- Advertisement -
28.9 C
Bangkok
Homeข่าวประชาสัมพันธ์GAC AION ปักหลักไทยฐานผลิตรถไฟฟ้าพวงมาลัยขวาส่งออกทั่วโลก

GAC AION ปักหลักไทยฐานผลิตรถไฟฟ้าพวงมาลัยขวาส่งออกทั่วโลก

- Advertisement -

GAC AION ปักหลักประเทศไทย เปิดโรงงานผลิตแห่งแรกในต่างประเทศและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มุ่งเป็นฮับการผลิตและส่งออกทั่วโลก ณ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง เขตโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC บนพื้นที่ 85,000 ตารางเมตร จับตลาดรถพวงมาลัยขวา มุ่งมั่นสร้างการเติบโตทั้งด้านแบรนด์และยอดจำหน่ายทั่วโลก

ระยอง, ประเทศไทย – 17 กรกฎาคม 2567 – บริษัท ไอออน ออโตโมบิล แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) หรือ GAC AION ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับโลกสัญชาติจีน เปิดโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแห่งแรกนอกประเทศจีน ณ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง ในเขตโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC บนพื้นที่ 85,000 ตารางเมตร มีความพร้อมด้วยเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงตามมาตรฐานระดับโลก เพื่อมุ่งมั่นผลักดันประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ทั้งผลิตและจำหน่ายในประเทศรวมถึงส่งออกไปยังประเทศที่ใช้รถพวงมาลัยขวาทั่วโลก เพื่อสร้างการเติบโตทั้งด้านแบรนด์และยอดจำหน่าย ตลอดจนถึงผลักดันเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคให้เติบโตร่วมกัน

การเข้ามาตั้งโรงงานในประเทศไทยของ GAC AION ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาด้านการขาย การจัดจำหน่ายและการส่งเสริมศักยภาพความแข็งแกร่งของแบรนด์ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่มีคุณภาพและมาตรฐานการผลิตเช่นเดียวกับโรงงานในประเทศจีน โดยวางกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงที่เป็นไปตามมาตรฐานระดับโลก สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ มีคุณภาพสูง และเป็นมาตรฐานในเรื่องการอนุรักษ์พลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม โดย AION ได้ปรับปรุงแผนพัฒนาทั้งหมด 6 แนวทาง ซึ่งรวมถึง การเพิ่มความสามารถในการผลิต การขยายสายผลิตภัณฑ์ และการกำหนดแนวทางของตลาดในเรื่องฐานการผลิตและจำหน่ายทั่วประเทศ

มร.เจิง ชิ่งหง (Zeng Qinghong) ประธานบริษัท GAC กรุ๊ป กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของบริษัทฯ ว่า “GAC กรุ๊ป เป็นบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 500 เป็นเวลา 11 ปี ติดต่อกัน และในปี 2566 GAC AION ยังคงอยู่ในอันดับที่ 165 และมียอดขายสูงถึง 2.5 ล้านคัน (ยอดขายรวมของทั้ง GAC กรุ๊ป) ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในด้านการขยายตลาดในเกือบทุกภูมิภาคของโลก ได้เข้าสู่ตลาดแล้วกว่า 30 ประเทศ ในห้าทวีปหลักของโลก และยังเป็นหนึ่งในบริษัทแรกๆ ที่เข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะและเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ภายใต้กระแส “การเปลี่ยนแปลงสี่ด้าน” โดยในปี 2017 ได้ลงทุน 45,000 ล้านหยวน (6,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อสร้างโรงงาน Guangzhou Automobile Group (GAC) รวมถึงได้ลงทุน 45 พันล้านหยวน (2.25 แสนล้านบาท) เพื่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ (GAC Zhilian New Energy Automobile Industrial Park) เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า”

       มร.เจิง ชิ่งหง (Zeng Qinghong) ประธานบริษัท GAC กรุ๊ป

โดย AION เป็นบริษัทแนวหน้าของ GAC กรุ๊ป ในการพัฒนาของรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะสู่ตลาดโลก ที่ได้สร้างเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้มีความล้ำหน้าและเป็นเอกลักษณ์ โดยเป็นแบรนด์ที่มียอดขายครบ 1 ล้านคัน ด้วยระยะเวลาที่ “เร็วที่สุดในโลก” เพียง 4 ปี 8 เดือน และ GAC AION ยังคงอยู่ในสามอันดับแรกของยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ทั่วโลก ทั้งนี้ GAC AION มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการก้าวสู่โลกเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคต โดยได้ค้นคว้าวิจัยและพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า และเทคโนโลยีอัจฉริยะ รวมถึงการเชื่อมต่อเครือข่ายอัจฉริยะและยานพาหนะพลังงานใหม่ โดยมีโรงงานผลิตรถยนต์ที่มีเทคโนโลยี แพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ (AEP Platform) และเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก ทำให้ GAC AION ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในการพัฒนารถยนต์พลังงานใหม่ในประเทศจีน

