- Advertisement -
31.6 C
Bangkok
Home Blog Page 53

โตโยต้า คว้ารางวัลแบรนด์ที่ทำผลงานยอดเยี่ยมบนโซเชียลมีเดีย

โตโยต้า คว้ารางวัล “แบรนด์ที่ทำผลงานยอดเยี่ยมบนโซเชียลมีเดีย” สาขา กลุ่มธุรกิจรถยนต์ 4 ปีซ้อน ในงาน 12th THAILAND SOCIAL AWARDS

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด คว้ารางวัล “BEST BRAND PERFORMANCE ON SOCIAL MEDIA” หรือ “แบรนด์ที่ทำผลงานยอดเยี่ยมบนโลกโซเชียลมีเดีย” สาขากลุ่มธุรกิจรถยนต์ 4 ปีซ้อน (2021-2024) จากการประกาศรางวัล THAILAND SOCIAL AWARDS ครั้งที่ 12 โดยมี นายอภิสิทธิ์ กาบบัวลอย ผู้จัดการโครงการ ฝ่ายบริหารการตลาดและประชาสัมพันธ์ เป็นตัวแทนรับมอบรางวัล เมื่อวันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา ณ ทรู ไอคอน ฮอลล์ ไอคอนสยาม ชั้น 7

THAILAND SOCIAL AWARDS เป็นงานประกาศรางวัลโซเชี่ยลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทยจัดโดย บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้พัฒนาซอฟแวร์ด้านการวิเคราะห์ข้อมูลตลาดชั้นนำของไทย จุดประสงค์ในการจัดงานเพื่อให้ความสำคัญกับวงการโซเชียลมีเดีย ที่เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนธุรกิจและเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศไทย ผ่านการมอบรางวัลเพื่อส่งเสริม เชิดชูแบรนด์ที่ใช้โซเชียลมีเดียอย่างสร้างสรรค์และยกระดับวงการโซเชียลในสาขาต่างๆ

วิริยะประกันภัย ประกาศแผนงานปี 2567 “มากกว่าความคุ้มครอง คือ ความคุ้มค่า”

วิริยะประกันภัย ประกาศแผนธุรกิจปี 2567 “มากกว่าความคุ้มครอง คือ ความคุ้มค่า”

นายอมร ทองธิว กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) นำคณะผู้บริหารระดับสูงจัดงานแถลงข่าวประจำปี 2567 แถลงถึงผลการดำเนินงานและภาพรวมผลประกอบการในรอบปีที่ผ่านมา รวมถึงกลยุทธ์การดำเนินงานในปี 2567 ภายใต้แนวคิด “ปีแห่งความมั่นคงและเป็นธรรม : มากกว่าความคุ้มครอง คือ ความคุ้มค่า” อันเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าของวิริยะประกันภัย ด้วยประสบการณ์ด้านประกันวินาศภัยกว่า 77 ปี ซึ่งบริษัทฯ มีความ “มั่นคง” ด้วยสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง 68,335 ล้านบาท “เป็นธรรม” ทุกขั้นตอนการบริการและมอบประสบการณ์ความ “คุ้มค่า” ให้แก่ ลูกค้า ด้วยการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาพัฒนานวัตกรรมบริการใหม่อย่าง “V-Inspection” บริการตรวจสภาพรถยนต์ก่อนรับทำประกันภัยผ่านโทรศัพท์มือถือที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าได้รับการอนุมัติทำประกันภัยรวดเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงการขยายพื้นที่ให้บริการเคลมนัดหมายผ่านวิดีโอคอล “VClaim on VCall” ขยายครอบคลุมทั่วประเทศ ตลอดจนการนำฐานข้อมูล “Big Data” มาใช้พัฒนาออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตาม Personalization and Customer Insights ให้ตรงกับความต้องการของผู้เอาประกันภัย ทั้งด้านความคุ้มครองและเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสม ณ ห้องแกรนด์บอลรูม (Salon B) โรงแรมสวิสโซเทล กรุงเทพ รัชดา

สำหรับผลประกอบการในปี 2566 บริษัทฯ มีเบี้ยรับรวมกว่า 40,077 ล้านบาท แยกเป็นประกันภัยรถยนต์ (Motor) 35,633 ล้านบาท และประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ (Non-Motor) 4,444 ล้านบาท โดยในปี 2567 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 43,000 ล้านบาท แบ่งเป็นประกันภัยรถยนต์ 38,000 ล้านบาท และประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้ วิริยะประกันภัย ยังได้เปิดตัวแคมเปญบริษัทฯ ภายใต้แนวคิด “มากกว่าความคุ้มครอง คือ ความคุ้มค่า” พร้อมสื่อสารไปยังสาธารณชนผ่านหนังโฆษณาและสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ เพื่อตอกย้ำความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าของวิริยะประกันภัยอีกด้วย

มาสด้า e-Skyactiv R-EV เทคโนโลยีแห่งอนาคตที่ไปได้ไกลกว่า

มาสด้า e-Skyactiv R-EV เทคโนโลยีแห่งอนาคตที่ไปได้ไกลกว่า ขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืนเพื่อผู้คน สังคม และโลกของเรา หนึ่งในกลยุทธ์ของมาสด้า ที่จะนำเสนอเทคโนโลยีพลังงานทางเลือกที่ดีที่สุด พัฒนาต่อยอดจากรถไฟฟ้า 100%

มาสด้า ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพราะทุกก้าวย่างเกิดจากความมุ่งมั่นตั้งใจจริงเพื่อมวลมนุษยชาติ โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือ การบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน นี่คือบทพิสูจน์ที่ท้าทายเพื่อแก้ปัญหาด้านส่งแวดล้อมในฐานะผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น หนึ่งในวิธีที่ทรงประสิทธิภาพมากที่สุด คือการพัฒนานวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย ผ่านระบบส่งกำลังของเครื่องยนต์ทุกประเภท ตั้งแต่เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) รถปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) รถไฟฟ้าไฮบริด (HEV) ไปจนถึงรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (EV) วิวัตนาการเหล่านี้คือหนึ่งในวิถีทางไปสู่ Well-to-wheel ที่มาสด้าให้ความสำคัญตั้งแต่ต้นกำเนิด กระบวนการขุดเจาะ การสกัดวัสดุที่จำเป็นในการผลิต ไปจนถึงสิ้นสุดอายุการใช้งานของยานพาหนะผ่านกระบวนการรีไซเคิล เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งในแต่ละภูมิภาคก็จะถูกปรับให้มีความเหมาะสมและแตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา เนื่องจากไม่มีวิธีใดวิธีเดียวที่เหมาะสมกับทุกภูมิภาค มาสด้าจึงได้คิดค้นทุกวิถีทางในการแก้ปัญหา ตามแนวทาง Multi-Solution นั่นคือการแสวงหานวัตกรรมที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย จนบรรลุเป้าหมายดังกล่าวแล้วและมีประสิทธิภาพสูงสุด

หนึ่งในกลยุทธ์ของมาสด้าที่เดินหน้าตามแนวทาง Multi-Solution คือการพัฒนาเครื่องยนต์ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) ด้วยการนำข้อดีของการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมาผสานกับพลังงานไฟฟ้า เพื่อให้ได้ระยะทางขับขี่ที่ไกลขึ้น ประหยัดน้ำมันมากขึ้น จึงเกิดเป็นเทคโนโลยี e-Skyactiv R-EV ซึ่งเป็นเทคโนโลยีพลังงานทางเลือกที่ดีที่สุด โดยพัฒนาต่อยอดจากรถไฟฟ้า 100% ซึ่งมาสด้านำเอาเครื่องยนต์โรตารี่อันเลื่องชื่อมาใช้เป็นตัวปั่นกระแสไฟ เปลี่ยนเป็นแหล่งพลังงานที่ช่วยให้การขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้าได้ระยะทางไกลมากขึ้น ตอบโจทย์ยุคสมัยที่กำลังเปลี่ยนผ่านจากพลังงานเชื้อจากฟอสซิลไปสู่พลังงานไฟฟ้า เพิ่มทางเลือกให้เกิดความหลากหลายมากขึ้นในการเลือกรถยนต์ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตน และความเหมาะสมตามความพร้อมของแต่ละภูมิประเทศ

หัวใจหลักสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยี e-Skyactiv R-EV คือ เครื่องยนต์โรตารี่ เป็นตัวปั่นกระแสไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ เครื่องยนต์มีขนาดเพียง 830 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า ลูกสูบหมุน 1 โรเตอร์ ทำจากอลูมิเนียม น้ำหนักเบาเพียง 15 กิโลกรัม เล็กกว่าเครื่องยนต์แบบลูกสูบที่ให้กำลังใกล้เคียงกัน และแบตเตอรี่ลิเที่ยมไอออนขนาด17.8 กิโลวัตต์ วิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 85 กิโลเมตร โดยมีความเร็วสูงสุดที่ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เมื่อได้รับการปั่นพลังงานไฟฟ้ากลับเข้ามาจากเครื่องยนต์โรตารี่ จะทำให้เพิ่มระยะทางในการวิ่งได้ไกลถึง 600 กิโลเมตร จากการทำงานของเครื่องยนต์โรตารี่ที่ใช้พลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อน มาผสานกับการทำงานของระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวขยายระยะทางในการขับขี่ กลายเป็นเทคโนโลยี ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ที่ได้จากเครื่องยนต์โรตารี่ อันเกิดจาก “จิตวิญญาณแห่งความท้าทาย” หรือ “Challenger Spirit” อันมีเอกลักษณ์เฉพาะของมาสด้า

