด 18 ทีม โดยนัดเปิดฤดูกาลทีม “สวาทแคท” จะต้อนรับการมาเยือนของทีมจันทบุรี ในวันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 เวลา 18.00 น. ณ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ขอเชิญชวนแฟนบอลร่วมชมและเชียร์เจ้าแมวพิฆาต หรือ สวาทแคท พร้อมกัน

มิตซูบิชิ ทุ่มงบลงทุนเปิดสายการผลิตใหม่

มิตซูบิชิ ทุ่มงบลงทุนเปิดสายการผลิตใหม่ ควบคุมการผลิต ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ด้วยหุ่นยนต์สุดไฮเทคและแม่นยำ ตอกย้ำประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของรถยนต์แบรนด์มิตซูบิชิ รองรับการส่งออกไปทั่วโลก

7 สิงหาคม 2566 : บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งด้านการลงทุนและการเติบโตในประเทศไทย โดยเพิ่มการลงทุนในสายการผลิตใหม่สำหรับออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน หรือ แอล 200 (L200) ที่โรงงานแหลมฉบังเพื่อรองรับการส่งออกไปทั่วโลก สายการผลิตใหม่ของออล-นิว ไทรทัน ประกอบด้วยสายการผลิตเชื่อมประกอบตัวถังรถยนต์ที่ควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติ “สุดไฮเทค” เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย โดยมีสัดส่วนกระบวนการอัตโนมัติถึงร้อยละ 95 จากการใช้หุ่นยนต์อัจฉริยะมากกว่า 250 ตัว เพื่อทำงานในจุดที่มีความเสี่ยงสูงหรือต้องการความแม่นยำสูงเกินความสามารถของมนุษย์

มร.เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ในฐานะผู้นำด้านการผลิตและส่งออกรถยนต์ของประเทศไทย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส รู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนให้ประเทศไทยเติบโตขึ้นเป็นศูนย์กลางการส่งออกรถยนต์แห่งภูมิภาคมาอย่างยาวนาน เรามองว่าประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ จึงดำเนินการผลิตรถยนต์รุ่นสำคัญๆ ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่นี่ เพื่อจำหน่ายส่งออกไปยังนานาประเทศทั่วโลก ซึ่งที่ผ่านมาเราได้ทุ่มงบลงทุนในหลากหลายภาคส่วนเพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยี โดยหนึ่งในการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดนั่นก็คือการทุ่มงบประมาณ 3,000 ล้านบาท ในการก่อสร้างโรงงานพ่นสีแห่งใหม่ในปี 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเป็นโรงงานพ่นสีที่มีคุณภาพสูง โดยผสานการทำงานที่แม่นยำของเครื่องจักรหรือหุ่นยนต์อัตโนมัติเข้ากับความพิถีพิถันของบุคลากรที่บรรจงสร้างสรรค์ชิ้นงานด้วยความประณีต ทั้งยังมีระบบการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังได้ส่งเสริมการผลิตรถยนต์ด้วยพลังงานสะอาดโดยใช้ระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังผลิตไฟฟ้าที่ 7 เมกะวัตต์ และมีแผนที่จะลงทุนในโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง”

การเปิดตัว “ออล-นิว ไทรทัน” ช่วยขับเคลื่อนให้เกิดความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีสายการผลิตรถกระบะอย่างเป็นรูปธรรมไปอีกขั้น โดย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ยกระดับสายการผลิตใหม่ โดยใช้หุ่นยนต์อันทันสมัยมากกว่า 250 ตัว ทำหน้าที่ในการเชื่อมประกอบตัวถังรถยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพดีเยี่ยมและมีความแม่นยำสูง โดยมีกำลังผลิตราว 200,000 คันต่อปี