การเปิดตัวโรงงานในประเทศไทยครั้งนี้ เป็นกลยุทธ์ของบริษัทฯ ในการขยายตลาด ที่มุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ในระดับสากล สร้างการผลิตและผลักดันให้เกิดการจำหน่าย รวมถึงกระจายความรู้ทางด้านเทคโนโลยีอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ไปสู่ระดับท้องถิ่น ซึ่ง AION ได้นำเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยที่สุดเข้ามาในประเทศไทย พร้อมกับวางแผนสายงานอย่างครบวงจรทั้งหมด ทั้งระบบนิเวศพลังงาน วางรากฐานการฝึกอบรมพนักงาน และสร้างระบบอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ระดับโลก เพื่อช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ยิ่งไปกว่านั้น การเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ GAC AION ในประเทศไทย ถือเป็นการเสริมสร้างศักยภาพทางการแข่งขันของแบรนด์ทั้งในประเทศไทยและในระดับสากล ด้วยการเป็นฐานการผลิตรถยนต์แห่งแรกในต่างประเทศของ GAC AION ซึ่งปัจจุบันมีโรงงานผลิตสองแห่งในประเทศจีน มีกำลังการผลิต 500,000 คันต่อปี และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีมากกว่า 120% ทั้งยังมียอดการผลิตและจำหน่ายอยู่ในสามอันดับแรกของอุตสาหกรรม ทั้งนี้ เมื่อเปิดโรงงานแห่งนี้ขึ้นอีกหนึ่งแห่ง จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพให้กับบริษัทฯ ในการเป็นผู้ผลิตรถยนต์พลังงานทางเลือกที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก และยังมีแผนสร้างฐานการผลิตและการจำหน่ายใน 7 พื้นที่ทั่วโลก

“ไม่เพียงแค่การประกอบรถเท่านั้น แต่เราจะนำเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยที่สุดเข้ามาในประเทศไทย พร้อมวางรากฐานที่แข็งแกร่งเพื่อให้การจำหน่ายและการบริการเป็นไปได้อย่างครอบคลุมทั่วประเทศ” มร.เจิง ชิ่งหง กล่าว

ความสำเร็จจากการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย จะแสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออันดีระหว่างจีนและไทยในด้านพลังงานใหม่ และเกิดเป็นการพัฒนาร่วมกันต่อไปในระยะยาว เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย “การแบ่งปันเทคโนโลยีและการแลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์” ซึ่งสนับสนุนนโยบายในการเปลี่ยนแปลงพลังงานรถยนต์ให้เป็นพลังงานสีเขียว โดยโรงงานแห่งใหม่นี้ จะมุ่งเน้นการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว มีการปล่อยคาร์บอนต่ำ เพื่ออยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) กล่าวว่า “ผมขอชื่นชม GAC AION ที่ได้ร่วมกันผลักดันให้เกิดโครงการลงทุนที่สำคัญแห่งนี้ในประเทศไทย นับจากวันที่ผมได้มีโอกาสได้พูดคุยหารือกับทีมผู้บริหาร GAC AION ซึ่งได้เดินทางมาเยือนประเทศไทยเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว และได้รับการอนุมัติโครงการในเดือนกันยายนของปีเดียวกัน ไม่น่าเชื่อว่าระยะเวลาเพียง 10 เดือน ในการเตรียมการลงทุนเพื่อเปิดโรงงาน แสดงถึงความมุ่งมั่นและการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพของทีมงาน GAC AION ในการเดินหน้าขยายธุรกิจด้วยความรวดเร็ว เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ นอกจากนี้ ความรวดเร็วในการเปิดโรงงานของ GAC AION ยังสะท้อนถึงศักยภาพของไทยที่จะเป็นแหล่งรองรับการลงทุนของบริษัทชั้นนำจากประเทศจีน และความพร้อมที่จะเป็นฐานการผลิตและส่งออกยานยนต์ไฟฟ้าอันดับ 1 ของภูมิภาคอีกด้วย”