เทคโนโลยี e-Skyactiv R-EV ที่ใช้เครื่องยนต์โรตารี่เป็นตัวปั่นไฟนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เกิดจากความมุ่งมั่นของมาสด้าในการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ตามแนวทาง Multi-Solution เพื่อส่งมอบเทคโนโลยีที่มาพร้อมทางเลือกที่หลากหลายให้กับผู้คนในแต่ละสังคม อีกหนึ่งโมเดลของมาสด้าที่ใช้เครื่องยนต์โรตารี่ในการปั่นกระแสไฟ คือรถต้นแบบที่มาสด้านำมาเผยโฉมเป็นครั้งแรกในงาน Japan Mobility Show 2023 Mazda Iconic SP สปอร์ตคอมแพ็คคาร์คอนเซ็ปต์ ที่ได้รับการออกแบบเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยใหม่และตอบโจทย์ลูกค้าที่ “รักในรถยนต์” และ “ปรารถนาที่จะครอบครองรถยนต์ที่สามารถถ่ายทอดความสุขในการขับขี่” โดยคอนเซ็ปต์คาร์รุ่นนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์โรตารี แบบ 2 โรเตอร์ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า (Two-rotor Rotary EV System) อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะมาสด้าที่ยังคงมีขนาดกะทัดรัด จึงทำให้มีความยืดหยุ่นสูงในเรื่องการจัดวางพื้นที่ของห้องเครื่องยนต์ ซึ่งช่วยให้รถต้นแบบคันนี้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำและให้สมรรถนะในการขับขี่ดีขึ้น โดยแบตเตอร์รี่จะถูกชาร์จด้วยพลังงานแบบย้อนกลับและจากเครื่องยนต์โรตารีแบบ 2 โรเตอร์ ที่ใช้ในการผลิตพลังงาน ซึ่งเป็นพลังงานที่ไม่ก่อให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์

อีกหนึ่งคอนเซ็ปต์คาร์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับชาวมาสด้าอย่างน่าภาคภูมิใจ ด้วยการคว้ารางวัลรถยนต์ออกแบบยอดเยี่ยมประจำปีจากประเทศอิตาลี คือ RX-VISION SKYACTIV-R คือเครื่องยนต์โรตารีเจนเนอเรชั่นใหม่ที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์แห่งอนาคตของมาสด้า เครื่องยนต์สามเหลี่ยมลูกสูบหมุน แบบ 2 โรเตอร์ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า (Two-rotor Rotary EV System) โดยเครื่องยนต์โรตารี่จะทำหน้าที่เป็นตัวปั่นกระแสไฟและส่งพลังงานกลับคืนสู่แบตเตอรี่เช่นเดียวกับ e-Skyactiv R-EV ซึ่งไม่ก่อให้เกิดมลพิษของคาร์บอนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งเครื่องยนต์โรตารี่ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่นี้สามารถใช้พลังงานเชื้อเพลิงได้หลากหลายประเภท รวมถึงพลังงานไฮโดรเจน พลังงานสะอาดทางเลือกแห่งอนาคต

การนำเทคโนโลยี e-Skyactiv R-EV มาใช้ในเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุดนี้ เป็นการปลุกฟื้นคืนชีพตำนานเครื่องยนต์โรตารี่ ต้นกำเนิดรถสปอร์ตมาสด้าหลากหลายรุ่นในอดีต ที่ถูกถ่ายทอดมาจนถึงปัจจุบันกลายเป็นดีเอ็นเอของมาสด้าที่ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรค หรือ Challenger Spirit ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ มาสด้าจะยังคงเฟ้นหาวิธีการต่างๆ ต่อไป ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้ได้มาซึ่งความเป็นกลางทางคาร์บอน ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่หลากหลาย ตามแนวทาง Multi-Solution เพื่อผู้คนในเจเนอเรชั่นถัดไป เพื่อโลกของเราให้ยังคงความสวยงาม เพื่อคุณภาพชีวิตของผู้คน และเพื่อสร้างสรรสังคมของเราให้น่าอยู่ตราบนานเท่านานสู่ลูกหลานของเราตลอดไป

มาสด้า พิชิต 6 รางวัล รถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2567

มาสด้า พิชิต 6 รางวัล รถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2567 เทคโนโลยีสกายแอคทีฟและโคโดะ ดีไซน์ ตอบโจทย์ลูกค้าดีที่สุด

คณะผู้บริหารระดับสูงจาก บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รอประธานบริหารอาวุโส เข้ารับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2567 (Thailand Car of the Year 2024) ที่จัดขึ้นโดย บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ ผู้จัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ เป็นรางวัลที่จัดขึ้นโดยผ่านการคัดเลือรถยนต์ที่มีความเป็นที่สุดในแต่ละด้าน ลงคะแนนโดยผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านวิศวกรรมยานยนต์ เพื่อให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์อย่างแท้จริงแก่ประชาชนในการพิจารณาเลือกซื้อรถยนต์ให้เหมาะสมตามความต้องการและวัตถุประสงค์ของการใช้งาน โดยได้รับเกียรติอย่างสูงจาก ดร. ไพลิน เทียนสุวรรณ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานในพิธีฯ เป็นผู้มอบรางวัล พร้อมด้วย นายอโณทัย เอี่ยมลำเนา ประธานจัดงาน Car & Bike of the Year 2024 ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

รถยนต์มาสด้าที่ได้รับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2567 (Thailand Car of the Year 2024) ประกอบด้วย

1.Mazda2 XDL SKYACTIV-D              คว้ารางวัล Best Diesel Sedan under 1,500 c.c.

2.Mazda3 CARBON EDITION  คว้ารางวัล Best Hatchback under 2,000 c.c   

3.Mazda CX-3 SKYACTIV-G               คว้ารางวัล The Most Valuable Subcompact SUV

4.Mazda CX-30 SKYACTIV-G  คว้ารางวัล Best Performance Compact SUV

5.Mazda CX-8 SKYACTIV-D AWD      คว้ารางวัล Best Diesel SUV under 2,500 c.c.   

6.Mazda BT-50                          คว้ารางวัล Best Performance Pickup                

การที่ยนตรกรรมมาสด้าภายใต้เทคโนโลยสกายแอคทีฟที่ให้พลังแรงและประหยัดน้ำมัน และการออกแบบอันสง่างามดุจงานศิลปะชิ้นเอกจาก โคโดะ ดีไซน์ ที่คว้ารางวัลอันทรงเกียรติในครั้งนี้มาได้ถึง 6 รุ่น ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยียานยนต์ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพและตอบโจทย์การใช้งาน   โดยคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ตามแนวทางการพัฒนาที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าในทุกด้าน ซึ่งเป็นไปตามแนวทางการสร้างคุณค่าแบรนด์ให้แข็งแกร่ง (Brand Value Management) ประกอบด้วย Purpose คือ เจตนารมณ์และเหตุผลหลักในการดำรงอยู่ของมาสด้า เน้นสร้างคุณค่าและเติมเต็มชีวิตให้กับผู้คนได้สัมผัสแบรนด์มาสด้าด้วยความภาคภูมิใจ Promise คือ คำมั่นสัญญาจากแบรนด์ที่มีให้กับลูกค้าทุกคน มาสด้ายังคงมุ่งมั่นพัฒนารถยนต์ภายใต้เทคโนโลยีที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั่วโลก และ Value คือ การสร้างคุณค่าของแบรนด์ให้เป็นมากกว่ายานพาหนะแต่เป็นพาร์ทเนอร์ที่จะทำให้ทุกครอบครัวมีความสุขตลอดการเดินทาง

สำหรับลูกค้าที่สนใจจับจองเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้าทุกรุ่นและเจ้าของรางวัลต่างๆ เหล่านี้ สามารถเยี่ยมชมและสัมผัสได้ที่บูธมาสด้า ในงานมอเตอร์โชว์ 2024 ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม 2566 – 7 เมษายน 2567 นี้ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษได้ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ หรือเว็บไซต์ www.mazda.co.th 

บุคคลในภาพ : (จากซ้ายสุดไปขวาสุด) คณะผู้บริหารระดับสูงจาก บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกอบด้วย นายอุทัย เรืองศักดิ์ ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปส่วนงานประชาสัมพันธ์, นายภพนิพิฐ จิรวัฒนานนท์ ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปส่วนงานพัฒนาเครือข่ายและธุรกิจผู้จำหน่าย, นายวัชระ เจียรบุญ ผู้จัดการทั่วไปแผนกการตลาด, นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส, มร. คาซึทากะ โมริ รองประธานกรรมการบริหาร และ มร. ทาเคชิ มิคามิ รองประธานบริหารส่วนงานวางแผนกลยุทธ์และปฏิบัติการ

มิตซูบิชิ คว้า 4 รางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปี 2567

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย คว้า 4 รางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปี 2567 “Car of the Year 2024” จัดโดยกรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล

บรรยายภาพจากขวาไปซ้าย : นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานขาย บริการหลังการขาย และการพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด, นายอโณทัย เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่ สายการผลิต บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และ รองประธานจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45, นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ สายกิจกรรมพิเศษ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และ รองประธานจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45, ดร.ไพลิน เทียนสุวรรณ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานในพิธีมอบรางวัล, ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานกรรมการบริหาร และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และ ประธานจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45, นายพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่สายพัฒนาธุรกิจ และ ประธานเจ้าหน้าที่ สายการเงิน บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และ รองประธานจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45, นางสาวปิยนุช แจ่มศิริพรหม ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้า และ รองประธานจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45, มร.อะกิฮิโตะ ฟุจิวาระ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานขาย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ (ขวา) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานขาย บริการหลังการขาย และการพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย เป็นตัวแทนรับมอบรางวัล “รางวัลรถกระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ เครื่องยนต์ต่ำกว่า 2,500 ซีซี ยอดเยี่ยม” (Best 2WD Pickup under 2,500 cc) สำหรับ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน เมกะแค็บ และ “รางวัลรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่องยนต์ต่ำกว่า 2,500 ซีซียอดเยี่ยม” (Best 4WD Pickup under 2,500 cc) สำหรับ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท 4WD พร้อมด้วย มร.อะกิฮิโตะ ฟุจิวาระ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานขาย รับมอบ “รางวัลรถอเนกประสงค์ขนาดเล็กยอดเยี่ยม” (Best Mini MPV) สำหรับ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส และ “รางวัลรถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ที่คุ้มค่าน่าซื้อที่สุด” (The Most Valuable MPV) สำหรับ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ณ พิธีมอบรางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปี 2567 หรือ Car of the Year 2024 โดย บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ประกาศความสำเร็จคว้า 4 รางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปี 2567 หรือ Car of the Year 2024 จัดโดย บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพยอดเยี่ยมและสมรรถนะที่เหนือกว่า โดยรถมิตซูบิชิ ที่ได้รับรางวัล ประกอบด้วย

•มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส : รางวัลรถอเนกประสงค์ขนาดเล็กยอดเยี่ยม (Best Mini MPV)

•ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน เมกะแค็บ : รางวัลรถกระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ เครื่องยนต์ต่ำกว่า 2,500 ซีซียอดเยี่ยม (Best 2WD Pickup under 2,500 cc)

•ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท 4WD : รางวัลรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่องยนต์ต่ำกว่า 2,500 ซีซียอดเยี่ยม (Best 4WD Pickup under 2,500 cc)

•มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ : รางวัลรถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ที่คุ้มค่าน่าซื้อที่สุด (The Most Valuable MPV)

มร.เรียวอิจิ อินาบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เรามีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ได้รับรางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปีในแต่ละสาขา ขอขอบคุณกรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล สำหรับรางวัลอันทรงเกียรติครั้งนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเราประสบความสำเร็จในการนำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ของเรา และจะช่วยผลักดันให้เราเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด ทั้งในด้านคุณภาพ สมรรถนะ และการบริการเพื่อตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ความสำเร็จครั้งนี้เกิดขึ้นได้ด้วยปรัชญา Mitsubishi Motors-ness ของเรา ซึ่งมุ่งสู่การสร้างที่สุดแห่งดีเอ็นเอทั้งในด้านสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และความทนทานเพื่อผู้ขับขี่ทุกคน”

มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส ได้รับ รางวัลรถอเนกประสงค์ขนาดเล็กยอดเยี่ยม (Best Mini MPV) ด้วยการออกแบบที่มีความพรีเมียมผสานความสปอร์ตเพื่อคนที่ชื่นชอบการผจญภัยและรักการทำกิจกรรมกลางแจ้ง รวมกับความเอนกประสงค์ของรถยนต์ 7 ที่นั่งไว้อย่างลงตัวพร้อมลุยไปทุกที่อย่างมั่นใจด้วยระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) ช่วยให้รถรุ่นนี้เหนือกว่าในด้านความปลอดภัย ความมั่นใจ และความสะดวกสบายในทุกสภาพอากาศและบนสภาพถนนทุกรูปแบบ เหนือระดับด้วยห้องโดยสารที่มีความพรีเมียมหรูหรา กว้างขวาง มอบความสะดวกสบายและสมรรถนะการขับขี่ที่เป็นเลิศอย่างมีสไตล์

รางวัลรถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ที่คุ้มค่าน่าซื้อที่สุด (The Most Valuable MPV) เป็นของ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ รถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์ 7 ที่นั่งดีไซน์ทันสมัยสำหรับลูกค้าครอบครัวทันสมัยที่มองหารถอเนกประสงค์ที่ตอบโจทย์การใช้งานอันหลากหลาย กว้างขวาง พรีเมียมหรูหรา รับรองการใช้งาน 7 ที่นั่งอย่างสะดวกสบาย ที่สามารถปรับพับเบาะได้อย่างอิสระให้พื้นที่ใช้สอยเป็นไปได้ตามที่ต้องการ อีกทั้งเหนือชั้นด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม รวมถึงช่วงล่างที่กระชับและ นุ่มนวล ทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับทุกการขับขี่อย่างมั่นใจ และมาพร้อมฟังก์ชั่นเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบาย ไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED เปิด-ปิดอัตโนมัติ ระบบปัดนํ้าฝนแบบอัตโนมัติ กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ และระบบกรองอากาศ PM 2.5

ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน เมกะแค็บ ได้รับ รางวัลรถกระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ เครื่องยนต์ต่ำกว่า 2,500 ซีซียอดเยี่ยม (Best 2WD Pickup under 2,500 cc) ด้วยการออกแบบใหม่ทั้งหมดทั้งภายในห้องโดยสาร รูปลักษณ์ภายนอก โครงสร้างแชสซีส์ และเครื่องยนต์ ตัวถังที่มีขนาดใหญ่ขึ้นขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์คลีนดีเซล 4N16 ความจุ 2.4 ลิตร ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ทรงพลังยิ่งขึ้นและปล่อยมลพิษลดลง มีการปรับปรุงพัฒนาแชสซีส์ ช่วงล่าง และชิ้นส่วนอื่นๆ ใหม่ทั้งหมดเพื่อศักยภาพการบรรทุกที่ไว้วางใจได้เสมอและการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม

ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท 4WD ซึ่งเป็นตัวท็อป ได้รับ รางวัลรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่องยนต์ต่ำกว่า 2,500 ซีซียอดเยี่ยม (Best 4WD Pickup under 2,500 cc) เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยมากมาย ได้แก่ เครื่องยนต์ไฮเปอร์พาวเวอร์ เอ็กซ์ทู (Hyper Power X2) พร้อมระบบขับเคลื่อน ซูเปอร์ซีเล็คต์ โฟร์วีลไดร์ฟ ทู (Super Select 4WD II) เอกลักษณ์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ซึ่งสามารถปรับเข้าสู่โหมดการขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบฟูลไทม์ (4H Full-time) ได้ทันทีแม้ในขณะขับขี่ด้วยความเร็ว (Shift-on-the-Fly) พร้อมด้วยระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (AYC) และโหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ (7 Drive mode) อุ่นใจได้ด้วยระบบความปลอดภัยไดมอนด์ เซนส์ ที่มาพร้อมกับระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ (Diamond Sense with Adaptive Cruise Control) เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบสถานะการทำงานของตัวรถได้ตลอดเวลาผ่านระบบ Mitsubishi Connect ภายในห้องโดยสารมอบความสะดวกสบายผสานความหรูหราขั้นสูงสุดด้วยวัสดุคุณภาพเยี่ยม ยกระดับประสบการณ์ขับขี่ให้เทียบเคียงกับรถเอสยูวีระดับพรีเมียม

พบกับรถมิตซูบิชิ ที่ได้รับรางวัล และรถรุ่นอื่นๆ ได้ที่บูธ A9 ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ภายในงาน 2024 บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 จัดที่ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 เมืองทองธานี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และนัดหมายเพื่อทดลองขับได้ที่ www.mitsubishi-motors.co.th หรือ มิตซูบิชิ คอลเซ็นเตอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500 เปิดรับสายทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง ติดตามข้อมูลข่าวสารของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ที่ www.facebook.com/MitsubishiMotorsTH

อีซูซุ รับ 9 รางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปีจากเวที “CAR OF THE YEAR 2024”

อีซูซุรับ 9 รางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปีจากเวที “CAR OF THE YEAR 2024”

กลุ่มตรีเพชร โดย มร. ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูง รับมอบ 9 รางวัล “รถยอดเยี่ยมแห่งปี 2024” (CAR OF THE YEAR 2024) ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี  เมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา ดังนี้

-รางวัลรถปิกอัพขับเคลื่อน 2 ล้อยอดเยี่ยมเครื่องยนต์ต่ำกว่า 2,000 ซีซี :

New! Isuzu D-Max

-รางวัลรถปิกอัพยอดนิยม :

