- Advertisement -
28.8 C
Bangkok
Homeข่าวประชาสัมพันธ์พลิกตำนานปิกอัพมาสด้าในประเทศไทยกว่า 74 ปี

พลิกตำนานปิกอัพมาสด้าในประเทศไทยกว่า 74 ปี

- Advertisement -

ย้อนตำนานต้นกำเนิดปิกอัพมาสด้าในประเทศไทยกว่า 74 ปี ยังคงสรรสร้างยนตรกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะไม่เหมือนใคร กับอนาคตแห่งความภูมิใจที่จะสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าภายใต้แบรนด์มาสด้าอย่างยั่งยืน

การไหลผ่านของเวลาที่ล่วงเลยมาอย่างยาวนานของมาสด้า คือบทพิสูจน์บนเส้นทางแห่งความสำเร็จในการมุ่งมั่นพัฒนายานยนต์ไปพร้อมกับการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า และความภาคภูมิใจแห่งยนตรกรรม ตลอดระยะเวลาอันยาวนานยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง ด้วยก้าวย่างที่มั่นคง แข็งแรง สร้างพื้นฐานไว้อย่างแน่นหนา จวบจนปัจจุบัน เป็นบทสรุปแห่งความสำเร็จกว่า 74 ปี ในประเทศไทย “มาสด้า” ก่อตั้งโดย “คุณจูจิโร่ มัทซึดะ” เริ่มต้นจากอุตสาหกรรมจุกไม้คอร์กในปี พ.ศ. 2463 ต่อมาเริ่มผลิตเครื่องมือกลไกในปี พ.ศ. 2472 เนื่องจากเป็นผู้ที่หลงใหลในเทคโนโลยีของรถมอเตอร์ไซค์ ทำให้ มร. มัทสึดะ ก้าวเข้าสู่โลกของการผลิตมอเตอร์ไซค์ กระทั่งในปี พ.ศ. 2474 จึงได้เริ่มผลิตรถบรรทุกสามล้อ เรียกว่า “มาสด้า โก” เป็นรถคันแรกที่ผลิตออกสู่ตลาดในนาม “มาสด้า” ก่อนที่จะได้เริ่มผลิตเครื่องยนต์ 2 จังหวะ เป็นรายแรกของโลก ปัจจุบัน “มาสด้าเป็นผู้ผลิตเพียงรายเดียวที่ผลิตเครื่องยนต์โรตารี่”

ตำนานที่คงอยู่ตลอดกาล หลังจากเริ่มนำรถมาสด้าเข้ามาให้คนได้รู้จัก ในปี พ.ศ. 2507 โดย บริษัท กมลสุโกศล ได้นำเข้าปักอัพมาสด้าตัวแรก รุ่น 800 ซีซี 4 สูบ เข้ามาจำหน่ายในชื่อรุ่น “Familia 800” ความจุ 782 ซีซี 48 แรงม้า แบบ 4 ประตู ซึ่งได้รับความนิยมและถูกกล่าวขานมาจนถึงปัจจุบัน

ลงทุนสร้างโรงงานในไทยปักหลักตลาดสำคัญฐานผลิตและส่งออกทั่วโลก

ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2538 มาสด้าได้ตกลงร่วมทุนกับพันธมิตรก่อตั้ง บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตและประกอบรถยนต์แห่งใหม่ที่จังหวัดระยอง และเริ่มทำการผลิตเต็มอัตราในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2540 บนเนื้อที่ 529 ไร่ ด้วยเงินลงทุนถึง 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีกำลังการผลิต 135,000 คันต่อปี และผลิตรถกระบะขนาด 1 ตัน รุ่น B2500 สำหรับส่งออก และจำหน่ายภายในประเทศ รวมถึงรถยนต์นั่งรุ่น 323 โปรทีเจ

มาถึงปี พ.ศ. 2542 ด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จึงได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น จัดตั้งคณะผู้บริหารใหม่ เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ เป็น “บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด” มุ่งเน้นแนวทางการบริหารไปที่ด้านการตลาด การขาย การบริการลูกค้า และการสนับสนุนผู้จำหน่าย เพื่อนำเสนอรถยนต์มาสด้ารุ่นต่างๆ มากยิ่งขึ้น ทำให้มาสด้าเริ่มต้นการผลิตรถปิกอัพที่ ชื่อว่า มาสด้า ไฟเตอร์ โฉมใหม่ ถือเป็นผู้บุกเบิกรถปิกอัพที่มีประตูแค็บเปิดได้เป็นครั้งแรกของโลก และทำให้มาสด้าประสบความความสำเร็จอย่างสูง โดยมียอดขายสะสมสูงกว่า 55,000 คัน