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)

นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า “ประเทศไทยให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนยานยนต์สมัยใหม่เพื่อให้ไทยเป็นหนึ่งในฐานการผลิตยานยนต์แห่งอนาคตของโลก โดยมีการกำหนดเป้าหมายและแผนงานในการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ให้ได้ร้อยละ 30 ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดภายในปี 2030 ภายใต้แผน 30-30 รวมถึงการพัฒนาแรงงานฝีมือ การสร้างความเชื่อมั่นด้านมาตรฐานและความปลอดภัย ตลอดจนการให้บริการศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติและศูนย์ทดสอบแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า (ATTiC) ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ EEC เพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนายานยนต์สมัยใหม่ในภูมิภาคอาเซียน ภายใต้วิสัยทัศน์ที่รัฐบาลกำหนดให้ “ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของโลก”

    นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

มร.กู่ ฮุ่ยหนาน (Gu Huinan) ประธานกรรมการบริษัท GAC AION กล่าวว่า “โรงงานผลิตรถยนต์อัจฉริยะของ GAC AION ในประเทศไทยที่กำลังจะเปิดอย่างเป็นการทางในวันนี้ ได้นำเทคโนโลยีการผลิตรถยนต์ที่ล้ำสมัยที่สุดจากโรงงานในประเทศจีน และถือเป็นโอกาสอันดีที่ประเทศจีนจะมีความร่วมมืออันดีที่เป็นมิตรกับประเทศไทย ในการผลักดันอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่ระหว่างสองประเทศ ให้มีความก้าวหน้าและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ผ่านการสนับสนุนจากภาครัฐของประเทศไทยและประเทศจีน”

       มร.กู่ ฮุ่ยหนาน (Gu Huinan) ประธานกรรมการบริษัท GAC AION

มร.หม่า ไห่หยาง (Ma Haiyang) ผู้จัดการทั่วไป GAC AION ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทฯ GAC AION ได้ยึดมั่นในแนวคิดหลักว่า “คุณภาพต้องมาก่อน” และมุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการผ่านยานยนต์พลังงานใหม่ที่มีคุณภาพและชาญฉลาดแก่ผู้บริโภคทั่วโลก ด้วยจุดเด่นด้านการผลิตที่ก้าวหน้าระดับโลก 4 ประการ ได้แก่ ความอัจฉริยะทางเทคโนโลยีขั้นสูง คุณภาพสูง ประสิทธิภาพสูง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และในวันนี้ ความสำเร็จของโรงงานในประเทศไทยไม่เพียงแต่เป็นเครื่องแสดงว่า AION ได้สร้างแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับโลกอย่างแท้จริง แต่ยังส่งเสริมผลิตภัณฑ์ไฮเทค อุตสาหกรรมเทคโนโลยี และวัฒนธรรมเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมพลังงานใหม่ของจีนไปต่างประเทศ” และเรามีความยินดีที่จะแนะนำรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดของเราอย่าง AION V เจเนอเรชันที่ 2 ที่มาพร้อมกับความสามารถที่รอบด้าน เทคโนโลยีอันเหนือชั้น และมีความปลอดภัยสูง โดยการเผยโฉมในครั้งนี้ เกิดขึ้นพร้อมกันกับการเผยโฉมรถ AION V เจเนอเรชันที่ 2 ในประเทศจีน

มร.หม่า ไห่หยาง (Ma Haiyang) ผู้จัดการทั่วไป GAC AION ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

โรงงานผลิตรถยนต์เชิงนิเวศอัจฉริยะแห่งนี้ถือเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์การทำตลาดในระดับโลกของเรา โดยมีข้อได้เปรียบด้านการผลิตอัจฉริยะชั้นนำของโลกสี่ประการ ได้แก่ ความอัจฉริยะทางเทคโนโลยีขั้นสูง คุณภาพสูง ประสิทธิภาพสูง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เราประสบความสำเร็จในการเชื่อมต่อข้อมูล 100% ในการผลิตแบบครบวงจร โดยมีการใช้หุ่นยนต์ร่วมกับเทคโนโลยี AI เพื่อให้แน่ใจว่ารถยนต์ไฟฟ้าของ GAC AION จะไม่มีข้อบกพร่อง และเราตระหนักถึงการสลับแบบเรียลไทม์ของการกำหนดค่า 10W+ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้หลายพันคน เราใช้ “การรวมการจัดเก็บแสง การชาร์จ และการเปลี่ยน” การใช้พลังงานอย่างครอบคลุมเพื่อมอบ “โซลูชัน AION” สำหรับการเปลี่ยนแปลงสีเขียวของอุตสาหกรรมการผลิตของไทย