New! Isuzu D-Max

-รางวัลรถปิกอัพประหยัดน้ำมันยอดเยี่ยมเครื่องยนต์ต่ำกว่า 2,500 ซีซี :         

New! Isuzu D-Max

-รางวัลรถปิกอัพที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยและระบบความปลอดภัยสูงสุด :

New! Isuzu D-Max

-รางวัลรถปิกอัพขับเคลื่อน 4 ล้อยอดเยี่ยมเครื่องยนต์ต่ำกว่า 3,200 ซีซี :

New! Isuzu V-Cross 4×4

-รางวัลรถปิกอัพตอนเดียวขับเคลื่อน 4 ล้อ บรรทุกหนักยอดเยี่ยม :

New! Isuzu D-Max Spark 4×4”

-รางวัลรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ขับเคลื่อน 2 ล้อ ดีเซลยอดเยี่ยมเครื่องยนต์ต่ำกว่า

3,200 ซีซี :

The New MU-X      

-รางวัลรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยและระบบความปลอดภัยสูงสุด :

The New MU-X      

-รางวัลโครงการเพื่อสังคมยอดเยี่ยมแห่งปี :

โครงการ “อีซูซุให้น้ำ…เพื่อชีวิต”                                                                                                                                                                                                                               

เกรท วอลล์ มอเตอร์ อัดโปรโมชันฉลองครบรอบ 3 ปี

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ฉลองครบรอบ 3 ปีอย่างยิ่งใหญ่ อัดโปรโมชันสุดคุ้มให้กับรถยนต์ทุกรุ่นแบบจัดเต็มจำนวนจำกัดพิเศษเพียงแค่ 300 คันเท่านั้น รับดีลพิเศษได้แล้วตั้งแต่วันนี้จนถึง 7 เมษายน 2567 นี้

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า (xEV Leader) ในประเทศไทย เฉลิมฉลองความสำเร็จในการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าครบ 9 รุ่นหลังจากที่เข้ามาบุกตลาดไทยได้เพียงแค่ 3 ปี (Mission 9 in 3) เดินหน้าส่งมอบความสุขชุดใหญ่ให้กับแฟน ๆ ชาวไทยอย่างต่อเนื่องผ่านโปรโมชันสุดพิเศษสำหรับรถยนต์ทุกรุ่นจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเดิมด้วย All New GWM HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV ที่มาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษมูลค่ารวม 510,000 บาท New GWM HAVAL H6 Hybrid SUV 2023 กับข้อเสนอมูลค่ารวม 340,000 บาทสำหรับรุ่น ULTRA และ 180,000 บาท สำหรับรุ่น PRO ในส่วนของ New GWM HAVAL JOLION Hybrid SUV รุ่น Sport มอบส่วนลดสูงสุด 120,000 บาท และรุ่น ULTRA มอบส่วนลดสูงสุด 190,000 บาท ต่อกันที่ GWM New ORA Good Cat รุ่น PRO และ ULTRA กับข้อเสนอมูลค่ารวม 150,000 บาท 180,000 บาทตามลำดับ GWM New ORA Good Cat รุ่น GT กับข้อเสนอมูลค่ารวม 200,000 บาท GWM ORA 07 กับข้อเสนอมูลค่ารวม 170,000 บาท และรุ่นสุดท้ายอย่าง ALL NEW GWM TANK 300 มาพร้อมข้อเสนอมูลค่ารวม 220,000 บาทสำหรับรุ่น PRO และ 240,000 บาท สำหรับรุ่น ULTRA และ ALL NEW GWM TANK 500 กับข้อเสนอมูลค่ารวม 180,000 บาทสำหรับรุ่น PRO และ 190,000 บาทสำหรับรุ่น ULTRA โปรโมชันสุดพิเศษนี้สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้แล้วตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567  ถึงวันที่ 7 เมษายน 2567 นี้ สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์จำกัดเพียงแค่ 300 คันเท่านั้น เปิดประสบการณ์ใหม่กับรถยนต์ไฟฟ้าที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำหน้า เปี่ยมล้นไปด้วยดีไซน์ทันสมัยเหนือระดับ กับโปรโมชันที่พิเศษยิ่งกว่าที่ไหน ๆ

เริ่มต้นนำขบวนความคุ้มกับ All New GWM HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV มาพร้อมกับข้อเสนอพิเศษมูลค่าสูงสุด 510,000 บาท โดยลูกค้าสามารถเลือกโปรได้ตามใจกับส่วนลดมูลค่าสูงสุด 300,000 บาทเมื่อชำระด้วยเงินสด หรือ ดอกเบี้ย 0% พร้อมช่วยผ่อนมูลค่า 140,000 บาท ผ่อนนาน 72 เดือน เมื่อดาวน์ 25% มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 220,000 บาท พร้อมรับฟรี GWM โฮมชาร์จเจอร์พร้อมติดตั้งในระยะสายไฟยาวไม่เกิน 15 เมตร 1 ครั้ง มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 60,000 บาท และฟรีค่าอะไหล่และค่าแรงบำรุงรักษาตามระยะทาง สูงสุดไม่เกิน 10 ครั้ง ภายในระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 100,000 กิโลเมตรรวมมูลค่า 37,000 บาท

ตามมาติด ๆ กับ New GWM HAVAL H6 Hybrid SUV 2023 รถยนต์คอมแพคเอสยูวีที่สามารถกวาดยอดขายเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มรถยนต์คอมแพคเอสยูวีได้อย่างเหนียวแน่นติดต่อกันถึง 12 เดือนในปี 2565 มาพร้อมกับข้อเสนอพิเศษ รวมมูลค่าสูงสุดกว่า 340,000 บาท สำหรับรุ่น ULTRA และมูลค่ารวมสูงสุดกว่า 180,000 บาท สำหรับรุ่น PRO พร้อมดีลที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ตามความต้องการ ด้วยส่วนลดเงินสดมูลค่าสูงสุด 200,000 บาท หรือ ดอกเบี้ย 0% พร้อมช่วยผ่อนมูลค่า 70,000 บาท โดยส่วนลดมูลค่า 200,000 บาท สำหรับรุ่น ULTRA และ 50,000 บาท สำหรับรับรุ่น PRO  เมื่อชำระด้วยเงินสด ในส่วนของดอกเบี้ยพิเศษ รุ่น ULTRA  รับดอกเบี้ย 0% ผ่อนนาน 72 เดือน เมื่อดาวน์ 25% มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 180,000 บาท พร้อมกับ GWM ช่วยผ่อนนาน 10 เดือน เดือนละ 7,000 บาท รวมมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 70,000 บาท และรุ่น PRO  รับดอกเบี้ยพิเศษ 0%** ผ่อนนาน 48 เดือน เมื่อดาวน์ 25% มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 98,000 บาท

หากใครเป็นสาย New HAVAL JOLION Hybrid SUV รุ่น Sport ซึ่งมาพร้อมกับข้อเสนอสุดพิเศษมูลค่ารวมสูงสุดกว่า 120,000 บาท พร้อมดีลเลือกได้ตามใจลูกค้ากับส่วนลดเงินสดมูลค่าสูงสุด 30,000 บาท หรือดอกเบี้ยพิเศษ 0.59%** ผ่อนนาน 48 เดือน เมื่อดาวน์ 25% มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 57,000 บาท หรือ ดอกเบี้ย 2.15%** ผ่อนนาน 48 เดือน เมื่อดาวน์ 25% มูลค่าสูงสุด 20,000 บาท** พร้อมกับ GWM ช่วยผ่อนนาน 6 เดือน เดือนละ 5,000 รวมมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท** 

สำหรับแฟน ๆ ของเจ้าสิงโตอารมณ์ดี New GWM HAVAL JOLION Hybrid SUV รุ่น ULTRA รับข้อเสนอสุดพิเศษ มูลค่าสูงสุดกว่า 190,000 บาท สามารถเลือกข้อเสนอทั้งส่วนลดเงินสดมูลค่าสูงสุด 75,000 บาท หรือดอกเบี้ยพิเศษ 0%** ผ่อนนาน 48 เดือน เมื่อดาวน์ 25% มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 89,000 บาท พร้อมกับ GWM ช่วยผ่อนนาน 5 เดือน เดือนละ 4,000 รวมมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท**

สำหรับ GWM New ORA Good Cat รุ่น PRO และ ULTRA เจ้าเหมียวไฟฟ้าขวัญใจชาวไทยเลี้ยวมามอบข้อเสนอสุดพิเศษ สำหรับรุ่น PRO สูงสุดกว่า 150,000 บาท และ สำหรับรุ่น ULTRA มูลค่าสูงสุดกว่า 180,000 บาท พร้อมโปรแรงที่ลูกค้าเลือกได้อย่าง  ดอกเบี้ยพิเศษ 0.59% เมื่อดาวน์ 25% และผ่อน 48 เดือน* มูลค่าสูงสุด 57,000 บาทสำหรับรุ่น PRO และ 64,000 บาทสำหรับรุ่น ULTRA หรือ ดอกเบี้ย 1.95% เมื่อดาวน์ 25% และผ่อน 48 เดือน* มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 24,000 บาทสำหรับรุ่น PRO และ 28,000 บาทสำหรับรุ่น ULTRA พร้อมกับ GWM ช่วยผ่อนนาน 6 เดือน เดือนละ 5,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท** รับฟรี GWM โฮมชาร์จเจอร์พร้อมติดตั้ง มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 60,000 บาท และฟรี แท่นชาร์จพร้อมติดตั้ง มูลค่า 6,000 บาท เฉพาะ GWM New ORA Good Cat รุ่น ULTRA โดยสินค้ามีจำนวนจำกัด