“สายการผลิตอัตโนมัติที่ใช้หุ่นยนต์นี้ มีมาตรฐานสูงเทียบเท่าโรงงานของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสะท้อนเจตนารมณ์ของบริษัทฯ ที่มุ่งมั่นส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นหัวใจแห่งยุทธศาสตร์สู่การเติบโต ด้วยการลงทุนที่ล้ำสมัย โดยในวันข้างหน้า เราจะยังคงมุ่งมั่นสร้างความเติบโตในระดับภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ผ่านการลงทุน การผลิต การส่งออก และส่งต่อความรู้และเทคโนโลยี โดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสำคัญ” มร.โคอิโตะ กล่าวเสริม

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยกระดับสายการผลิตแบบอัตโนมัติสำหรับออล-นิว ไทรทัน ด้วยมุ่งหวังที่จะส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตให้ดียิ่งขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีและหุ่นยนต์ที่มีความแม่นยำสูงเข้ามาทำหน้าที่ที่หลากหลาย อาทิ หุ่นยนต์ขนาดใหญ่ที่สามารถยกวัตถุที่มีน้ำหนักมากได้ถึง 900 กิโลกรัม หุ่นยนต์เคลื่อนย้ายชิ้นงาน แขนกลที่มีความยืดหยุ่นซึ่งสามารถหยิบจับชิ้นงานได้อย่างรวดเร็วและคล่องแคล่ว หุ่นยนต์พร้อมระบบตรวจสอบหัวเชื่อมอัตโนมัติ กล้องตรวจคุณภาพแนวซีลตะเข็บรถยนต์แบบอัตโนมัติ อุปกรณ์ขันยึดแบบไฟฟ้าที่มีความแม่นยำสูง และระบบบันทึกข้อมูลการตรวจสอบแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อลดการใช้กระดาษ

มร.เออิจิ โอกาวะ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานผลิต บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ระบบควบคุมอัตโนมัติรุ่นใหม่ทั้งหมดถูกนำมาใช้เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการทำงานและความปลอดภัยให้กับพนักงานของเรา พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ในด้านการควบคุมคุณภาพ เพิ่มประสิทธิภาพในการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเสริมสร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพการผลิตออล-นิว ไทรทัน เรารู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่รถระดับโลกอย่างออล-นิว ไทรทัน มีต้นกำเนิดจากโรงงานแหลมฉบังของเราแห่งนี้ และตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งกับเสียงตอบรับจากลูกค้า เราหวังว่าเทคโนโลยีการผลิตใหม่ล่าสุดของเรานี้จะเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าของเรามากยิ่งขึ้น”

ออล-นิว ไทรทัน ถือกำเนิดขึ้นอีกครั้งภายใต้ดีเอ็นเอของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (Mitsubishi Motors-ness) เพื่อเติมเต็มและตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนไปข้างหน้า ด้วยจิตวิญญาณแห่งการผจญภัย พร้อมมอบความปลอดภัยและอุ่นใจได้ในทุกเส้นทาง ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นจากเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่ล้ำสมัย ความสงบเงียบและสะดวกสบายตลอดการเดินทาง

“ด้วยเครื่องยนต์ไฮเปอร์เพาเวอร์ (Hyper Power) รุ่นใหม่ เมกาเฟรมหรือโครงรถใหม่ ช่วงล่างใหม่ ที่มาพร้อมความสะดวกสบายสูงสุดของห้องโดยสารทั้งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ทำให้ ออล-นิว ไทรทัน กลายเป็นสัญลักษณ์ระดับโลกที่สะท้อนถึงความทุ่มเทของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในการสร้างสรรค์รถกระบะที่ดีที่สุดในคลาส เพื่อให้ ออล-นิว ไทรทัน เติมเต็มความสนุกในการใช้ชีวิตและมอบอรรถประโยชน์ให้กับลูกค้าทั่วโลก ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการใช้รถกระบะในการประกอบอาชีพและใช้งานส่วนตัว เราภูมิใจที่จะได้นำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่น่าพึงพอใจให้กับลูกค้าที่ต้องการใช้งานรถกระบะในรูปแบบที่หลากหลาย ในวันข้างหน้า เราจะยังคงมุ่งมั่นสร้างความเติบโตโดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสำคัญอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งต่อความสำเร็จและคุณค่าให้กับลูกค้าทั่วโลก” มร.โคอิโตะ กล่าวปิดท้าย

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save