“การเปิดโรงงานผลิตรถยนต์เชิงนิเวศอัจฉริยะ GAC AION ในประเทศไทยครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นก้าวสำคัญของกลยุทธ์ที่จะก้าวเข้าสู่ตลาดโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาร่วมกันของอุตสาหกรรมยานยนต์ระหว่างไทยและจีน ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่าประเทศไทยเป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีศักยภาพมากที่สุด และคาดว่าในอนาคต โรงงานแห่งนี้จะกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้การพัฒนาขึ้นในประเทศไทย ผลักดันให้เกิดการจ้างงาน สร้างบุคลากรด้านเทคโนโลยีชั้นสูงสำหรับประเทศไทย และช่วยให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจของประเทศไทยอีกทางหนึ่ง” มร.หม่า ไห่หยาง กล่าว

สำหรับโรงงานในประเทศไทยจะใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับชั้นนำของโลก และควบคุมคุณภาพการผลิตด้วยเทคโนโลยี AI ที่ทรงพลัง การผลิตอัจฉริยะไร้คาร์บอนชั้นนำของโลก รวมถึงการเป็นโรงงานประกอบรถยนต์ที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีโรงงานประกอบรถยนต์พลังงานสะอาด จาก GAC AION ประเทศจีน ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นโรงงานประกอบรถยนต์พลังงานใหม่ Lighthouse Factory แห่งแรกและแห่งเดียวในโลก โดยรางวัลดังกล่าวจัดขึ้นโดย World Economic Forum ที่ได้ร่วมมือกับองค์กรชั้นนำอย่าง McKinsey & Company ในการคัดเลือกโรงงานอุตสาหกรรมที่เข้าเกณฑ์เทคโนโลยีอุตสาหกรรม 4.0 ที่มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลอัจฉริยะ ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมถึงเทคโนโลยีการผลิตแบบคาร์บอนต่ำ เป็นการตอกย้ำว่า GAC AION มุ่งมั่นเพื่อผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานสะอาดให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืน

ในการเปิดตัวโรงงานครั้งนี้ GAC AION ยังได้นำเสนอรถยนต์ไฟฟ้า AION V เจเนอเรชันที่ 2 อย่างเป็นทางการครั้งแรกของโลก ซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกับการเผยโฉม AION V เจเนอเรชันที่ 2 ในประเทศจีนอีกด้วย เพื่อตอกย้ำความสำคัญของตลาดในประเทศไทย รวมถึงนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ล้ำสมัยและทันสมัยที่สุดสู่ตลาดโลก โดยผลิตขึ้นตามหลักการ 8 จุดเด่นหลัก ได้แก่ ดีไซน์ที่โดดเด่น, พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง, เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว, ระบบขับขี่อัจฉริยะระดับโลก, เทคโนโลยี AI อัจฉริยะ, มีระยะทางวิ่งไกลและทนทานต่อสภาพอากาศ, เทคโนโลยีชาร์จเร็วอัจฉริยะ, แบตเตอรี่มีความปลอดภัยสูง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก

นอกจากนี้ GAC AION ยังได้มอบรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 2 คัน ให้กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และวิทยาลัยเทคนิคชลบุรี ตามโครงการความร่วมมือระหว่าง GAC AION และสถาบันการศึกษาในประเทศไทย สำหรับใช้ในการศึกษาและเรียนรู้ ของนิสิตนักศึกษารวมถึงบุคลากรที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนด้านรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อพัฒนาบุคลากรให้สอดคล้องตรงตามความต้องการของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยในอนาคตต่อไป

- Advertisement -
- Advertisement -
- Advertisement -
ช่องทางติดตามสมาคม
16,985FansLike
2,458FollowersFollow
61,453SubscribersSubscribe
เรื่องหน้าสนใจ
- Advertisement -
- Advertisement -
เรื่องล่าสุด
- Advertisement -

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save