และถ้าใครเป็นแฟน GWM New ORA Good Cat GT เจ้าเหมียวไฟฟ้าสายสปอร์ตรับข้อเสนอสุดพิเศษสูงสุดกว่า 200,000 บาท พร้อมให้คุณเลือกโปรที่ใช่ อาทิ  ดอกเบี้ยพิเศษ 0.59% เมื่อดาวน์ 25% และผ่อน 48 เดือน* มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 80,000 บาท หรือ ดอกเบี้ย 1.95% เมื่อดาวน์ 25% และผ่อน 48 เดือน* มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 34,000 บาท พร้อมกับ GWM ช่วยผ่อนนาน 6 เดือน เดือนละ 5,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท** รับฟรี GWM โฮมชาร์จเจอร์พร้อมติดตั้งมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 60,000 บาท และฟรี แท่นชาร์จพร้อมติดตั้ง มูลค่า 6,000 บาท โดยสินค้ามีจำนวนจำกัด

ปิดท้ายเจ้าเหมียวด้วยรุ่นล่าสุด GWM ORA 07 รวมมูลค่าข้อเสนอสุดพิเศษสูงสุดกว่า 170,000 บาท ด้วยดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% เมื่อดาวน์ 25% และ ผ่อน 48 เดือน* มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 49,000 บาท พร้อมรับฟรี ม่านบังแดดหลังคา GWM มูลค่า 1,200 บาท และ GWM โฮมชาร์จเจอร์พร้อมติดตั้งในระยะสายไฟยาวไม่เกิน 15 เมตร 1 ครั้ง มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 60,000 บาท

สำหรับนักผจญภัยกับ All New GWM TANK 300 รถยนต์เอสยูวีออฟโรดสำหรับไลฟ์สไตล์อันโดดเด่นมอบข้อเสนอมูลค่ารวมสูงสุดกว่า 220,000 บาท สำหรับรุ่น PRO และ 240,000 บาท สำหรับรุ่น ULTRA พร้อมให้ลูกค้าเลือกรับส่วนลดเงินสดมูลค่าสูงสุด 100,000 บาท หรือ ดอกเบี้ยพิเศษ 0%**  ผ่อนนาน 48 เดือน เมื่อดาวน์ 25% มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 140,000 บาท สำหรับรุ่น PRO และ 160,000 บาทสำหรับรุ่น ULTRA รวมถึงฟรีน้ำมันรถยนต์มูลค่ารวมสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท ณ วันส่งมอบรถ

และ All New GWM TANK 500 ขบวนรถยนต์เอสยูวีพรีเมียมออฟโรด มอบข้อเสนอมูลค่ารวมสูงสุดกว่า 180,000 บาท สำหรับรุ่น PRO และ 190,000 บาท สำหรับรุ่น ULTRA พร้อมดอกเบี้ยพิเศษ 1.88%* นาน 48 เดือน เมื่อดาวน์ 25% มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 68,000 บาท สำหรับรุ่น PRO และ 75,000 บาท สำหรับรุ่น ULTRA พร้อมรับฟรี บัตรของขวัญเซ็นทรัล มูลค่า 30,000 บาท พร้อมน้ำมันรถยนต์มูลค่ารวมสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท ณ วันส่งมอบรถ

รถยนต์ทุกรุ่นและทุกคันของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะมาพร้อมประกันภัยชั้นหนึ่ง ฟรีค่าแรงและค่าอะไหล่งานบำรุงรักษาตามระยะทาง (GWM PRO Service Inclusive : GPSI) ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง และฟรีบริการระบบตรวจสอบและสั่งการรถผ่านอินเทอร์เน็ต** (Telematic Service) พร้อมแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตภายในรถ ระยะเวลา 5 ปี สำหรับ All New HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV และ New HAVAL H6 Hybrid SUV รุ่น ULTRA ระยะเวลา 3 ปี สำหรับ New HAVAL JOLION รุ่น ULTRA, New HAVAL H6 Hybrid SUV รุ่น PRO, ORA Good Cat, ORA Good Cat GT, ORA 07, TANK300 และ TANK500 ด้านการรับประกันคุณภาพ รถยนต์ทุกคันของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ มาพร้อมการรับประกันคุณภาพรถใหม่ ครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร** (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) การรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดเป็นระยะเวลา 8 ปี ไม่จำกัดระยะทาง** (สำหรับ New HAVAL H6 Hybrid SUV, New HAVAL JOLION, TANK300 และ TANK500) และการรับประกันแบตเตอรี่ เป็นระยะเวลา 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร** (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) สำหรับ All New HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV, ORA Good Cat, ORA Good Cat GT และ ORA 07

โปรโมชันสุดพิเศษขนาดนี้ อย่ารีรอ เพียงแค่ลงทะเบียน และวางเงินมัดจำเพื่อรับข้อเสนอพิเศษได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง วันที่ 7 เมษายน 2567 ผ่านช่องทาง GWM Application หรือเว็บไซต์ https://www.gwm.co.th เท่านั้น และต้องรับรถยนต์ภายในวันที่ 30 เมษายน 2567

* เนื่องจากสถานการณ์ดอกเบี้ยลอยตัวในปัจจุบัน บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษ เฉพาะเมื่อจองและส่งเอกสารทำสัญญาตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนดเท่านั้น หลังจากช่วงเวลาดังกล่าว อัตราดอกเบี้ยพิเศษจะเป็นไปตามที่บริษัทฯ และสถาบันการเงินที่ร่วมรายการกำหนด

** เงื่อนไขการให้บริการเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ดูรายละเอียดได้ที่ GWM Thailand – Service

เกรท วอลล์ มอเตอร์ บรรลุภารกิจในการเติมเต็มระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยตาม Mission 9 in 3 หรือ การเปิดตัวรถยนต์ทั้งหมด 9 รุ่นภายใน 3 ปี พร้อมสานต่อความมุ่งมั่นในการสนับสนุนพลังงานสะอาดผนวกกับการส่งมอบเทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำสมัยเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้ขับขี่ชาวไทยอย่างเต็มรูปแบบ ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นและผลักดันการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างยั่งยืน

สมาคม สรยท. ร่วมสมาคมอุตฯ ยานยนต์ไทย จัด Meets The Press จับตาทิศทางตลาดรถยนต์ปี 2567

สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ร่วมมือกับสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย (The Thai Automotive Industry Association : TAIA) จัดกิจกรรม TAIA Meets The Press ให้ข้อมูลเชิงสัมมนาทางวิชาการกับสื่อมวลชนสายยานยนต์ที่เป็นสมาชิกของสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) และผู้สนใจทั่วไป ในหัวข้อ “ทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยปี 2567” โดยงานจะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน 2567 เวลา 13.30 น. ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ณ อาคารอิมแพ็คฟอรัม อิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี

นายวชิระ เรืองมาลัย นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) หรือ (Thailand Automotive Journalists Association : TAJA) กล่าวว่า การจัดกิจกรรมสัมมนาทางวิชาการ ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมทางวิชาการหลักของสมาคมฯ จัดขึ้นเพื่อให้สมาชิกได้รับข้อมูลความเคลื่อนไหวในด้านต่างๆ ของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย เพื่อประโยชน์ในการนำเสนอข่าวสารที่ถูกต้องในช่องทางต่างๆ ของสมาชิก

สำหรับสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย (TAIA) เป็นองค์กรพันธมิตรกับสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) ที่ผ่านมาทั้ง 2 องค์กร ได้มีความร่วมมือในการจัดกิจกรรม TAIA Meets The Press ร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง ในการจัดสัมมนาแต่ละครั้งสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย (TAIA) ได้นำเสนอข้อมูลพื้นฐานของอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องมาแลกเปลี่ยนกับสื่อมวลชนสายยานยนต์ที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ ถือเป็นประโยชน์อย่างมาก ที่สมาชิกสมาคมฯ สามารถนำไปต่อยอดประกอบข้อมูลการรายงานข่าวสู่สาธารณะต่อไป

นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมือจาก ผู้จัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) แโดยดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ในฐานะประธานจัดงานและประธานกรรมการบริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ได้ให้ความอนุเคราะห์ห้องจัดสัมมนาครั้งนี้ ภายในอาคารอิมแพ็คฟอรัม อิมแพค เมืองทองธานี สถานที่จัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ให้กับทั้ง 2 องค์กรได้จัดกิจกรรมดังกล่าว ดังนั้น จึงขอเชิญชวนสมาชิกฯ จากทั้ง 2 องค์กรข้างต้น และผู้สนใจทั่วไปทุกท่านเข้าร่วมงานสัมมนาและกิจกรรมดังกล่าว เพื่อรับฟังข้อมูลความคืบหน้าของอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย จากองค์กรที่น่าเชื่อถือในทุกมิติ ทั้งการผลิต การจำหน่ายในประเทศ และการส่งออก เพื่อนำไปประกอบการนำเสนอข้อมูลที่ได้รับจาการสัมมนาครั้งนี้ไปเผยแพร่ต่อสาธารณะชน ผ่านช่องทางสื่อต่างๆ ของสมาชิกฯ ต่อไป