จุดเริ่มต้นตำนาน MAZDA BT-50

เมื่อเดือนมีนาคม 2549 มาสด้าเปิดตัวแนะนำรถสปอร์ตปิกอัพ MAZDA BT-50 เครื่องยนต์คอมมอลเรล ให้พลังแรงเต็มพิกัด ด้วยรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวทั้งภายนอกและภายใน พิถีพิถันใส่ใจทุกรายละเอียด ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ซูม-ซูม” โชว์เทคโนโลยีด้านวิศวกรรมยานยนต์สุดล้ำแห่งอนาคต พร้อมระบบความปลอดภัยเต็มคัน สร้างชื่อเสียงของแบรนด์มาสด้าให้กระหึ่มทั่วโลกอีกครั้ง

รถปิกอัพมาสด้า BT-50 ได้รับการออกแบบภายใต้ DNA ของมาสด้า ประกอบด้วยดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว พิถีพิถันทุกรายละเอียด และขีดสุดแห่งพลังที่สอดคล้องเป็นหนึ่งเดียว เป็นรถปิกอัพโฉมเฉี่ยวสไตล์ ซูม-ซูม รวมถึงเครื่องยนต์อันทรงพลัง คอมมอนเรล ชื่อ มาสด้า BT-50 เป็นชื่อที่ใช้สำหรับตลาดทั่วโลก คำว่า มาสด้า BT-50 มาจาก B-Series Truck ซึ่งเป็นรหัสที่ใช้เรียกรถปิกอัพมาสด้ามาอย่างยาวนานและถือเป็นตำนานรถปิกอัพมาสด้า ส่วนตัวเลข 50  หมายถึงความสมดุลที่อยู่กึ่งกลางของน้ำหนักการบรรทุกของปิกอัพครึ่งตัน และมีน้ำหนักบรรทุกมากกว่า 1 ตัน ซึ่งสร้างความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อรถรุ่นนี้ได้เปิดตัวที่ประเทศไทยเป็นแห่งแรกของโลก โดยผลิตจากโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ มีมาตรฐานเดียวกับโรงงานมาสด้า ประเทศญี่ปุ่น ควบคุมดูแลโดยทีมวิศวกรมาสด้า ผลิตและจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปยังกว่า 130 ประเทศ ทั่วโลก

มาสด้า BT-50 เครื่องยนต์ใหม่ล่าสุด ดีเซล ไดเรคท์อินเจ็คชัน เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ พร้อมระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิงเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด คอมมอนเรล มีให้เลือกทั้งแบบ MZR-CD 3,000 ซีซี 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร และ MZR-CD 2,500 ซีซี 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 330 นิวตันเมตร ถือได้ว่าเป็นเครื่องยนต์ที่แรงที่สุดในรถกระบะเมืองไทย เพราะให้แรงบิดสูงสุดมหาศาลอย่างต่อเนื่อง

สร้างมาตรฐานปิกอัพใหม่แนะนำฟรีสไตล์แค็ปเจ้าแรกจนเป็นที่นิยมในตลาด

ต่อมาในเดือนมกราคม 2555 มาสด้าเริ่มสตาร์ทอีกครั้ง ด้วยการแนะนำ มาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ มาพร้อมคอนเซ็ปต์แบบฮีโร่ “ขับเคลื่อนทุกสิ่ง…ให้เป็นจริงได้” ซึ่งเป็นรถปิกอัพรุ่นใหม่ล่าสุดจากสายการผลิตในประเทศไทยที่พร้อมอวดโฉมอันสง่างามดุจรถยนต์นั่งระดับหรู ที่ลบภาพความเป็นปิกอัพแบบเดิมๆ จนหมดสิ้น เหนือชั้นด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์ที่สปอร์ตโฉบเฉี่ยวสไตล์ ซูม-ซูม มาพร้อมเครื่องยนต์อันทรงพลังแรงสุดในตลาด ดีไอ-ธันเดอร์ โปร (Di-THUNDER PRO) อัดแน่นด้วยออพชั่นที่ใส่มาแบบเต็มๆ รูปลักษณ์การออกแบบที่งดงามทั้งภายนอกและภายในดุจรถอเนกประสงค์สุดหรูและมีมิติขนาดที่ใหญ่สุดในตลาด ซึ่งมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ มีให้ลูกค้าได้เลือกหลายรุ่นทั้ง ฟรีสไตล์แค็ป หรือบานแค็ปเปิดได้ และดับเบิ้ลแค็ป 4 ประตู มาใน 2 เครื่องยนต์ คือ ดีไอ-ธันเดอร์ โปร 3.2 ลิตร 200 แรงม้า แรงบิด 470 นิวตันเมตร  และ ดีไอ-ธันเดอร์ โปร 2.2 ลิตร 150 แรงม้า แรงบิด 375 นิวตันเมตร ที่ให้ทั้งความแรงและประหยัดน้ำมัน มีทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ โดยเฉพาะรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อแบบยกสูง หรือ Hi-Racer จะเป็นจุดขายที่สำคัญของมาสด้าซึ่งจะทำให้มาสด้าบรรลุเป้าหมายการขายรถปิกอัพที่ตั้งไว้ในปีนี้  22,000 คันอย่างแน่นอน

ปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปร ใหม่ ได้ฉีกทุกกฎของการออกแบบปิกอัพแบบเดิมๆ ด้วยการผสมผสานแนวคิดการออกแบบที่เน้นความสวยงามมีสไตล์ ควบคู่กับการใช้งานของปิกอัพที่มากกว่ารถเก๋ง ออกแบบภายใต้แนวคิด “นากาเร่” เป็นความงดงามที่อยู่ในธรรมชาติ ด้วยเส้นสายที่พลิ้วไหวและดุดันมาประยุกต์ให้เข้ากับแนวคิดการออกแบบ “โคโดะ” หรือจิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว ด้วยแรงบันดาลใจจากภาพของเสือชีต้าห์อันสง่างาม น่าเกรงขาม แต่คงไว้ซึ่งความปราดเปรียวและพลังที่ดุดัน พร้อมกระโจนไปข้างหน้าอย่างว่องไว ทำให้มาสด้า บีที -50 โปร ใหม่ เป็นปิกอัพคันแรกของโลกที่มีเส้นสายที่สวยงามพลิ้วไหวอยู่รอบคันตั้งแต่ด้านหน้าจรดท้าย ให้อารมณ์ความสปอร์ตและมีบุคลิกที่โดดเด่น ฉีกออกจากรถปิกอัพแบบเดิมๆ นอกจากนี้สิ่งอำนวยความสะดวกที่มาพร้อมรูปลักษณ์อันสง่างามทันสมัยนี้ คือความลงตัวใหม่สำหรับทุกรูปแบบการใช้งาน และยังมีขนาดของมิติตัวถังที่ใหญ่สุดในตลาดรถปิกอัพของประเทศไทย สร้างความสำเร็จอย่างมากด้วยยอดขายสะสมสูงถึง 110,000 คัน

มาสด้า นักสู้ผู้ไม่เคยย่อท้อ

ล่าสุดเมื่อเดือนมกราคม 2564 ท่ามกลางการเผชิญหน้ากับวิกฤตโคโรน่าไวรัส แต่มาสด้าไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ มาสด้าเปิดตัวปิกอัพที่ลูกค้าทั่วโลกใฝ่ฝันและเฝ้ารอมานาน กับ All-New Mazda BT-50 เจเนอเรชั่นใหม่ ด้วยการผนวกคุณสมบัติของรถปิกอัพที่ดีที่สุดในโลกรวมเป็นหนึ่งเดียว คือ รถปิกอัพที่ถูกออกแบบอย่างสง่างามที่สุดโลก คัดสรรด้วยวัสดุคุณภาพระดับพรีเมี่ยม ประหยัดน้ำมันมากที่สุด มีความทนทานสูงสุด รวมทั้งค่าดูแลรักษาต่ำสุด  กลับมายึดฐานลูกค้าเพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดรถปิกอัพอีกครั้ง

All-New Mazda BT-50 เจนเนอเรชั่นใหม่ “พร้อม…กับทุกด้านของชีวิต” เติมเต็มทุกมิติของชีวิตดุจ Life-Partner สัมผัสแห่งดีไซน์อันสง่างามจาก “โคโดะ ดีไซน์” เน้นความเรียบง่ายแต่งดงาม เฉกเช่นเดียวกับรถยนต์นั่งและรถเอสยูวีตระกูล CX Series เจเนอเรชั่นใหม่ของมาสด้า ที่ผสานกับรูปลักษณ์อันทรงพลังสไตล์ปิกอัพ โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย มอบความสะดวกสบายเสมือนรถเอสยูวี และคุ้มค่าด้วยอัตราประหยัดน้ำมันมากที่สุดในคลาส การผนวกรวมจุดเด่นทั้งหมดเหล่านี้ และความต้องการของลูกค้าที่อยากจะเห็นจากรถปิกอัพในปัจจุบัน ทำให้ All-New Mazda BT-50 เป็นปิกอัพที่มีความอเนกประสงค์และตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายรูปแบบที่ตรงต่อความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน เป็นการปรับภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ให้กับตลาดปิกอัพ ตั้งแต่การใช้งานได้ในทุกโอกาส ขยายกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้กว้างขึ้นและเพิ่มโอกาสทางการขายให้มากขึ้น