วิริยะประกันภัย เปิดกลยุทธ์ปี 67

วิริยะประกันภัย มุ่งมั่นพัฒนาการบริการอย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมประกาศแผนงานปี 67 วางทิศทางดำเนินงานภายใต้แนวคิด “ปีแห่งความมั่นคงและเป็นธรรม : มากกว่าความคุ้มครอง คือ ความคุ้มค่า” ตอกย้ำความเชื่อมั่นด้วยประสบการณ์ด้านประกันวินาศภัยกว่า 77 ปี “มั่นคง” ด้วยสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง 68,335 ล้านบาท “เป็นธรรม” ทุกขั้นตอนของการบริการ และมอบประสบการณ์ความ “คุ้มค่า” ให้แก่ลูกค้า ด้วยการนำเทคโนโลยี AI มาพัฒนานวัตกรรมบริการใหม่ๆ รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยฐานข้อมูล Big Data ที่ลงลึกตรงใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น ส่วนผลประกอบการในรอบปีที่ผ่านมามีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวมทั้งสิ้น 40,077 ล้านบาท ในขณะที่เป้าหมายปี 67 ตั้งเป้าไว้ที่ 43,000 ล้านบาท

นายอมร ทองธิว กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาการบริการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการให้บริการต่างๆ โดยยึดหลักลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ซึ่งในปีนี้จะมุ่งเน้นไปที่การส่งมอบประสบการณ์ความคุ้มค่าให้กับลูกค้า ภายใต้แนวคิด “ปีแห่งความมั่นคงและเป็นธรรม : มากกว่าความคุ้มครอง คือ ความคุ้มค่า” โดยตลอดระยะเวลา 77 ปี ของการดำเนินงาน บริษัทฯ ยังคงยืนหยัดเคียงข้างดูแลเพื่อทำหน้าที่บริหารจัดการความเสี่ยงด้วยระบบประกันภัยให้กับประชาชนในสังคม พร้อมตอกย้ำความมั่นคงแข็งแกร่งด้วยสินทรัพย์ที่มีอยู่ถึง 68,335 ล้านบาท และอัตราส่วนเงินกองทุน (CAR) อยู่ที่ 180% ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่ามาตรฐานของเงินกองทุนฯ ตามที่กฎหมายกำหนดไว้

“ผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทฯ ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดประกันวินาศภัย อันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 31 โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 14% เช่นเดียวกันกับตลาดประกันภัยรถยนต์ที่วิริยะประกันภัย ยังครองส่วนแบ่งตลาด เป็นอันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 36 โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 22% ผลสำเร็จนี้จึงสะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคง แข็งแกร่ง และความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ ทั้งนี้ ผลประกอบการในรอบปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวมทั้งสิ้น 40,077 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ 35,633 ล้านบาท และประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ 4,444 ล้านบาท โดยในปี 2567 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 43,000 ล้านบาท แบ่งเป็นประกันภัยรถยนต์ 38,000 ล้านบาท และประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ 5,000 ล้านบาท” นายอมรฯ กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงยึดมั่นนโยบาย “ความเป็นธรรม คือ นโยบาย” ซึ่งความเป็นธรรมนี้ยังถูกปลูกฝังและหยั่งรากลึกไปถึงบุคลากรของบริษัทฯ จากรุ่นสู่รุ่น จากพี่สู่น้อง ซึ่งปัจจุบันวิริยะประกันภัยมีพนักงานกว่า 6,700 คน ทั่วประเทศ ทั้งบุคลากรงานส่วนหลังและบุคลากรส่วนหน้าที่คอยให้บริการลูกค้า โดยบริษัทฯ ให้ความสำคัญในทุกขั้นตอนของการบริหารจัดการและการดำเนินงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบวนการจัดการด้านสินไหมทดแทน ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของงานบริการประกันภัย เพื่อผู้เอาประกันภัยได้รับการบริการอย่างเป็นธรรม และเกิดความพึงพอใจอย่างสูงสุดทั้งในเรื่องของคุณภาพบริการ และการดำเนินการที่รวดเร็วมีประสิทธิภาพในทุกขั้นตอน

“ในช่วงที่เราประสบกับสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมานั้น บริษัทฯ ยังคงยืนหยัดดูแลผู้เอาประกันภัยโดยไม่ขาดตกบกพร่อง ประกอบกับวิริยะประกันภัย มีสินทรัพย์สภาพคล่องและเงินกองทุนเพียงพอ จึงสามารถดูแลเคียงข้างผู้เอาประกันภัย และจ่ายสินไหมทดแทนจนถึงกรมธรรม์ฉบับสุดท้ายในช่วงต้นปี 2566 ที่ผ่านมา โดยมีการจ่ายสินไหมทดแทนไปกว่า 3 หมื่นล้านบาท” นายอมร กล่าว

นายอมร กล่าวต่อไปอีกว่า ในปี 2567 นี้ บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นที่จะตอบสนองต่อความพึงพอใจของลูกค้าที่ให้ความเชื่อมั่นไว้วางใจในวิริยะประกันภัย ด้วยการส่งมอบประสบการณ์ที่ “คุ้มค่า” ไม่ว่าจะเป็นการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาสร้างสรรค์และพัฒนานวัตกรรมบริการประกันภัย ซึ่ง 2-3 ปี ที่ผ่านมาเป็นที่ทราบกันดีว่า บริษัทฯ ได้มีการนำบริการ “VClaim on VCall” หรือ การเคลมนัดหมายออนไลน์ผ่านวิดีโอคอลมาให้บริการแก่ลูกค้า ซึ่งปัจจุบันบริการนี้ได้ขยายออกไปครอบคลุมทุกทิศทั่วไทยแล้ว เสียงตอบรับที่ดีจากลูกค้าทำให้บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ บริษัทฯ ยังได้เปิดตัวนวัตกรรมบริการใหม่ “V-Inspection” เป็นบริการที่นำ AI เข้ามาช่วยในการตรวจสภาพรถยนต์ก่อนการรับประกันภัย ให้ผู้เอาประกันภัยสามารถตรวจสภาพรถยนต์ได้สะดวกทุกที่ทุกเวลาผ่านมือถือ

ส่วนในด้านของผลิตภัณฑ์ประกันภัย บริษัทฯ ได้ใช้ Big Data พัฒนาผลิตภัณฑ์ตาม Personalization and Customer Insights หรือการใช้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ตรงใจและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละคน พร้อมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาด อาทิ V-Motor ขับเท่าไหร่จ่ายเท่านั้น, Type 1 Good Drive ซึ่งพัฒนาต่อยอดมาจาก 2+Good Drive, ผลิตภัณฑ์ประกันภัยเดินทางต่างประเทศ V Travel Comprehensive, ผลิตภัณฑ์ประกันภัยความรับผิด Carrier, ผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองแนวคิด ESG Responsibilities โดยการนำแนวคิด Green Insurance มาพัฒนาร่วมกับผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่มีอยู่, Viriyah Privileges เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดี ด้วยการมอบสิทธิพิเศษต่างๆ ตลอดระยะเวลาการเป็นสมาชิก

“เรามุ่งหวังที่จะมอบประสบการณ์ที่คุ้มค่าให้แก่ลูกค้า จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเรามีผลิตภัณฑ์ประกันภัยออกสู่ตลาดมากกว่า 60 ผลิตภัณฑ์ โดยมีการนำข้อมูล Big Data อันมาจากการได้ดูแลบริหารจัดการความเสี่ยงให้กับลูกค้ากว่า 8 ล้านกรมธรรม์ จึงนำมาวิเคราะห์ข้อมูลที่ลงลึกถึงความต้องการและความเสี่ยง ทำให้สามารถนำมาประเมินผลเพื่อกำหนดความคุ้มครองให้ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า รวมถึงกำหนดเบี้ยประกันภัยอย่างเหมาะสม เพื่อให้ลูกค้าได้รับความคุ้มค่าและพึงพอใจอย่างสูงสุด อีกทั้งบริษัทฯ ยังมุ่งสร้างประสบการณ์อันคุ้มค่าผ่านตัวแทน/นายหน้าประกันวินาศภัยที่มีอยู่เกือบ 6,000 คนทั่วประเทศ ที่พร้อมเข้าไปดูแลลูกค้าในพื้นที่ละแวกใกล้กับสำนักงานตัวแทน และที่สำคัญสำนักงานมาตรฐานตัวแทนของวิริยะประกันภัย ยังถูกยกระดับการบริการให้สามารถดำเนินการออกกรมธรรม์ให้แก่ลูกค้าได้โดยตรงเทียบเท่ากับสาขาของวิริยะประกันภัย” นายอมร กล่าว

ประสบการณ์ความคุ้มค่าเหล่านี้ คือสิ่งที่วิริยะประกันภัยตั้งใจมอบให้แก่ลูกค้าที่มอบความไว้วางใจและความเชื่อมั่นในบริษัทฯ ทั้งลูกค้าใหม่ รวมถึงลูกค้าเก่าที่ยังคงมีการต่ออายุกรมธรรม์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ วิริยะประกันภัยยังได้เตรียมเปิดตัวแคมเปญบริษัทฯ ภายใต้แนวคิด “มากกว่าความคุ้มครอง คือ ความคุ้มค่า” พร้อมสื่อสารไปยังสาธารณชนผ่านหนังโฆษณาและสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ เพื่อตอกย้ำความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าของวิริยะประกันภัยอีกด้วย

ส่วนทางด้านประกันภัยรถยนต์ (Motor) นายสยม โรหิตเสถียร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “งานบริการสินไหมที่ดี มีคุณภาพ เป็นธรรม” คือ เป้าหมายร่วมกันของวิริยะประกันภัย ที่ยึดถือและปฏิบัติร่วมกันมาตลอดระยะเวลากว่า 77 ปี นำมาซึ่งชื่อเสียง ความเชื่อมั่น และความไว้วางใจจากลูกค้า จนทำให้วิริยะประกันภัยสามารถครองส่วนแบ่งตลาดประกันภัยรถยนต์และประกันวินาศภัยโดยรวมเป็นอันดับหนึ่งมาอย่างต่อเนื่อง

“ทุกๆ วันโจทย์ในการทำงานของพวกเรา คือ ลูกค้าต้องได้รับบริการประกันภัยที่ดีที่สุด สินค้าของวิริยะประกันภัย คือ “บริการ” เราต้องทำให้ลูกค้าที่เลือกมอบความไว้วางใจกับวิริยะประกันภัยมั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการที่ดี มีคุณภาพ สะดวก รวดเร็ว และเป็นธรรม ซึ่งทุกกระบวนงานของบริษัทฯ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนา ปรับปรุง ต่อยอด ในทุกๆ ส่วนงาน ล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน คือ มุ่งเน้นไปที่ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง”

ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการพัฒนางานบริการด้านสินไหมทดแทนและงานรับประกันภัยที่สำคัญในหลายๆ ด้าน ทั้งด้านระบบงาน เรามีการพัฒนา ทบทวน ปรับปรุง Redesign ระบบงานที่เกี่ยวข้องทั้งด้านสินไหมทดแทนและรับประกันภัย ให้กระชับ สะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดทอนงานเอกสาร ระยะเวลา และความซ้ำซ้อนในขั้นตอนการทำงานต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็วมากขึ้น  ด้านบุคลากร ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุด บริษัทฯ จึงมีนโยบายมุ่งเน้นที่จะพัฒนาศักยภาพในระดับที่เข้มข้น ทั้งการจัดฝึกอบรม พัฒนาทักษะ เติมเต็มองค์ความรู้อย่างต่อเนื่อง  โดยเฉพาะทักษะที่เกี่ยวข้องกับการทำงานและการให้บริการลูกค้า เพื่อให้บุคลากรของเรามีความเชี่ยวชาญ และมีความเป็นมืออาชีพอย่างที่สุด ไม่ว่าจะเป็นส่วนหน้าที่ต้องให้บริการลูกค้าโดยตรง และส่วนหลังที่สนับสนุนการปฏิบัติการหรือดำเนินงานต่างๆ

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรองรับการขยายตัวของตลาดยานยนต์ไฟฟ้าที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ จึงได้จัดอบรมความรู้หลักสูตรเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ให้กับบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอุบัติเหตุ เจ้าหน้าที่สรุปความเสียหาย รวมไปถึงบริษัทคู่ค้า ตัวแทนประกันวินาศภัย และศูนย์ซ่อมมาตรฐานของวิริยะประกันภัยทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้าได้อย่างมืออาชีพอีกด้วย

ส่วนในด้านการบริหารจัดการข้อมูล ด้วยบริษัทฯ มีข้อมูลในการรับประกันภัยและข้อมูลด้านสินไหมทดแทนเป็นจำนวนมาก เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า เราจึงได้ทบทวน ออกแบบ ปรับปรุงโครงสร้างและพัฒนาเครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูลผ่านกระบวนการ Data Analytics อันนำไปสู่การพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ และการบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้าโดยตรง ทั้งงานรับประกันภัย งานต่ออายุกรมธรรม์และงานสินไหมทดแทน พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังได้นำเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาในส่วนของระบบงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการ  ทำให้ลูกค้าได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเชื่อมโยงงานรับประกันภัยและงานบริการด้านสินไหมทดแทนเข้าด้วยกัน เพื่อส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าแบบไร้รอยต่ออีกด้วย

นายสยม กล่าวต่อไปว่า “นับเป็นความท้าทายอย่างมากสำหรับธุรกิจประกันภัย และวิริยะประกันภัย ในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการให้บริการลูกค้า ซึ่งต้องผสมผสานการทำงานร่วมกันกับคน เนื่องจาก Human Touch เป็นเรื่องสำคัญและเปราะบางมากสำหรับธุรกิจประกันภัย ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวล้ำเพียงใดการนำมาใช้ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเหมาะสมและความพอดี  สำหรับงานบริการประกันภัยส่วนหน้าที่ต้องเกี่ยวข้องกับการดูแลลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์คับขัน เช่น กรณีเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เจ็บไข้ได้ป่วย สิ่งที่ลูกค้าคาดหวัง คือ ได้รับการดูแลที่ดีจากพนักงานวิริยะประกันภัย ในเรื่องนี้บริษัทฯ ก็ต้องบริหารจัดการด้วยความระมัดระวัง นับตั้งแต่ขั้นตอนการรับแจ้งเคลมจากลูกค้าผ่าน Contact Center หรือ Application การให้บริการลูกค้า ณ จุดเกิดเหตุ และการดูแลลูกค้า ณ จุดบริการต่างๆ (Touch Point) สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างชื่อเสียงและการยอมรับด้านการบริการให้วิริยะประกันภัยมาโดยตลอด”

ทั้งนี้ ในส่วนของงานบริการสินไหมทดแทน ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ขยายการบริการแจ้งเคลมผ่านวิดีโอคอล “VClaim on VCall” ครอบคลุมพื้นที่สำคัญทั่วประเทศ ซึ่งบริการนี้ได้รับความนิยมจากลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสะดวก รวดเร็ว ช่วยลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง อีกทั้งบริษัทฯ ยังนำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประเมิน วิเคราะห์ และสรุปความเสียหายด้านสินไหมทดแทน ทำให้คู่ค้าบริษัทฯ ได้รับการอนุมัติงานซ่อมและค่าซ่อมที่รวดเร็ว และลูกค้าได้รับรถยนต์กลับไปใช้งานตามปกติได้เร็วขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้นำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่ต้องการทำประกันภัยกับบริษัทฯ โดยมีการพัฒนานวัตกรรมบริการ “V-Inspection” ซึ่งเป็นบริการตรวจสภาพรถยนต์ก่อนทำประกันภัยผ่านมือถือ ซึ่งช่วยลดระยะเวลา และการเดินทางเพื่อตรวจสภาพรถยนต์ ทำให้ลูกค้าได้รับการอนุมัติทำประกันภัยที่รวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการเชื่อมระบบข้อมูลการรับประกันภัยด้วย API  (Application Programing Interface) ทำให้บริษัทฯ สามารถเชื่อมต่อข้อมูลการประกันภัยกับระบบการขายของคู่ค้าได้อย่างรวดเร็วเป็นปัจจุบัน ลูกค้าจะได้รับทราบเบี้ยประกันภัย ทุนประกัน และความคุ้มครองอย่างทันท่วงที เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจทำประกันภัย และชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างปลอดภัย รวมถึงการใช้ RPA (Robotic Process Automation) เพิ่มประสิทธิภาพ และความรวดเร็วในการนำเข้าข้อมูลเพื่อพิจารณาอนุมัติและออกกรมธรรม์

“บริษัทฯ ยังมองถึงโอกาสและความท้าทายใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ และในอนาคต ทั้งในเรื่องของเทรนด์การดูแลสุขภาพและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายมากขึ้น เป็นโอกาสสำหรับบริษัทฯ ในการขยายผลิตภัณฑ์ประกันภัยเพื่อตอบทุกโจทย์ของการใช้ชีวิตสมัยใหม่ เช่น ประกันคุ้มครองเครื่องชาร์จรถไฟฟ้า ประกันรถยนต์ตามระยะทางที่ขับจริง ประกันไซเบอร์ ฯลฯ รวมถึงการใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนธุรกิจให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว ตอบโจทย์ความต้องการของคู่ค้า และลูกค้าได้มากขึ้น ความท้าทายในเรื่องของ Claim Inflation การบริหารจัดการต้นทุนสินไหมที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงเรื่องของ Cost Technology ในการดูแลความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เนื่องจากความซับซ้อนของเทคโนโลยี ตลอดจนการบริหารจัดการความคาดหวังของลูกค้า ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยความท้าทายสำคัญที่บริษัทฯ ต้องบริหารจัดการอย่างพิถีพิถันด้วยเช่นกัน” นายสยม กล่าวทิ้งท้าย