ปัจจุบันผู้ซื้อรถปิกอัพ ไม่ได้มองเพียงแค่ความแข็งแกร่ง ความทนทานในการใช้งาน หรืออัตราการประหยัดน้ำมันเท่านั้น วันนี้ลูกค้าใส่ใจในทุกรายละเอียด ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์และดีไซน์มากขึ้น การผสมผสานความแข็งแกร่ง อึด ทน ในรถสไตล์รถปิกอัพเข้ากับ โคโดะ ดีไซน์ ที่เน้นความเรียบง่าย แต่งดงาม จึงเกิดเป็นความโดดเด่น แตกต่างไม่เหมือนใคร บ่งบอกได้ว่า นี่คือ ปิกอัพสายพันธุ์ใหม่ของมาสด้า เกิดเป็นความแข็งแกร่งควบคู่กับความสง่างามของรถปิกอัพยุคใหม่ ตอบโจทย์รูปแบบการเชื่อมต่อการสื่อสารในยุคปัจจุบันได้มากยิ่งขึ้น ด้วยระบบ Infotainment รองรับการเชื่อมต่อได้ทั้ง Apple CarPlay® แบบไร้สาย และ Android Auto™* ซึ่งสามารถใช้งาน Miracast แบบไร้สายผ่าน Wifi และรองรับการเชื่อมต่อแบบ MirrorLink อีกทั้งยังมีระบบนำทางที่ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งานโดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต

ก้าวที่มั่นคงสู่อนาคตที่ยั่งยืนของมาสด้าในประเทศไทย

ปัจจุบันมาสด้าลงทุนรวมกว่า 56,300 ล้านบาท มีกำลังการผลิตสูงถึง 240,000 คัน ส่งออกไปทั่วโลกกว่า 130 ประเทศ ในอาเซียน เอเชียแปซิฟิก ยุโรป ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อเมริกากลาง แอฟริกา รวมถึงส่งกลับไปจำหน่ายที่ประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันผลิตรถยนต์มาสด้า2, มาสด้า3, CX-3 และ CX-30 และลงทุนสร้างโรงงานแห่งใหม่ขึ้นเมื่อปี 2556 ภายใต้ชื่อ บริษัท มาสด้า พาวเวอร์เทรน เมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ MPMT จังหวัดชลบุรี บนเนื้อที่กว่า 800 ไร่ ผลิตเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซลและสกายแอคทีฟเบนซิน จำนวน 100,000 ลูก/ปี เกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟไดร์ฟ 400,000 ลูก/ปี ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเกียร์อัตโนมัตินอกประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก ด้วยเงินลงทุนกว่า 26,000 ล้านเยน หรือประมาณ 11,000 ล้านบาท และเพิ่มเงินลงทุนอีกประมาณ 22,100 ล้านเยน หรือประมาณ 7,500 ล้านบาท

น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับเรื่องราวความเป็นมาของรถปิกอัพมาสด้า นับจากอดีตจวบจนถึงปัจจุบัน ก้าวผ่านเรื่องราวผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านอุปสรรคต่างๆ มาแล้วมากมาย แต่ด้วยสปิริต ความเป็นมาสด้า เพราะเรากล้าที่จะแตกต่าง ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรคเฉกเช่นเดียวกับชาวฮิโรชิมา กว่า 104 ปี ของมาสด้าญี่ปุ่น กว่า 74 ปี ในประเทศไทย มาสด้ายังคงเดินหน้าตามแผนการดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืนในระยะยาว พร้อมสร้างความรัก ความผูกพัน ให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงประสบการณ์ที่ดี และเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้าได้ทุกรุ่น ทุกช่วงเวลาของชีวิต กลายเป็น “มาสด้า แฟมิลี่” นั่นคือแก่นแท้ของการดำเนินธุรกิจในรูปแบบของมาสด้าในประเทศไทย

- Advertisement -
- Advertisement -
- Advertisement -
ช่องทางติดตามสมาคม
16,985FansLike
2,458FollowersFollow
61,453SubscribersSubscribe
เรื่องหน้าสนใจ
- Advertisement -
- Advertisement -
เรื่องล่าสุด
- Advertisement -

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save