ส่วนทางด้านประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ (Non-Motor) นางฐวิกาญจน์ เตชทวีทรัพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เป้าหมายปี 2567 บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นดูแลและพัฒนาการให้บริการลูกค้าเป็นสำคัญ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีเหนือความคาดหวังของลูกค้าทุกท่าน ควบคู่ไปกับการบริหารความเสี่ยงที่เป็นธรรม ทั้งยังสอดรับปรัชญาในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่มั่นคง โปร่งใส จริงใจ และเป็นธรรม ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มีการวางแผนขยายประกันภัย Non-Motor ให้เติบโตเพิ่มขึ้น 11% โดยจะมุ่งเน้นไปที่การรับประกันความเสี่ยงภัยรายย่อยด้านส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ ประกันภัยการเดินทาง ประกันภัยบ้าน และประกันภัยความรับผิด

“สำหรับปี 2566 ที่ผ่านมา อัตราการเติบโตของประกันสุขภาพส่วนบุคคล เป็นไปในทิศทางเชิงบวก 11.48% สอดคล้องกับภาพรวมของตลาดที่คนไทยตระหนักถึงประโยชน์ของประกันสุขภาพมากขึ้น และในส่วนของการเติบโตภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว บริษัทฯ ได้มีการพัฒนาปรับปรุงแผนประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ V Travel Comprehensive เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันในขณะเดินทาง และในส่วนของภาคอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่ยังคงเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตและแนวโน้มที่สดใส ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ประกันภัยความรับผิดของผู้ขนส่งเติบโตอย่างต่อเนื่อง และบริษัทฯ มี Network ที่ครอบคลุม และความพร้อมด้านบริการ”

นางฐวิกาญจน์ กล่าวต่อไปถึงแนวทางการดำเนินงานในปี 2567 ว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยสุขภาพส่วนบุคคล ประกันสุขภาพเฉพาะโรค และประกันภัยโรคร้ายแรง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพิ่มความคุ้มครอง และบริการที่เกี่ยวข้อง มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของลูกค้า (Good Health and Wellbeing) นอกจากนี้ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ประกันภัยเดินทาง เพื่อให้สอดคล้องกับภาพรวมการท่องเที่ยวที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ตลอดไปจนถึงการพัฒนาประกันภัย Carrier Liability Insurance, Cyber Security Insurance และ Professional Liability Insurance ด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการในแต่ละประเภทธุรกิจ

“บริษัทฯ ยังมีนโยบายที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองแนวคิด ESG Responsibilities ออกมาในรูปแบบ Green Insurance ซึ่งจะเป็นผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ช่วยส่งเสริมการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม บริษัทฯ จึงนำแนวคิด Green Insurance มาพัฒนาร่วมกับผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่มีอยู่ อาทิ ให้ความคุ้มครองการทดแทนสิ่งปลูกสร้างหรืออาคารที่สร้างขึ้นใหม่ด้วยวัสดุในการปลูกสร้างที่เป็น Eco-Friendly ในการประกันอัคคีภัย นอกจากนี้จะสร้างแรงจูงใจด้วยการให้ส่วนลดเบี้ยประกันพิเศษ เพื่อสนับสนุนให้ใช้วัสดุในการปลูกสร้างที่เป็น Eco-Friendly มากขึ้น ถึงแม้จะเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ แต่เชื่อว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่จะช่วยลดปัญหาของสิ่งแวดล้อมในระยะยาวได้” นางฐวิกาญจน์ กล่าว

ในส่วนของการพัฒนาด้านเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาระบบงาน Non-Motor บริษัทฯ มี Roadmap ในการพัฒนาระบบ New Core System โดยมีการเริ่มใช้งานระบบ New Core Phase 1 ในส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันภัยการเดินทาง เมื่อช่วงธันวาคม 2566 และ Phase ต่อไปในปี 2567 จะเป็นในส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพและประกันอุบัติเหตุ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพระบบการบริการประกันภัยและสินไหมรองรับการเติบโตของบริษัทฯ

“นอกเหนือจากความคุ้มครองที่วิริยะประกันภัยดูแลลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง วิริยะประกันภัยได้ยกระดับการดูแลลูกค้าดั่งแคมเปญบริษัทฯ ในปี 2567 ที่ว่า “มากกว่าความคุ้มครอง คือ ความคุ้มค่า” ผ่านโครงการ Viriyah Privileges ด้วยการมอบหลากหลายสิทธิพิเศษให้แก่ลูกค้าเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีตลอดระยะเวลาที่เป็นสมาชิกของวิริยะประกันภัยตามเงื่อนไขของโครงการ โดยร่วมกับพันธมิตรแบรนด์ดังมากมาย และโรงพยาบาลชั้นนำ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจประกันภัย ในการส่งมอบบริการและประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าได้อย่างครอบคลุมทุกมิติ” นางฐวิกาญจน์ กล่าว

ฮอนด้า ส่งนักบิดดาวรุ่งเพิ่มประสบการณ์

“ฮอนด้า” ส่งนักบิดดาวรุ่ง เรียนรู้ประสบการณ์ โชว์ผลงานเยี่ยม! “เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2024” กาตาร์

“ฮอนด้า” ส่งนักบิดดาวรุ่ง นำโดย “จิมมี่” บูรพา วันมูล พร้อม “ไม้คิว” เกียรติศักดิ์ สิงหพงษ์ และ “ไฮ-เปค” กฤษฎา ธนะโชติ เรียนรู้ประสบการณ์ มุ่งพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตามแนวคิด “The Next Successor To Become The World Class Riders” ลงประชันฝีมือในการแข่งขันรายการ “อิเดมิตซึ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2024” ซึ่งจัดโดยดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์ และ ผู้จัดการแข่งขัน รถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือ โมโตจีพี เพื่อเปิดโอกาสให้นักบิดเยาวชน อายุระหว่าง 14-17 ปี ที่มีความสามารถมากที่สุดในเอเชียและโอเชียเนียได้ลงแข่งและเรียนรู้บนเส้นทางสู่ MotoGP™ ด้วยรถแข่ง Honda NSF250R Moto3™ นักบิดดาวรุ่งสามารถสร้างผลงานคว้าแต้มและต่อสู้กับกลุ่มหัวแถวได้อย่างเข้มข้น ในสนามเปิดฤดูกาล เมื่อสุดสัปดาห์ผ่านมา ที่ ลูแซล อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศกาตาร์

การแข่งขันรายการ “เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2024” เรซที่ 1 เมื่อวันเสาร์ที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา นักบิดดาวรุ่ง “ไม้คิว-เกียรติศักดิ์” กับรถแข่งหมายเลข 20 ออกสตาร์ตสามารถขึ้นอยู่ในกลุ่มผู้นำได้ทันที พร้อมสลับตำแหน่งกับกลุ่มลุ้นโพเดียมอย่างต่อเนื่องจนถึงทางตรงรอบสุดท้ายก่อนที่จะผ่านธงตราหมากรุกในอันดับที่ 5 ตามด้วย “ไฮเปค-กฤษฎา” กับรถแข่งหมายเลข 23 เข้าเส้นชัยมาในอันดับที่ 13 และ “จิมมี่-บูรพา” กับรถแข่งหมายเลข 10 เข้าเส้นชัยมาในอันดับที่ 15

การแข่งขันเรซที่ 2 ดวลกันต่อเนื่องในวันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา “ไม้คิว-เกียรติศักดิ์” กับรถแข่งหมายเลข 20 เริ่มต้นการแข่งขันสามารถรั้งอยู่ในกลุ่มนำได้ทันที พร้อมรักษาอันดับทำความเร็วได้อย่างยอดเยี่ยม จบการแข่งขันในอันดับที่ 4 ขณะที่ “จิมมี่-บูรพา” กับรถแข่งหมายเลข 10 เข้าเส้นชัยมาเป็นอันดับที่ 11 และ “ไฮเปค-กฤษฎา” กับรถแข่งหมายเลข 23 ตามมาในอันดับที่ 12

“ฮอนด้า” ได้วางโร้ดแมปการพัฒนานักแข่งอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ภายใต้โครงการ “เรซ ทู เดอะ ดรีม” และ “เรซ ทู เดอะ แชมป์เปี้ยน” โดยสนับสนุนนักแข่งไทยไปสร้างผลงานและทำชื่อเสียงให้แก่ประเทศ ในรายการการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก อย่าง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ในรุ่นโมโตทู และปีนี้ตามด้วย “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ในรุ่นโมโตทรี และ “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร ในรายการ “เอฟไอเอ็ม จูเนียร์จีพี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ” ควบ “เรดบูล โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ” ทั้ง 3 ดาวรุ่งไทยที่เริ่มต้นเส้นทางสู่นักแข่งมืออาชีพจาก “ฮอนด้า อะคาเดมี่” และล่าสุดกับรายการ “เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2024” ดังกล่าว

แฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตสามารถส่งแรงใจเชียร์นักแข่ง “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ในการแข่งขันฤดูกาลปี 2024 แบบเต็มกระดานระดับโลก พร้อมติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของนักบิดไทยในโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” และ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ แชมเปี้ยน” ได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : Race to The Dream

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save